งุนงง!
มีเพียงคำนี้ที่สามารถบรรยายความรู้สึกของเหล่าราชันอย่างพวกโก่วหยางเจี่ย
หลังผ่านความสั่นสะเทือน ผ่านความเกินคาดหมาย ต่อให้จิตมรรคพวกเขาแข็งแกร่ง ก็ไม่อาจเลี่ยงไม่ให้ถูกเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้าจู่โจมจนจิตปั่นป่วน
คนหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งหลังพึ่งพาพลังต้องห้ามทะเลหมากดารา กลับประหนึ่งมดปลวกที่แปรเปลี่ยนเป็นมังกรฟ้า สังหารราชันดั่งฉีกทึ้งภาพวาดอย่างไม่อาจทัดเทียม ใครจะกล้าเชื่อ
ที่น่ากลัวที่สุดคือ แม้แต่สมบัติอริยะยังถูกกำราบ!
หลินสวินในตอนนี้ทั่วร่างอาบไล้ประกายดาราประหนึ่งเทพมาร กลายเป็นจอมราชันเพียงหนึ่งเดียวกลางฟ้าดิน พลานุภาพน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต
ใครเล่าจะกล้าเชื่อ ว่านี่เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติ
หนี!
พวกโก่วหยางเจี่ยตัดสินใจโดยไม่ลังเล
โม่เจินตายแล้ว จงเหวินหย่วนก็ด้วย หากไม่หนีอีกต้องประสบเคราะห์แน่!
เป็นถึงราชันทั้งยังครองยอดอาวุธสังหารอย่างสมบัติอริยะ แต่บัดนี้กลับจำต้องหนีหัวซุกหัวซุน นี่คือความอัปยศอย่างไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่าโดยไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้เพื่อรักษาชีวิต ใครจะมาใส่ใจเรื่องพวกนี้
“หนีรึ หนทางที่เหลือไว้ให้พวกเจ้ามีแค่ฝังร่างลงที่นี่!”
หลินสวินบุกโจมตีท่ามกลางเสียงเฉยชาเยียบเย็น
ตูม!
เขาใช้ประทับปี้อั้นที่ล้อมด้วยอานุภาพผนึกต้องห้าม กดอัดลงมาจากเวิ้งฟ้าดั่งผนึกสวรรค์
โก่วหยางเจี่ยกำลังหนีอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นอันตรายถึงชีวิต แผดเสียงคำรามเรียกประทับนรกโลหิตออกมาต้านรับทันที
แต่กลับเปล่าประโยชน์ ตัวเขาถูกประทับปี้อั้นบดขยี้ทีละน้อยไม่หยุด แม้แต่ประทับนรกโลหิตยังถูกสั่นคลอน ไหวสั่นรุนแรงกลางอากาศอยู่ครู่ใหญ่
สุดท้ายประทับนรกโลหิตก็ต้านไม่อยู่ ถูกบีบกดเข้าสู่ส่วนลึกของทะเลดังตู้ม
และเวลานี้หลินสวินได้พุ่งสังหารราชันอีกคนแล้ว
ในอาณาเขตทะเลสามพันลี้นี้ หลินสวินที่ครองพลังต้องห้ามที่นี่ก็คือนายเหนือหัวเพียงหนึ่งเดียว ไม่อาจโต้แย้ง
คิดหนีก็ต้องดูว่าเขาตกปากรับคำหรือไม่!
ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นอริยะก็ยากจะรอดพ้น
นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเคยมีอริยะที่แท้จริงหลงทางในทะเลหมากดารา หาหนทางกลับไม่เจอ เป็นไปได้สูงว่าประสบเคราะห์ไปแล้ว
ขณะนี้แม้พลังที่หลินสวินสามารถยืมใช้ไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา แต่แค่จัดการกับระดับราชันไม่กี่คนก็เพียงพอเหลือเฟือ
หากไม่ใช่เพราะสมบัติอริยะพวกนั้นขัดขวาง การต่อสู้คงสิ้นสุดไปนานแล้ว!
…
ตึง!
ประกายดาราสายหนึ่งทิ้งตัวทุ่มลงบนร่มรุ้งสมบัติม่วง ส่งเสียงราวตีกลองยักษ์
ราชันของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณสั่นไปทั้งตัว ร่างกายเจ็บปวดสาหัสไร้สิ้นสุดดั่งถูกกองกำลังพันหมื่นเหยียบย่ำ ทำให้เขาส่งเสียงอึดอัดอย่างกลั้นไม่อยู่
แต่เมื่อเขาเตรียมหลบหลีก หลินสวินก็ได้โจมตีเข้ามาแล้ว
โพละ!
