มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 924
การกระทำเช่นนี้ของเศษจิตสำนึกของหงเทียน แน่นอนว่าก็เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญหน้าโดนตรงกับตราทวยมรณะ แต่หลัวซิวก็ชอบใจที่เป็นเช่นนี้ เพราะเขาต้องการเวลาเพื่อกลั่นแปรภูตอัคคีขั้นที่สาม
เวลาได้ผ่านไปอีกครึ่งเดือนแล้ว เทพจิตของหลัวซิวได้ถูกเศษจิตสำนึกของหงเทียนบีบบังคับจนมาถึงมุมหนึ่ง ราวกับเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวมพลังกฎให้มากขึ้นเพื่อใช้ตราทวยมรณะ
“เจ้าหนู เจ้าไม่มีพลังเหลืออีกแล้ว ตายไปอย่างสงบเสียเถอะ!”
เศษจิตสำนึกของหงเทียนอ้าปากปล่อยกระบี่เต๋าปราณม่วงออกมา ผ่าอากาศพุ่งมาทางหลัวซิว เขาสามารถรับรู้ได้ เจ้าหนูที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่มีพลังมาต่อต้านตนแล้ว
“งั้นหรือ?”
จากนั้นในเวลานี้เอง หลัวซิวกลับยิ้มเยือกเย็นออกมา อยู่ดี ๆ นัยน์ตาคู่นั้นก็กลายเป็นสีแดงเข้ม เหมือนกับว่ามีอัคคีเทพลุกโชนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น
“ปัง!”
เปลวเพลิงสีแดงเข้มลุกโซนระเบิดออกมาจากบนร่างของเขา หลังจากกลั่นแปรและดูดซับภูตอัคคีเสือพิฆาตจิ่วหยินแล้ว ไม่เพียงแต่กลั่นแปรภูตอัคคีขั้นที่สามได้สำเร็จ พลังทั้งหมดที่อยู่ภายในภูตอัคคี ก็ได้เติมเต็มพลังทั้งหมดที่เขาได้สูญเสียไปก่อนหน้านี้ด้วย
เพลิงสีแดงเข้มพุ่งปะทุ หลัวซิวในเวลานี้ราวกับเป็นเทพมารเพลิงอัคคีผู้หนึ่ง ก้าวเท้าก้าวหนึ่งกระโจนขึ้นไปด้านบน หอกยุทธ์มังกรดำในมือปรากฏขึ้น ปลายหอกรูปมังกรบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
“ปัง!”
ไส้เดือนม่วงถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป เอ่ยปากร้องด้วยความตกใจ “พลังของเจ้าเหตุใดจึงแข็งแกร่งขึ้นมาเช่นนี้? เป็นไปได้อย่างไร?”
สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเพ่งมองมายังเพลิงอัคคีแดงเข้มบนร่างของหลัวซิว “ร่างที่สามของภูตอัคคีร้อยแปร นี่เจ้าใช้เวลาระหว่างการต่อสู้ที่ยืดเยื้อกับข้าแอบกลั่นขั้นที่สามจนสำเร็จหรือ?”
นาทีนี้ จิตสำนึกของหงเทียนก็พลันมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีขึ้นมา อีกทั้งยังรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยด้วย เพราะภูตอัคคีร้อยแปรขั้นที่สามกลั่นแปรเป็นจักรพรรดิอัคคีนภาแดง มันได้มีอำนาจเหนือพลังของเศษจิตสำนึกอย่างเขาแล้ว
“ตราทวยมรณะ!”
หลัวซิวใช้ฝ่ามือเดียวฟาดลงไป เปลวเพลิงพันอยู่ระหว่างนิ้วมือ แปรเปลี่ยนเป็นวงล้อสีดำ บดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
“สลายไปเสีย!”
เศษจิตสำนึกของหงเทียนคำรามด้วยความโกรธ รอบกายปราณม่วงแผ่ขยายออกมาเป็นสายฟ้า โจมตีตราทวยมรณะจนสลายไป
หลังจากการโจมตีนี้ ปราณม่วงที่ล้อมรอบอยู่บนกายของเขานั้นก็พลันจืดจางลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้รู้ว่าการต้านทานที่แข็งแกร่งครั้งนี้ กลับทำให้เขาสูญเสียพลังไปอย่างมาก
“ปัง!”
ถึงแม้เขาจะต้านตราทวยมรณะไว้ได้ แต่กลับถูกหอกยุทธ์มังกรดำของหลัวซิวแทง ร่างนั้นม้วนกระเด็นออกไป
ที่แห่งนี้ถึงอย่างไรก็เป็นปริภูมิตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว เป็นที่ของเขา พลังต่อสู้สามารถสำแดงได้จนถึงขั้นสุด
แต่เศษจิตสำนึกของหงเทียนเดิมก็เป็นเพียงแค่จิตสำนึกบาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่ อีกทั้งยังอยู่ภายในตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่าย พลังนั้นถูกควบคุมให้อยู่ในระดับหนึ่ง ไม่สามารถสำแดงออกมาทั้งหมดได้
โดยเฉพาะหลัวซิวในเวลานี้กลั่นแปรภูตอัคคีขั้นที่สามสำเร็จแล้ว ยิ่งมีข้อได้เปรียบอย่างแน่นอน
“หยุด!”
การโจมตีของหลัวซิวโหดร้ายทั้งยังไร้ความปราณี เศษจิตสำนึกของหงเทียนรับรู้ได้ถึงอันตราย ก็อดไม่ได้ที่จะคำรามออกมาเสียงดัง
เศษจิตสำนึกอย่างเขาอาศัยอยู่ที่ตำหนักจื่อเซียวนานนับหมื่นนับพันปี ไม่อยากที่จะสลายหายไปอย่างว่างเปล่าเช่นนี้
แต่หลัวซิวนั้นกลับไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย หอกยุทธ์มังกรดำและตราทวยมรณะยังคงกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง
“ไอ้เวร เจ้าอย่าบังคับข้า หากเศษจิตสำนึกของข้านี้ตายด้วยตนเอง สามารถทำให้ตัวหยั่งรู้ของเจ้ากลายเป็นความว่างเปล่าได้ ทั้งร่างและวิญญาณสูญสลาย!” เศษจิตสำนึกของหงเทียนคำรามเสียงเย็น
“ตั้งแต่ต้นเจ้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ข้าผ่อนคลายการป้องกัน วางแผนหลอกล่อข้าเพื่อจะยึดร่าง ในเวลาเช่นนี้กลับบอกให้ข้าหยุด มีสิทธิอะไร?”
หลัวซิวหัวเราะเย้ยหยัน “อย่าได้คิดว่าการทำลายตนเองจะสามารถจู่ข้าได้ เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงร่างแยกหนึ่งของข้า ต่อให้ตายไป ร่างที่แท้จริงของข้าก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดแม้แต่น้อย”
“ปัง!”
ตราทวยมรณะร่วงลงมา เศษจิตสำนึกของหงเทียนถูกโจมตีสลายเป็นผุยผง จากนั้นก็รวมตัวกันขึ้นมาใหม่ในทันที ออร่าก็อ่อนแอลงไปอีก