“ช่าจื่อเยียน เจ้าทำเกินเหตุไปแล้ว!”
เทพปีศาจสยบนภาตะโกนออกมาอย่างโกรธจัดจากนั้นต่อยหมัดออกไปปราณปีศาจสีม่วงดำดูทรงพลังราวกับมังกร
เทพมารทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนพากันเกรงกลัวเนื่องด้วยทั้งสองนี้เทพมารที่แข็งแกร่งที่สุด การต่อสู้กัน ณเวลานี้ เพื่อจะสู้ว่าใครแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่ากัน?
ต่อมาพบว่าช่าจื่อเยียนนยกมืออีกข้างของนางขึ้น แล้วกดลงกลางอากาศ ปราณปีศาจสีม่วงสีดำอันยิ่งใหญ่ก็พังทลายลงทีละน้อย
“อ๊าก!……”
ในขณะนี้เทพปีศาจสยบนภาไม่มีเวลาที่จะรับมือขึ้นอีกครั้งเทพปีศาจที่ถูกจับโดยมือสีดำขนาดใหญ่ก็ได้ถูกโยนเข้าไปในปากทางเข้าของห้วงเวลานั้น
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากปากทางเข้าต่อจากนั้นเทพปีศาจผู้นั้นก็พุ่งกายออกมาอีกครั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด
“ช่าจื่อเยียนน เจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว!” ใบหน้าของเทพปีศาจสยบนภาดูมืดมนอย่างยิ่ง ลูกน้องของเขาถูกโยนเข้าไปต่อหน้าต่อตาแต่เขาไม่สามารถหยุดนางได้แน่นอนว่าเขาต้องเสียหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหล่าปีศาจของพวกเจ้าหาใช่มนุษย์รังแกเจ้าแล้วอย่างไร?”ช่าจื่อเยียนนไม่สนใจเขา รังสีเยือกเย็นบนร่างกายของนางจางหายไปเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าพุ่งกายออกมาจากข้างในแต่ก็ได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังเท่านั้นเห็นได้ว่าทางเข้าสู่ห้วงเวลานี้ถึงมีอันตรายแต่ก็ไม่ฆ่าชีวิตผู้ใด”
“เจ้า……”จมูกของเทพปีศาจสยบนภาพ่นไฟออกมาแต่เขาไม่กล้าทำอะไรกับนางโดยพลการ
เป็นเวลาหลายหมื่นปีมาแล้ว ที่เขากับเทพมารอสูรเผ่ามังกรและช่าจื่อเยียนนได้ต่อสู้กัน ทว่าไม่มีใครสามารถรับมือกับสตรีนางนี้ได้เพียงลำพัง ต่อให้ร่วมมือกันโจมตี พวกเขาก็สามารถทำได้เพียงไม่ให้ตนพ่ายแพ้อย่างราบคาบเท่านั้น
บัดนี้อาวุธของเทพสงครามเอกภพยังหาไม่พบเทพปีศาจสยบนภาพยายามอดทนต่อความโกรธของเขาเนื่องจากนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาหักหน้ากัน
เทพมารทุกตนใช้ความสามารถต่างๆ ของตนในการป้องกันความปลอดภัย จากนั้นเดินเข้าไปในห้วงกาลเวลาทีละคนหลังจากการทดลองของเทพมารก่อนหน้า จึงรู้ว่าไม่มีอันตรายมากนัก
“พวกเจ้าตามข้ามา”
ช่าจื่อเยียนนหันมาพูดกับหลัวซิวและเดินไปที่ตรงปากทางเข้า
วินาทีที่ร่างกายสัมผัสกับทางเข้าของห้วงเวลาระลอกคลื่นถาโถมเข้ามาหลัวซิวก็ได้พบว่าเขาได้เข้ามาอยู่ท่ามกลางห้วงอวกาศ
เฉกเช่นอนัตตาไม่สิ้นที่เขาประสบมานานนับปีไม่ถ้วน ทางเหนือนภาทั้งสี่ทิศช่างแปลกประหลาดราวกับโลก 3 มิติ
ท่ามกลางพื้นที่หลากสีสันมีทางเดินสีดำมุ่งตรงไปยังด้านหน้าไม่อาจรู้ได้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่แห่งหนใด
เมื่อเทพปิศาจตนนั้นเข้ามาในที่นี้ก็มีพลังหนึ่งอันทรงพลังถาโถมลงมาทันใด ทว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า จึงทำให้ร่างกายถูกฉีกเนื้อหนังเพราะไม่ทันป้องกันตัว
แต่เหล่าเทพมารทั้งหลายได้เตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้วพลังฉีกของอากาศระดับนี้จึงสามารถป้องกันได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตามการเดินทางครั้งนี้หาได้ราบรื่น มักเกิดความปั่นป่วนในห้วงอากาศและพายุพัดกระหน่ำเป็นครั้งคราวการโจมตีนี้สามารถทำร้ายเทพมารได้ แต่ห่างไกลจากอันตรายที่หลัวซิวเคยประสบมามากนัก
“ตูม!”
ทันใดนั้นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันโดยรอบก็ค่อยๆ ถูกเปิดออกกรงเล็บสีดำสนิทยื่นออกมาคว้าเทพมารตนหนึ่งของเผ่าปีศาจไว้แล้วหดกลับเข้าไปในอนัตตาไม่สิ้น
การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ แม้แต่เทพปีศาจสยบนภาก็ไม่มีเวลาตอบสนองแต่สิ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือเทพปิศาจที่ถูกจับไปยังคงเป็นผู้โชคร้ายที่ถูกแสงสีทองโจมตีจนศีรษะแตกผู้นั้น
“นั่นมันอะไร?”
เทพปีศาจสยบนภาโกรธจัดสายเลือดอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากดวงตากลมโตแต่กรงเล็บนั้นหายไปหดกลับเข้าไปในอนัตตาไม่สิ้น ไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เลย
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ช่าจื่อเยียนเองก็สังเกตเห็นฉากนั้นด้วยเช่นกันท่ามกลางสายตาอันเต็มไปด้วยความสงสัยของนาง นางมองไปทางเทพมารอสูรเผ่ามังกร
กรงเล็บที่จับเทพปิศาจนั้นเข้าไปดูเหมือนกรงเล็บของสัตว์ร้ายคาดว่าเผ่าพันธุ์มารคงจะมีความเข้าใจได้ดีกว่า