เพียงหมัดเดียวร่างราชันผู้นี้ก็ระเบิดออก แม้แต่พลังจิตยังไม่ทันได้หลบหนีก็ตายไปอย่างคับแค้น
…
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ตำราหยกทองเล่มหนึ่งโรมรันกับคลื่นผนึกต้องห้ามที่หลั่งมาจากทั่วทิศ ส่งเสียงปะทะเหมือนตีเหล็กดังไม่หยุด แสงศักดิ์สิทธิ์ซ่านกระเซ็น
หลังจากนั้นครู่หนึ่งตำราหยกสีทองถูกกำราบลงทะเล
ขณะเดียวกันราชันของสำนักยุทธ์สมุทรครามอ้อนวอนเสียงสั่น ลุกลี้ลุกลนดั่งสุนัขไร้เจ้าของ แต่สุดท้ายก็ถูกหลินสวินสังหารโดยไม่ลังเล จิตสิ้นวิญญาณสลาย
…
เหลือแค่ราชันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์แล้ว กำแพงที่สร้างจากประกายดาวตั้งขวางหนทางข้างหน้า เขากำลังใช้บรรทัดสยบฟ้าบุกโจมตี
ทว่าสมบัติอริยะที่เรียกว่าสามารถสยบนภาเล่มนี้ เวลานี้กลับทำลายไม่ได้แม้แต่ส่วนเสี้ยวของกำแพงที่สร้างจากผนึกต้องห้ามไร้รูปนี้
นี่ทำให้คนสิ้นหวัง!
ใช่ว่าบรรทัดสยบฟ้าไม่แข็งแกร่ง แต่อาศัยพลังของราชันผู้นี้ล้วนยากจะสำแดงอานุภาพมันออกมา
สุดท้ายเขาก็ถูกสังหาร กระทั่งตายไปยังเจือความไม่พอใจไร้สิ้นสุด
…
น้ำทะเลที่ม้วนซัดโหมกระหน่ำ เวิ้งฟ้าปั่นป่วนทรุดตัว ประกายดาวคลั่งระบำกลางฟ้าดิน…
ยามทุกอย่างหวนคืนความสงบ ในที่นั้นเหลือเพียงเงาร่างหลินสวิน
เขายืนบนเกาะสันโดษ อาภรณ์ขาวพระจันทร์ส่งเสียงสะบัด ผมดำทั้งศีรษะพลิ้วไหวกลางสายลม นัยน์ตาดำล้ำลึกกำลังกวาดมองส่วนลึกของทะเลเบื้องหน้า
รอบแรกสังหารราชันไปแล้วแปดคน
รอบที่สองยังกำจัดราชันอีกหกคน!
นี่คือผลงานเกริกก้องที่สามารถสั่นสะเทือนใต้หล้าแล้ว พร่างพรายเจิดจ้าถึงขีดสุด
แต่หลินสวินกลับไร้ความยินดีและหยิ่งทะนงใดๆ
เพราะเขารู้ดีว่านี่ก็แค่พิสูจน์ความทรงพลังและน่ากลัวของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา ไม่เกี่ยวข้องกับตนเท่าไรนัก
อย่างมากเขาก็แค่ ‘ยืมพลังสะท้อนพลัง’ เท่านั้น
แต่สามารถสังหารราชันกลุ่มหนึ่งได้ก็ทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกสะใจยิ่ง ความแค้นและไฟโทสะที่สั่งสมในใจได้รับการระบายระดับหนึ่ง
“น่าเสียดาย…”
หลินสวินใคร่ครวญ ไม่นานก็คาดเดาออกมาได้อย่างหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่เทียมฟ้า ตำหนักอมตะ ประทับนรกโลหิต หรือร่มรุ้งสมบัติม่วง บรรทัดสยบฟ้า ตำราหยกทอง ต่อให้ถูกกำราบลงก้นทะเลแต่ล้วนไม่อาจถูกหลอมละลาย
ก้นทะเลคือเขตหวงห้ามหลักของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา ภายในแฝงปริศนาชั้นยอดที่เร้นลับและซับซ้อน พลังที่เปี่ยมล้นก็น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
แม้หลินสวินได้รับมรดก ‘แผนภาพวัฏจักรดารา’ ทว่าด้วยพลังของเขาตอนนี้ก็ไม่กล้าเข้าไปในก้นทะเลนี้อย่างสิ้นเชิง
ปัจจุบันสมบัติอริยะหกชิ้นล้วนถูกขังอยู่ภายใน พุ่งกระทบกันไปมาไม่หยุด พยายามดิ้นรนหาทางออก
น่าเสียดาย นี่ก็เหมือนปลาติดอวน นอกเสียจากกระชากอวนออกมาได้ มิฉะนั้นคงยากจะหลบหนี!
