ตอนที่ 391 เรื่อง
หลังจากออกจากสนามบิน ซูฉิงก็มีท่าทางไม่มีความสุข ตอนขับรถกลับบ้านก็รู้สึกใจมันหนักอึ้ง
ยวี๋น่านั่งอยู่ข้างๆ คอยสังเกตสีหน้าซูฉิงอยู่ตลอด เธอขมวดคิ้วพลางพูดปลอบใจ “บางทีอาจารย์ฉีอาจจะมีปัญหาอะไรก็ได้ เธออย่ากังวลมากไปเลย ต้องมีสักวันที่ได้รู้เรื่องของคุณน้ากับคุณอาแน่นอน เรื่องนี้รีบไม่ได้หรอกนะ”
“แต่—” ซูฉิงขมวดคิ้ว น้ำเสียงร้อนรนจนซ่อนอาการสูญเสียไม่อยู่
เธออยากรู้เกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอมาโดยตลอด แต่คุณอาฉีไม่บอกอะไรเธอเลย ตอนนี้มีเบาะแสกลับขาดหายไปอีก
เสียงหยุดลงกะทันหันและสุดท้ายก็เป็นถอนหายใจยาว ตอนนี้คุณอาฉีกำลังเดินทางกลับไปที่ยอดเขายวี่ปี่ ถ้ายังคงถามต่อปึงมีแต่การต่อต้านเท่านั้น
ช่างมันไปก่อนก็แล้วกัน
เมื่อทั้งสองกลับมาที่โรงพยาบาล ยวี๋น่าประตูห้องคนไข้เข้าไป ก็เห็นอู๋เทียนเหอที่สวมเสื้อนอกไว้แล้วนั่งอยู่บนขอบเตียง แถมผ้าปูที่นอนยังเรียบร้อยอีก
ยวี๋น่างงเล็กน้อยและถามโดยไม่รู้ตัว “นายจะไปไหนน่ะเทียนเหอ?”
อู๋เทียนเหอได้ยินประตูเปิด ก็หันกลับไปมองผู้หญิงสองคนที่เข้ามา พยักหน้าและยิ้ม “พวกเธอกลับมาแล้วเหรอ?”
เมื่อเจอกับคำถามของยวี๋น่า เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะพูดคุยกับยวี๋น่าอยู่บ้าง แต่ก็เริ่มคุ้นชินบ้างแล้ว
เขาประสานมือกันอย่างครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ตอนนี้อาจารย์ฉีก็ไปแล้ว ขาของฉันก็เกือบจะหายดีแล้ว…ช่วงนี้ลำบากพวกเธอมาก แต่ฉันคิดว่าถ้าฉันยังอยู่โรงพยาบาลต่อ คงจะเดินไม่ได้แล้วล่ะ”
พูดเช่นนั้น อู๋เทียนเหอก็ยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย มองออกว่าเขาต้องการจะเล่นมุกตลกเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
“คุณจะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ?” ซูฉิงเองก็ยิ้ม อันที่จริงความหมายของอู๋เทียนเหอนั้นชัดเจน แต่ยวี๋น่า…ก็ล้มเลิกที่จะคิดไม่ได้
อู๋เทียนเหอพยักหน้า
ตามคาดว่ายวี๋น่าร้อนรน แม้ว่าเธอจะสัญญาว่าจะเลิกกันอย่างสมบูรณ์หลังจากที่อู๋เทียนเหอหาย แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังรู้สึกทำใจไม่ได้
“แล้วแผนในอนาคตของนายล่ะ?”
ความมีเหตุผลนั้นยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกเสมอ และในที่สุดยวี๋น่าก็ยับยั้งตัวเอง เพียงแต่มองอู๋เทียนเหออย่างกังวล
อู๋เทียนเหอครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ฉันคิดไว้แล้วล่ะ ยังอยากกลับไปสอนบนเทือกเขา เด็กๆ ที่นั่นกว่าจะได้รับการศึกษาวัฒนธรรมนั้นยาก พวกเขาควรได้เรียนดีๆ อีกทั้งฉันก็พัฒนาความสัมพันธ์กับเด็กๆ ที่นั่นไว้แล้ว ไม่เจอกันนานก็คิดถึงพวกเขาน่ะ”
แสงในดวงตาของยวี๋น่าดับลงทันที แม้ว่าเธอจะทำใจไม่ได้ แต่ก็ยังคงพยักหน้า เพียงแต่น้ำเสียงกลับซ่อนอาการสูญเสียไม่ได้
“แบบนั้นเองเหรอ…ถ้าอย่างนั้นเดินทางปลอดภัยนะ ต้องดูแลอาการบาดเจ็บที่ขาตัวเองให้ดีนะ”
อู๋เทียนเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตกลง เธอ…เธอกับหลินหนานก็ดูแลกันดีๆ นะ”
เขายังคงไม่ลืมข่าวที่หลินหนานขอยวี๋น่าแต่งงานตอนที่เขารักษาตัวอยู่ ตอนนี้แม้จะยังกังวลอยู่แต่ก็ยังมีช่วงที่ปล่อยวางไม่ได้เต็มที่
ยวี๋น่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่เดิมปรากฏบนใบหน้าของเธอค่อยๆ หายไป ก่อนจะพยักหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
“ได้สิ…ฉันออกไปสูดอากาศหน่อยนะ”
เธอหันกลับและเดินไปที่ประตูช้าๆ แต่หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว ตาก็พร่ามัวและสลบไป
“น่าน่า น่าน่า!”
