มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 801
“เจ้าหนุ่ม เจ้ามาจากโลกพิภพใดหรือ? มหายุทธ์ยังกล้ามาฝึกประสบการณ์ที่แหลกรานแดนดาราอีก ชักจะกล้าเกินไปแล้ว” ชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นกลางกล่าวขึ้น
“ข้ามาจากโลกแสงดาว ไม่ทราบทั้งสองท่านมีเรื่องอันใดหรือ?” หลัวซิวกล่าวอย่างเรียบ ๆ
“หือ? อยู่ต่อหน้าพวกเรายังแน่นิ่งเช่นนี้ได้ เจ้ามีความกล้าไม่น้อย น่าเสียดายที่ผลการฝึกตนต่ำเกินไป”
ชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นกลางเบ้ปาก “โลกแสงดาวข้าเคยได้ยินมาก่อน เจ้ามาฝึกประสบการณ์ที่นี่ได้โดยอาศัยผลการฝึกตนแดนมหายุทธ์ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ไม่เลยในโลกแสงดาว มอบแหวนเก็บของและอาวุธยุทธ์ของเจ้าออกมา ก็ไปได้แล้ว”
“ทั้งสองท่านคิดจะปล้นข้าอย่างนั้นรึ?” หลัวซิวรู้สึกขบขันยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าการพบกับนักยุทธ์จากโลกอื่นในแดนดารานอกครั้งแรกของตนเอง จะเป็นสถานการณ์เช่นนี้
“กว่างช่าว เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว พวกเราจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ไม่ได้” ชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นปลายกล่าวอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
“ได้ยินหรือยัง รีบมอบของออกมาเร็วเข้า” ชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นกลางพลันจับเข้าที่มือซ้ายของหลัวซิว เพราะที่มือซ้ายของเขาได้สวมเอาไว้ด้วยแหวนเก็บของวงหนึ่ง
พฤติกรรมของอีกฝ่ายนั้นป่าเถื่อนยิ่งนัก แต่ในโลกของการฝึกยุทธ์ เรื่องเช่นนี้กลับพบเห็นได้บ่อยยิ่งนัก เพราะแม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักร คิดจะฝึกตนให้บรรลุระดับที่สูงขึ้นไป ต้องการทรัพยากรอีกมากนัก และต้องตามหามาด้วยตนเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับกองกำลังที่อยู่ด้านหลัง
ร่องรอยความเยือกเย็นแวบขึ้นมาในดวงตาของหลัวซิว เหมือนว่าชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นปลายจะคิดว่าเขาไม่เป็นที่ต้องกังวล ดังนั้นเพื่อรักษาหน้าของตนเอง จึงไม่ได้ลงมือ
ผลัวะ!
มือของชายผมทองไม่ได้สัมผัสถึงแหวนเก็บของของหลัวซิว ทว่าใบหน้าของเขา กลัวถูกหลัวซิวฟาดเข้าให้หนึ่งครั้ง ร่างกำยำได้หมุนตัวลอยออกไป
ในเมื่อได้ลงมือแล้ว หลัวซิวก็ไม่มีทางที่จะกักเก็บฝีมือเอาไว้อีก ปีกทิพย์ไร้มลทินได้กางออกมาที่ด้านหลัง ปีกเพลิงดำทมิฬขนาดใหญ่ แผ่ซ่านกระแสพลังอันน่าตกตะลึงออกมา
แทบจะชั่วพริบตา หลัวซิวก็ตามชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นกลางที่ถูกตบจนปลิวออกไปมาทัน
“หาที่ตายนัก!”
ชายผมทองตวาดขึ้นมา ประกายแสงสีสองสาดส่องออกมาทั่วร่าง ลำแสงสีทองทุกสายต่างกลายร่างเป็นดาบกระบี่ ฟาดฟันเข้าหาหลัวซิวเหมือนดั่งฝูงผึ้ง
หลัวซิวขับเคลื่อนวรยุทธ์ พลังแห่งกฎความตายกลายเป็นกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำปกคลุมร่างกายเอาไว้ ราวกับเทพแห่งปีศาจเพลิงดำตนหนึ่ง
ปราณดาบกระบี่สีทองจำนวนมากถาโถมเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน แต่กลับถูกเปลวเพลิงสีกำเผาผลาญจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนดั่งไม่มีสิ่งใดสามารถกล้ำกรายได้
ในตอนนี้เอง หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่มาจากด้านหลัง วินาทีที่เขาตบจนชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นกลางลอยออกไปนั่นเอง ชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นปลายผู้นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ
แม้ว่าจะเป็นหนึ่งต่อสอง จากที่ตอนนี้ผลการฝึกตนของเขาได้บรรลุถึงแดนมหายุทธ์ หลัวซิวก็ไม่ได้หวาดเกรงเลยแม้แต่น้อย
ในช่วงที่ยกมือขึ้น ที่นิ้วมือก็ได้รวบรวมปราณกระบี่เพลิงดำออกมา ทักษะยุทธ์หมัดกระบี่ซัดออก ตรงเข้ารับกับฝ่ามือของนั่นเอง ชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นปลาย
ทว่าคนผู้นั้นกลับไม่ได้เห็นหลัวซิวอยู่ในสายตาเลยสักนิด ในสายตาของเขามหายุทธ์ผู้หนึ่งต่อให้ร้ายกาจถึงเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีของตนได้ เพราะเขาได้ผ่านการต่อสู้ในโลกที่ล่มสลายแห่งนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ความสามารถนั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้ายุทธจักรขั้นปลายในระดับเดียวกันมากนัก
ตูม!
เสียงทุ้มหนักดังขึ้นมาหนึ่งครั้ง ปราณกระบี่เพลิงดำแตกกระจาย สีหน้าของชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรขั้นปลายพลันเปลี่ยนไป เงาร่างถอยหลังไปหลายสิบเมตรอย่างรวดเร็ว
เขามองฝ่ามือของตัวเองอย่างตกตะลึง เลือดสด ๆ ไหลอาบอยู่ในเวลานี้ แทบจะปรากฏให้เห็นกระดูกสีขาวที่อยู่ด้านใน
หลัวซิวเองก็ได้ถูกพลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่ายกระแทกลอยกลับออกไป แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