ที่ทำให้หลินสวินเสียดายก็อยู่ตรงนี้ เดิมคิดว่าอาศัยโอกาสนี้จะสามารถหลอมเก็บสมบัติอริยะได้ส่วนหนึ่ง แต่เห็นชัดว่านี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
‘แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยทุกครั้งที่สูญเสียสมบัติอริยะพิทักษ์สำนักชิ้นหนึ่ง ก็เป็นการโจมตีอย่างหนักหน่วงแก่สำนักโบราณเหล่านั้นแล้ว’
หลินสวินใคร่ครวญ
จากนั้นเขานั่งขัดสมาธิกับพื้น เริ่มนั่งสมาธิสงบใจ ฟื้นฟูพลังที่ผลาญไปก่อนหน้า
…
ชายฝั่งทะเลหมากดารา
ตามเวลาที่ล่วงเลย ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจที่เดิมเปี่ยมความมั่นใจรอฟังข่าวดี เวลานี้กลับหมดความอดทนอยู่บ้าง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่มีข่าวคราวอีกแล้วรึ”
ความอดทนของโก่วเหยียนเจินหมดสิ้นลง คำรามกราดเกรี้ยว “อย่าบอกนะว่าใช้สมบัติอริยะแล้ว ยังฆ่าเจ้าสวะระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งไม่ได้!”
ขุมอำนาจอื่นต่างมุ่นคิ้วเช่นกัน รู้สึกงุนงงกับเรื่องนี้
กองกำลังแรกเคลื่อนพลราชันแปดคน ผลคือไม่ได้ข่าวคราวอยู่นาน
กองกำลังที่สองมีราชันอีกหกคนเคลื่อนผล ทั้งยังพกสมบัติอริยะติดตัวไปทุกคน ผลคือเฝ้ารอจนป่านนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวออกมา
นี่จะให้ใครสงบใจได้อย่างไร
“อาจารย์ลุงหม่า คงไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นใช่ไหม”
ข่งหลิงมุ่นคิ้วเอ่ยถาม
“หุบปาก!”
หม่าหยวนชิงที่มั่นใจมาตลอดขณะนี้กลับสีหน้าขรึมลงอย่างยากจะได้พบเห็น อารมณ์ดูเหมือนย่ำแย่นัก
เห็นชัดว่าการไม่ได้ข่าวเนิ่นนาน ในใจหม่าหยวนชิงจึงแปลกใจอยู่บ้าง ไม่อาจนิ่งสงบเหมือนก่อนหน้าอีก
ไม่เพียงแต่สำนักกระบี่เทียมฟ้า ขุมอำนาจอื่นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ล้วนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ ในใจปกคลุมด้วยเงามืดชั้นหนึ่ง
แต่ไหนแต่ไรทะเลหมากดาราถูกมองเป็นเขตหวงห้าม ภายในแฝงความน่ากลัวมหาศาล ทำให้แม้แต่อริยะก็ไม่กล้าล่วงล้ำเพียงก้าว
บัดนี้คลื่นผนึกต้องห้ามบนทะเลนั้นต่างถดถอย น่าจะเรียกว่าไร้ภัยคุกคามถึงจะถูก แต่ผู้ดำรงในระดับราชันที่มุ่งหน้าไปในนั้น จนป่านนี้ยังไม่มีสักคนหวนกลับมา!
“คงเกิดเหตุไม่คาดฝันแน่แล้ว ไม่อย่างนั้นต่อให้หาเจ้าเด็กหลินสวินไม่พบก็ควรมีข่าวส่งกลับมา”
มีคนพึมพำ สีหน้าจริงจัง
“ผ่านไปเกือบสามชั่วยามแล้ว พวกเราต้องรอต่อไปอย่างนี้หรือ”
บ้างรู้สึกหมดความอดทน ไม่อาจทนรับสถานการณ์ที่ต้องเป็นฝ่ายเฝ้ารอเช่นนี้
“น่าชังนัก! แค่สังหารหลินสวินคนเดียว แต่จนป่านนี้กลับไม่อาจทำสำเร็จ เด็กนี่เป็นพวกฆ่าไม่ตายหรือไร”
มีคนเคียดแค้นชิงชัง โกรธจนกัดฟันกรอดแทบแหลก
ชั่วพริบตาบนชายฝั่งเต็มไปด้วยเสียงจอแจหลายหลากดังกระหึ่ม
อย่าว่าแต่พวกคนรุ่นเยาว์อย่างโก่วเหยียนเจิน อวี่หลิงคง หลี่ชิงผิง ข่งหลิงเลย แม้แต่สีหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันพวกนั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
ส่วนลึกทะเลหมากดารานั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยเหลือบสายตามองไปยังทะเลหมากดารา แม้สัมผัสกลิ่นอายคลื่นผนึกต้องห้ามไม่ได้เพียงเสี้ยว แต่ยิ่งสภาพการณ์นิ่งสงบเช่นนี้กลับยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกดดันจนพูดไม่ออกทันที
หืม?