อู๋เทียนเหอตะโกนอย่างกังวล ไม่สนว่าขาของเขาจะเดินได้เร็วหรือไม่ เขารีบไปด้านข้างของยวี๋น่าก่อนจะอุ้มอีกคนขึ้นมา เห็นอีกคนไม่ตอบสนองก็อุ้มขึ้นเตียงก่อนจะกดกริ่งบนหัวเตียง
ซูฉิงเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ยวี๋น่าถึงหมดสติไปจึงทำได้เพียงเขย่าแขนของเธอเยาๆแล้วตะโกนว่า “น่าน่า น่าน่า ตื่นขึ้นมาสิ!”
ไม่นานหมอก็วิ่งเข้ามา ซูฉิงและอู๋เทียนเหอรีบหลีกทางให้หมอได้เข้าตรวจยวี๋น่า
เมื่อยวี๋น่าตื่นขึ้น ทั้งซูฉิงและอู๋เทียนเหอก็รีบปรี่เข้ามายืนข้างเตียงเพื่อดูอาการของเธอ หมอได้ถอดหูฟังออก แล้วหันกลับมาพูดกับอู๋เทียนเหอด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีด้วยนะครับ ยินดีด้วย ผมเพิ่งตรวจร่างกายไป ร่างกายไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ แต่อาการนี้น่าจะเป็นเพราะท้องน่ะครับ ยินดีด้วยนะหนุ่มน้อย หลังจากที่เธอดีขึ้นอีกหน่อยก็พาไปที่แผนกนรีเวชวิทยาเพื่อตรวจให้ละเอียดได้เลยนะครับ”
หมอทึกทักว่าอู๋เทียนเหอและยวี๋น่าเป็นคู่กัน ขณะนั้นยวี๋น่าก็เบิกตากว้าง ไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไร
เธอ…ท้องจริงเหรอ?
มือของเธอค่อยๆ ปิดหน้าท้องส่วนล่างก่อนจะก้มมองอย่างไม่เชื่อ ซูฉิงเองก็ตกตะลึง เธอแทบไม่เชื่อหูของตัวเองก่อนจะมองไปทางยวี๋น่าก่อนจะใช้เวลานานกว่าจะพูดออกมาได้
“น่าน่า เธอ เธอท้องเหรอ?”
หลินหนาน เรื่องนี้ต้องบอกหลินหนาน!
แต่ในวินาทีต่อมา ซูฉิงก็มองไปที่อู๋เทียนเหอ เมื่อกี้เธอปฏิกิริยาของอู๋เทียนเหออย่างชัดเจน และมองออกว่ายังคงมีความรู้สึกต่อยวี๋น่า เขารู้ข่าวนี้…
หลังจากที่หมอเดินออกไป อู๋เทียนเหอก็ไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่จ้องไปที่ยวี๋น่าอย่างอึ้งๆ และเป็นสายตาที่เกือบจะว่างเปล่า และความกังวลใจของเขาก็จางหายไป
“เทียนเหอ…”
ยวี๋น่ายังคงตกใจกับที่ได้ข่าว หางตาเห็นอู๋เทียนเหอจะเดินจากไปก็เอื้อมมือออกไปจับข้อมือเขาแทบจะในทันที
เธออยากจะอธิบายแต่ทว่ากลับพูดไม่ออก
“ฉัน…ฉันอยู่ที่นี่นานมากแล้ว ถึงเวลาต้องกลับแล้วล่ะ ฉันซื้อตั๋วไปแล้ว ในเมื่อเธอท้องก็ควรพักผ่อนเยอะๆ นะ ฉันออกไปสูดอากาศก่อน”
อู๋เทียนเหอชะงักฝีเท้า ใช้เวลานานกว่าจะหันกลับมายิ้มปลอบใจ แต่กลับดันมือยวี๋น่าออกเบาๆ และเดินออกนอกห้องไป
ยวี๋น่ามองไปที่ซูฉิงเพื่อขอความช่วยเหลือ “ซูฉิง ฉันควรทำยังไงดี…”
เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะท้อง ไม่คิดเลยว่าจะมีเด็กขึ้นมากะทันหัน
อู๋เทียนเหอยืนอยู่นอกประตูห้องด้วยความรู้สึกปนเป เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่เพดานตรงทางเดินและถอนหายใจหนักๆ
เธอท้องแล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว บางทีตัวเองคงต้องกลับไปพักใจที่เทือกเขาแล้ว…
หลังจากคิดอยู่นาน อู๋เทียนเหอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหลินหนาน
“หลินหนานใช่ไหมครับ? ผมอู๋เทียนเหอนะครับ”
หลินหนานรู้สึกแปลกที่ได้สายจากเขา แต่ก็ยังคงพูดอย่างสุภาพ “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ผมแค่อยากจะบอกคุณ…” อู๋เทียนเหอก้มศีรษะมองที่ปลายนิ้วตัวเอง เขาเรียบเรียงคำพูด “ยวี๋น่าอยู่ที่โรงพยาบาล เธอกำลังตั้งครรภ์ และผมจะกลับไปสอนที่เทือกเขาแล้ว ผมคิดว่าผมควรบอกเรื่องนี้ เพราะยังไงพวกคุณสองคนก็อยู่ด้วยกัน ผมเองก็หวังให้คุณมอบความสุขที่เธออยากได้ได้น่ะครับ”