หลัวซิวรู้ดีว่า หากเขาคิดจะวางแผนแย่งชิงสมบัติชิ้นนั้นของเทพสงครามเอกภพ ก็จำเป็นที่จะต้องไม่ให้ใครสามารถล่วงรู้เรื่องราวนี้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอคอยเขาอยู่เบื้องหน้าก็จะเป็นการตามไล่ล่าอย่างไร้ที่สิ้นสุดของผู้ยิ่งใหญ่โลกาชั้นฟ้า
แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่กลัวการถูกตามล่า แต่เขายังมีญาติและเพื่อนที่สามารถถูกลากเข้ามาเกี่ยวพันได้อย่างง่ายดาย
“มีแค่ต้องรอเท่านั้น!”
ในท้ายที่สุด หลัวซิวก็ได้ตัดสินใจออกมา เขาทำได้เพียงเลือกที่จะรอให้เทพมารขั้นสูงทั้งสามถูกพลังของค่ายเทพทรมานจนตาย เช่นนี้ เขาก็สามารถเข้าไปในตำหนักได้ อีกทั้งยังไม่ถูกเปิดเผยตัวตนอีกด้วย
ความเป็นตายของเทวมังกรเขาทองและเทพปีศาจสยบนภา หลัวซิวสามารถไม่ใยดีได้ แต่กับช่าจื่อเยียนคือผู้ที่มีบุญคุณต่อเขา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถมองนางตายไปต่อหน้าต่อตาได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลังจากตัดสินใจได้แล้ว หลัวซิวก็เดินไปที่บริเวณใกล้ ๆ ที่วิชาห้ามค่ายกลค่ายนั้นได้คุมขังช่าจื่อเยียนเอาไว้ อันดับแรก เขาเฝ้าสังเกตการณ์เคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลแห่งนี้ จากนั้นไว้สลักลายค่ายโดยรอบ จัดวางธงค่าย ลดทอนพลังอำนาจของค่ายเทพระดับสี่แห่งนี้
ดังนั้น ช่าจื่อเยียนก็สามารถยืนหยัดอยู่ในนั้นได้เป็นเวลานานขึ้น รวมกับพลังที่แข็งแกร่งมากพอของตัวนางเอง แบกรับความกดดันไว้มากกว่าสามปีก็ยังไม่เป็นปัญหา
……
“ตอนนี้ก็ผ่านพ้นไปสองปีกว่าแล้ว เหตุใดเทวทูตยังไม่กลับมาอีก?”
บริเวณครึ่งทางของภูเขา เทพมารทุกท่านจากสามเผ่าพันธุ์หยุดการต่อสู้ลงแล้ว เพราะว่าหลัวซิวได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจมารแทบจะพลิกทั้งห้วงกาลแดนค้นหาอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตามหาเขาได้
ใบหน้าชราของหลิวหงเทียนเคร่งเครียดอย่างมาก เทวทูตจื่อเยียนแยกออกไปสองปีกว่ายังไม่กลับมา ก่อนที่จะแยกออกไปเทวทูตบอกให้เขาดูแลหลัวซิวให้ดี แต่เขากลับทำไม่สำเร็จ และก็ไม่รู้ด้วยว่าในเวลานี้ไอ้หนุ่มหลัวซิวคนนั้นจะเป็นหรือจะตาย
แต่ที่โชคดีก็คือ เทวมังกรเขาทองจากเผ่าพันธุ์มารและเทพปีศาจสยบนภาจากเผ่าปีศาจก็ยังไม่กลับมาเช่นกัน นั่นหมายความว่าเทพมารขั้นสูงทั้งสามอาจจะถูกคุมขังอยู่ที่แห่งใดสักที่ หรือบางทีอาจจะตายไปแล้ว……
จอมยุทธ์ทั่วไปต่างก็เข้าใจไปว่ากลายเป็นเทพมารแล้วก็จะเป็นนิรันกาล มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่ได้เยียบเข้าสู่แดนนี้เท่านั้นจึงจะเข้าใจว่า การตายของเทพมารนั้นก็เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปเช่นกัน แม้กระทั่งท่ามกลางสามพันโลกเบื้องบน การตายของเทพฟ้าก็ยังเป็นเรื่องที่กล้าหาญเช่นกัน
พิภพและฐานะที่แตกต่างกันนั้น ก็ทำให้การมองโลกนั้นแตกต่างกันไปเช่นกัน
อย่างในตอนนี้ เทพมารทุกท่านหายตัวไป ภายในโลกแสงดาวก็มีสิบอนาคินมหาจักรพรรดิยุทธ์ถือตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ก่อนที่หลัวซิวจะแยกออกมา เขาสั่งให้ผู้คนในสำนักไท่เสวียนอย่าได้ออกจากแดนตำหนักจื่อโดยไม่จำเป็น แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีคนบางกลุ่มที่อดทนต่อความโดดเดี่ยวไว้ไม่ไหว ออกไปเที่ยวเล่นนอกแดนปริศนา ทำให้เกิดปัญหาอยู่บ้าง
หลายปีที่ผ่านมานี้ คนจากสำนักไท่เสวียนต่างก็ฝึกตนอยู่ภายในแดนปริศนา ไม่รู้ว่าเกิดข้างนอกอะไรขึ้นบ้าง ในวันนี้จึงได้รู้ว่า เจ้าสำนักไท่เสวียนหลายปีมานี้ ได้ดึงดูดกระแสมากมายให้เกิดขึ้นที่โลกภายนอก
พูดถึงหลัวซิว ใต้หล้าไม่มีใครไม่รู้จักเขา แต่ในขณะเดียวกันก็มีศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับว่าทั่วทั้ง แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ เผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งโลกแสงดาว ต่างก็มีความแค้นต่อเขา
แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ไม่สามารถทำอะไรหลัวซิวได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำอะไรศิษย์ภายใต้สำนักไท่เสวียนไม่ได้ ดังนั้นเมื่อได้พบเจอกัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีปากเสียงกัน จนถึงขั้นใช้อาวุธเพื่อต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
การปิดขังระยะยาวผ่านไปหลายปี ศิษย์จำนวนมากภายในสำนักไท่เสวียนต่างก็มีผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดการบรรลุถึงราชายุทธ์จำนวนไม่น้อย หรือหากเป็นศิษย์แนวหน้าก็ก้าวเขาสู้แดนมกุฎยุทธ์แล้ว
นอกจากหลัวซิวแล้ว ผู้คุมกฎเกาเหลียนหงแห่งสำนักไท่เสวียนในวันนี้ ก็บรรลุถึงมหายุทธ์ช่วงปลายแล้ว หลินจื่อเฟิงตามมาติด ๆ ผลการฝึกตนก็บรรลุถึงมหายุทธ์ช่วงต้นแล้ว
ผลการฝึกตนของเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่สูงยิ่งกว่า ทั้งคู่ต่างบรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักรแล้ว เหยียนเยว่เอ๋อร์คือเจ้ายุทธจักรขั้นสี่ ส่วนเหยียนซีโรว่คือเจ้ายุทธจักรขั้นสาม
และในวันนี้ที่หลัวซิวไม่อยู่ เรื่องเล็กใหญ่ภายในสำนักไท่เสวียน ต่างก็มีเกาเหลียนหงและเหยียนซีโรว่คอยช่วยเหยียนเยว่เอ๋อร์จัดการ
ด้วยนิสับของเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่ค่อนข้างเข้มแข็ง สำหรับการท้าทายของกองกำลังจากสำนักอื่น ๆ แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการกระทบกระทั่งกันอย่างต่อเนื่อง