ทันใดนั้นนัยน์ตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬโก่วหยางซิวพลันหดรัด “หลินสวิน? เจ้าเด็กนี่ทำไมยังรอดมาได้”
คนอื่นๆ ก็มองเห็น บนผืนทะเลที่ห่างไกลนั่นมีเงาร่างสันโดษร่างหนึ่งเหยียบคลื่นทะเลมาเยือน อาภรณ์พลิ้วสะบัด สง่างามหลุดพ้น
“เป็นมันจริงๆ !”
โก่วเหยียนเจินแผดเสียงคำราม แค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ต่อให้หลินสวินกลายเป็นเถ้าถ่านเขาก็ได้กลิ่นน่าชังหาใดเปรียบนั่นจากตัวเจ้าหมอนี่
“ราชันคนอื่นยังไม่กลับมา ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงปรากฏตัวก่อน นี่เป็นไปได้อย่างไร”
บางคนไหวหวั่นประหลาดใจไม่หยุด
ราชันทั้งกลุ่มที่เข้าสู่ทะเลหมากดาราก่อนหน้านี้ ไม่มีสักคนเจอเจ้าเด็กนี่เลยหรือ
นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก
แต่ไม่ช้าเมื่อเห็นหลินสวินเข้าใกล้ชายฝั่งแถบนี้ ความปั่นป่วนทั้งหมดต่างเปลี่ยนเป็นไอสังหารไม่อาจระงับ
เพื่อสังหารหลินสวิน พวกเขาต่างรอคอยมานานเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่เมื่อวานตลอดจนตอนนี้ ได้ทำให้ความอดทนของพวกเขามลายสิ้น กระทั่งเพลิงโทสะอัดอั้นอยู่ทั่วท้องด้วยเหตุนี้
“เจ้าเด็กสวะ เจ้ายังกล้าปรากฏตัวอีก สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับแส่เข้ามาจริงๆ!”
โก่วเหยียนเจินแผดเสียงคำราม สีหน้าเหี้ยมเกรียมน่ากลัว
“หลินสวิน เจ้านี่ช่างใจกล้าซะจริง ยังกล้าปรากฏตัวที่นี่ ข้ายังคิดว่าชั่วชีวิตนี้เจ้าจะหลบเข้ากระดองในทะเลนี่ ไม่กล้าโผล่หัวออกมาแล้วเสียอีก”
อวี่หลิงคงสีหน้าราบเรียบกล่าวเยียบเย็น
“อาจารย์ลุงหม่า รีบลงมือฆ่าเจ้านี่เลย!”
ข่งหลิงยิ่งอดรนทนไม่ไหว แทบอยากกระชากหลินสวินทั้งเป็นทันที
ไกลออกไปหลินสวินยืนอยู่บนสถานที่ห่างจากชายฝั่งพันจั้ง แววตาเย็นชา
เขากวาดมองทุกคนบนชายฝั่งพลางกล่าว “พวกเจ้ายังรออยู่ที่นี่ก็นับว่ากล้าหาญชาญชัย อีกเดี๋ยวหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถรอต่อไปได้”
ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา เหล่าราชันไม่น้อยต่างมุ่นคิ้ว สังเกตเห็นชัดเจนว่าความหมายในคำพูดหลินสวินมีนัยแฝงอยู่บ้าง
“โอหัง! หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ทำไมพวกข้าต้องรอต่อไปด้วย”
โก่วเหยียนเจินตวาดเสียงขรึม
“หนวกหู”
ริมฝีปากหลินสวินขยับพูดสองคำ สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่งโดยไม่แม้แต่จะมอง
รุ้งดาราเจิดจรัสหาใดเปรียบสายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า ดั่งดาบตัดมหามรรคที่จู่ๆ ก็ปรากฏออกมา
โพละ!
โก่วเหยียนเจินยังหัวเราะเหี้ยมเกรียมโดยไม่ทันได้ตอบสนอง ร่างกายก็พลันระเบิดกระจาย จิตสิ้นวิญญาณสลาย กระทั่งตายไปแล้วก็ยังไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย
กะทันหันเกินไปแล้ว!
ชั่วพริบตา ณ ที่นั้นเงียบสนิทไร้สุ้มเสียง ทุกคนนัยน์ตาเบิกกว้าง ภายใต้สายตาที่จับจ้อง พวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง โก่วเหยียนเจินก็ถูกสังหารแล้ว!
ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงที่สุดคือ พลังที่หลินสวินสำแดง ไม่เหมือนสิ่งที่ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งสามารถครอบครองโดยสิ้นเชิง!
…………………….