หากไม่ใช่เพราะหลัวซิวมีกระบี่เสวียนยวนที่ใช้ถนัดมือยิ่งกว่า เขาก็ทำใจไม่ได้ที่จะให้อาวุธขลังชั้นดีระเบิดตัวเอง
ตูม!
พลังการระเบิดตนเองของอาวุธขลัง กลบทับพื้นที่ไปเป็นบริเวณนับพันเมตร การป้องกันของชายผมทองพังทลายลงทันที บาดแผลเต็มไปทั้งตัว เลือดไหลอาบร่างร่วงล่นลงมาจากกลางอากาศ แทบจะสูญเสียพลังตอบโต้กลับไปในทันที
“ผลัวะ!”
ปราณกระบี่สีดำแวบผ่านไป กระบี่เสวียนยวนในมือของหลัวซิวกรีดลอยไปกลางอากาศ แทงทะลุตรงกลางระหว่างคิ้วของอีกฝ่ายไปในทันที วิญญาณหยั่งรู้แตกสลายในชั่วพริบตา
“เจ้ายุทธจักรช่วงปลายนี่ต่อกรได้ยากจริง ๆ”
หลัวซิวเก็บเอาแหวนเก็บของของทั้งสองคนมา ภาพการต่อสู้ทั้งหมดได้ปรากฏขึ้นในสมอง
หลังจากที่หลัวซิวได้บรรลุถึงแดนมหายุทธ์ เขานึกว่าตนจะสามารถสังหารเจ้ายุทธจักรช่วงปลายได้อย่างสบาย นอกจากนี้แล้วเขายังได้สังหารเจ้ายุทธจักรช่วงปลายของเผ่าหงส์ผู้หนึ่งกับมือ นับเป็นการพิสูจน์จุดนี้ได้
แต่หลังจากที่เขาได้มาถึงแดนดารานอก ถึงพบว่าตนเองนั้นคิดแคบจนเกินไป เพราะต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่ความแข็งแกร่งจะแตกต่างกันมาก
ก็เหมือนกับตัวของเขาเอง มีผลการฝึกตนอยู่ในแดนมหายุทธ์ขั้นหนึ่งเช่นเดียวกัน ต่อให้มหายุทธ์ร้อยคนหรือแม้กระทั่งพันคนรวมกัน ก็เทียบกับความแข็งแกร่งของเขาเพียงคนเดียวไม่ได้ ชายผมทองแดนเจ้ายุทธจักรช่วงปลายผู้นี้ เมื่อเทียบกับเจ้ายุทธจักรช่วงปลายของเผ่าหงส์ที่เขาได้สังหารเหล่านั้น อย่างน้อยแข็งแกร่งกว่าไม่ต่ำกว่าสิบเท่า!
“ดูแล้วแดนดารานอกแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่เลวเลยจริง ๆ ผู้ที่มาฝึกประสบการณ์ในที่นี้ได้ ก็น่าจะล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแดนเดียวกัน” จากการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้หลัวซิวคิดว่าตนเองไม่มีสิ่งใดต้องกลัวอีก เพราะยังมีผู้แข็งแกร่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอยู่ในแดนดารานอกแห่งนี้ หากต้องเผชิญหน้าละก็เขาไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้เก็บของลง หลัวซิวก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว สำหรับร่องรอยการต่อสู้นั้นไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจเลยสักนิด เพราะที่นี่คือแดนดารานอก ทุกเวลาทุกพื้นที่ ล้วนอาจเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นได้
จากนั้นไม่นานนัก หลัวซิวก็ได้มาถึงพื้นที่ที่มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบแห่ง มีสายฟ้าฟาดฟันลงมาจากนภาแตกร้าวในบางครั้งคราว ทำให้เกิดเป็นหลุมขาดใหญ่ขึ้นบนพื้นดิน
ที่น่าหวาดกลัวก็คือสายฟ้าที่ผ่าลงมาในที่แห่งนี้ ไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
“ไม่รู้เหมือนกันว่าข้าจะทนรับสายฟ้าที่ผ่าลงมาได้หรือไม่?”
หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ว่าพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสายฟ้าแห่งนี้จะอันตรายยิ่งนัก แต่กลับเป็นสถานที่กลั่นร่างที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เขาได้รับวิชากลั่นร่างมาจากวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่เขาฝึกฝน สามารถอาศัยพลังจากภายนอกมากระตุ้นพลังที่แฝงมีอยู่ เพื่อเพิ่มระดับแดนร่างยุทธ์ร่างเนื้อได้
แต่ไม่นานหลัวซิวก็ได้ละทิ้งความคิดนี้ไป เพราะในแดนดารานอกแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เขายังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นี่เลยสักนิด ต่อให้ต้องการฝึกฝนวิชากลั่นร่าง ก็จะต้องหาสถานที่ที่ปลอดภัยกว่านี้
อาศัยพลังจากภายนอกมากระตุ้นพลังที่แฝงมีอยู่เพื่อเพิ่มระดับแดนร่างยุทธ์ร่างเนื้อ จะทำให้ตัวเองตกอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดทรมานอย่างสุดขีด หากถูกรบกวนในสถานการณ์เช่นนี้ จะทำให้จิตใจฟุ้งซ่านได้โดยง่าย หากไม่ระวังอาจธาตุไฟเข้าแทรก อย่างน้อยทำให้ได้รับบาดเจ็บหนัก หนักหน่อยอาจถึงตายได้
หลัวซิวรีบออกมาจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยสายฟ้าอย่างรวดเร็ว และเดินไปยังทิศทางต่าง ๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน จากการสำรวจอยู่ระยะหนึ่ง ก็ได้พบเข้ากับถ้ำที่ค่อนข้างปลอดภัยขึ้นมาบ้างแห่งหนึ่ง
โลกที่ล่มสลายแห่งนี้ อาจมีฟ้าผ่าลงมา ลาวาพุ่งกระฉูดได้ในทุกหนทุกแห่ง มีอยู่บางครั้งยังได้เกิดน้ำท่วม พายุหมุนขนาดใหญ่ พูดได้ว่าอันตรายรอบด้าน
นอกจากนี้แล้วปริภูมิที่ไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก ยังสามารถเกิดเหตุการณ์ช่องอากาศฉีกขาด ปริภูมิปั่นป่วน
ภายใต้ความอันตรายเช่นนี้ ก็มีบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยแน่นอน เพียงแค่เมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ แล้ว สามารถอยู่ได้นานหน่อยเท่านั้นเอง