ตอนที่ 409 ความจริงปรากฏ
ทันทีที่สิ้นเสียงซูฉิง ทั้งห้องก็โกลาหล รูม่านตาถังรั่วอิงหดเล็กลง และมองไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว ซูฉิง…ซูฉิงรู้ได้ไง?
แต่ไม่นานเธอก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและจ้องไปที่ซูฉิงอย่างขุ่นเคือง ตอนนี้ถังรั่วอิงไม่สนใจภาพลักษณ์แล้ว เธอคิดอยากฆ่าซูฉิงเสียด้วยซ้ำ
“แก…แกพูดบ้าอะไร?! ถ้าบอกว่านี่ไม่ใช่แผลที่ฉันมีตอนตกลงมาจากหน้าผา ก็แสดงหลักฐานสิ ถ้าไม่มีก็นับเป็นการใส่ร้าย! ใส่ร้ายแน่!”
ถังรั่วอิงพูดย้ำ หลังจากที่เธอพูดจบ แววตาก็ฉายความยินดีอย่างแน่วแน่และความมั่นใจเล็กน้อย
เธอมั่นใจว่าซูฉิงเอาหลักฐานออกมาไม่ได้
ตราบใดที่เธอยังสามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอคือถังถัง ฮ่อหยุนเฉิงก็จะไม่มีวันทิ้งเธอ ไม่มีวัน!
“ถ้าไม่มีหลักฐาน ฉันจะมาวันนี้ทำไม?”
ซูฉิงหลุบตาลงมองเธอ ถังรั่วอิงตื่นตระหนกโดยสัญชาตญาณ ไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหน
ซูฉิงที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอหันไปมองที่ทางเข้า และพูดเสียงดังกับพนักงานที่เฝ้าประตูว่า “ไปสิ ไปเชิญผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาที”
ใครมาอีกล่ะ?
ถังรั่วอิงร้องไม่ออก เธอมองออกไปนอกประตูโดยไม่รู้ตัว ลืมเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ทั้งยังดวงตาก็แดง
หลังจากนั้นไม่นาน หญิงต่างชาติผมบลอนด์ในวัยสามสิบก็เดินมา ทันทีที่ถังรั่วอิงเห็นหล่อน หัวใจก็พลันเต้นแรง
นั่นไม่ใช่…หมอที่เธอมอบหมายให้ทำแผลเป็นนี้ขึ้นมาเหรอ?
ทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่?
เมื่อซูฉิงเห็นผู้หญิงคนนั้น เธอก็พยักหน้าแล้วพูดกับฝูงชนว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันตั้งใจอย่างหนักกว่าจะเจอ หมอคนนั้นเป็นคนทำบาดแผลนั่นให้ถังรั่วอิง แผลบนตัวถังรั่วอิงมาได้ยังไงนั้นก็ไม่มีใครรู้ดีเท่าเธออีกแล้ว”
เธอมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า “คุณโรสคะ ช่วยบอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น”
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเหลือบมองถังรั่วอิงอย่างตกใจ คิดอยู่สักพักก็พูดเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว “คือว่าแผลเป็นที่หลังของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เพราะเกิดจากการร่วงล้ม แต่มีคนมาหาฉัน ให้ฉันเอายาและวัสดุพิเศษมาทำขึ้นค่ะ”
หลี่เฉิงหยางหรี่ตาจ้องหมอบนเวที แต่ทุกคนก็ตกใจกับ “แผนหลอก” ของถังรั่วอิงอยู่แล้วเลยไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
ซูฉิง เราได้เห็นดีกัน!
ชายคนนั้นไม่รอช้า ก่อนจะรีบหันหลังแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
“และ—” โรสหยุดชะงัก และยิ่งพูดที่ทำให้ทุกคนตกใจไปกันใหญ่ “คนนั้นยังบอกด้วยว่าต้องทำให้บาดแผลปลอมนี้เหมือนกับรอยแผลที่ตกจากหน้าผาทุกประการ”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล และเสียงบทสนทนาก็ดังเข้าหูของถังรั่วอิงอย่างชัดเจน
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าถังรั่วอิงจะเป็นคนแบบนี้ แกล้งเป็นรักแรกของคนอื่นได้ขนาดนี้ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ…”
“ฉันว่าแล้วไง นักร้องที่ร้องเพลงในบาร์จะเป็นคนดีไปได้ไง ตอนแรกฉันยังคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเลยที่ฮ่อหยุนเฉิงคบกับเธอ”
“ไม่นะ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับซูฉิงล่ะ?”
“เมื่อกี้เธอไม่ได้ฟังที่พวกเขาพูดเหรอ มันเป็นแค่ฉากๆ หนึ่งน่ะ อย่างว่า สองคนนี้ก็น่าจะลำบากน่าดู…”
เสียงที่ไม่ดังหรือเบาจนเกิดไป แต่กลับทำให้ถังรั่วอิงแทบบ้า
เธอมองไปที่หมออย่างไม่พอใจ ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งยังจ้องซูฉิงด้วยดวงตาสีแดงเพลิง เธอจะต้องไม่ปล่อยให้ทุกสิ่งที่เธอมีหลุดลอยไป ไม่มีทาง!
มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ยังต้องดิ้นทำราวที่หมอพูดเมื่อกี้ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงแค่จ้องซูฉิง
“ซูฉิง เธอคิดว่าหมอเพียงคนเดียวจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงเหรอ? ฉันไม่ใช่ถังถังเนี่ยนะ? ฉันจะบอกเธอให้ เรื่องตอนนั้นของฉันกับพี่เฉิง ไม่มีใครรู้ดีไปมากกว่าฉัน!”
“ถ้าฉันไม่ใช่ถังถัง งั้นเธอบอกฉันสิว่าฉันรู้เรื่องที่พี่เฉิงถูกลักพาตัวไปได้ไง หือ?”
ความพยายามช่างไม่มีที่สิ้นสุดจริง…
ซูฉิงส่ายหัวอย่างหมดหนทาง แต่เธอมองหล่อนอย่างมั่นใจและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “นั่นเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวของหนึ่งในผู้ที่ลักพาตัวน่ะสิ เธอได้เห็นกระบวนการการลักพาตัวของหยุงเฉิงและถังถังทั้งหมด คนที่รู้เหตุและผลของเหตุการณ์เอามาหลอกลวงหลังจากที่ผ่านไปสิบปี เกรงว่าจะไม่มีคนรู้ ฉันพูดถูกไหมล่ะ?”
ถังรั่วอิงตกใจและเหงื่อออกตามหน้าผาก แต่เธอยังคงส่ายหัวปฏิเสธ “พูดอะไรน่ะ? ฉันจะเป็นลูกสาวคนที่ลักพาตัวไปได้ไง? ซูฉิง แกใส่ร้ายฉันก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายด้วย!”
“ใส่ร้ายเธอเนี่ยนะ? จนถึงตอนนี้ยังหาว่าฉันใส่ร้ายเธออีกเหรอ?”
ซูฉิงล่ะหมดคำพูดกับถังรั่วอิง เธอไม่รู้ว่าคน ๆ หนึ่งจะมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง
“ดูท่าว่าจะทะเยอทะยานดีจริง คุณหยาง รบกวนคุณออกมาด้วยค่ะ”
ซูฉิงตะโกนไปตรงทางเข้า และไม่นาน ชายวัยกลางคนอายุราวห้าสิบก็ค่อยๆ เดินเข้ามา ถังรั่วอิงมองอย่างสงสัย คนๆ นี้ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยสักนิด
“ถังรั่วอิง เธออาจจะไม่เชื่อ นี่เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีลักพาตัวของหยุนเฉิง ฉันยังสถานีตำรวจเพื่อเธอตั้งหลายครั้งเลยนะ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เปิดคดีเพื่อสอบสวนอยู่นี่แล้ว ที่เขาพูดคงไม่ใช่ของเท็จล่ะมั้ง?”
พูดจบซูฉิงก็ยื่นไมโครโฟนให้ชายวัยกลางคน “คุณหยาง”
ชายคนนั้นหยิบไมโครโฟนและพูดตามความจริงว่า “ผมเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีลักพาตัวบ้านตระกูลฮ่อเป็นเวลาสิบห้าปีครับ ตอนที่คุณฮ่อแจ้งความว่ามีคนจับหลานชายของเขาไป ด้วยความพยายามที่ไม่ลดละ ในที่สุดเราก็เขอเด็กที่ชื่อฮ่อหยุนเฉิง มีโจรทั้งหมดสี่คน โดยหนึ่งในนั้นอายุสามสิบเศษและเหมือนจะเป็นคนในหมู่บ้าน”
ถังรั่วแองที่ได้ฟัง มือและเท้าของเธอก็แข็งค้างจนขยับไม่ได้ เธอรู้สึกหนาวเย็น หนาวจนเหงื่อไหลซึมตามหน้าผาก
เธอจำวันที่พ่อของเธอถูกใส่กุญแจมือได้ตลอด แม่เลี้ยงพยายามทำตัวให้ห่างเหินจากพ่ออย่างถึงที่สุดเพราะกลัวจะติดคุกไปด้วย เช้าวันหนึ่งก็ได้ทำอาหารเช้าครั้งสุดท้ายและไม่กลับมาอีกเลย
แต่ในตอนนั้น ความรู้สึกเดียวของถังรั่วอิงคือเธอผ่อนคลาย ต่อไปจะไม่มีคนตบตีเธออีก และไม่มีใครชักสีหน้าใส่เธอด้วย
รวมทั้งตอนนี้ เธอคิดว่าเธอจะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีตำรวจโผล่มาทำเรื่องดีๆ ของเธอพัง!
คุณหยางหยุดไปครู่หนึ่งและพูดจากความทรงจำเดิมว่า “ในระหว่างอยู่ในกระบวนการสอบปากคำ เราได้เรียนรู้ว่าชาวบ้านคนนั้นชื่อถังเซี่ยว และตามบัญชีของเขาในเวลานั้น ตอนที่เฝ้าเด็กสองคนนั้น นอกจากพวกเขาสี่คนแล้ว ยังมีภรรยาของเขาและลูกสาวชื่อ ถังรั่วอิง ด้วยครับ”