ตอนที่ 425 มือปลาหมึก
“ฉิงฉิง ปู่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับถังรั่วอิงมาบ้างแล้ว” คุณปู่ฮ่อนั่งลงบนโซฟาและลูบเคราสีขาวของเขาอย่างเบามือ “โชคดีที่หนูได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของถังรั่วอิงแล้ว ไม่เช่นนั้นหยุนเฉิงก็ยังคงตาบอดหลงเชื่อผู้หญิงคนนั้นไปเรื่อยๆ หยุนเฉิงนั้นเป็นคนที่เคารพและยึดือในการเรื่องของการตอบแทนบุญคุณ เขาจำได้เสมอถึงความใจดีของถังถังในตอนนั้น”
“คุณปู่พูดลามไปเรื่องนั้นทำไม?” ปากของฮ่อหยุนเฉิงกระตุกขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
คุณปู่ช่วยอย่าเปิดเผยความลับที่น่าอับอายในวัยเด็กของเขาไปมากกว่านี้ได้ไหม?
หลังจากคุณปู่ฮ่อได้หยุดพูดลงจึงถึงคราวเขาพูดแก้ต่าง “จริงๆ แล้ว ผมรู้นานแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ถังรั่วอิง มิฉะนั้นผมกับซูฉิงจะเล่นละครตบตาผู้หญิงคนนั้นไปทำไม?”
ซูฉิงกลอกตามองไปที่ฮ่อหยุนเฉิง “นายอย่ามาพูดจาซี้ซัวะนะ!”
“ในเมื่อตอนนี้เรื่องของถังรั่วอิงก็ได้ทำการแก้ไขลงแล้ว พวกเธอสองคนวางแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่? ฉันก็แก่ลงทุกวัน ฉันรอที่จะกอดหลานชายตัวน้อยของฉันอยู่นะ ” ท่านผู้เฒ่าฮ่อยกริมฝีปากขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มใจดี
“เราวางแผนที่จะหมั้นกันในเดือนหน้า” ซูฉิงนั่งลงข้างๆท่านปู่ฮ่อและเป็นฝ่ายพูดออกมา
“ต้องวานคุณปู่ให้ช่วยเลือกวันที่ดีสำหรับงานหมั้นของเรา” ฮ่อหยุนเฉิงนั่งลงข้างๆ ซูฉิง และพูดกับท่านผู่เฒ่าฮ่ออย่างเร่งรีบ
เขารอวันที่จะได้แต่งงานกับซูฉิงมานานแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางของหลานชายหลานสองสองคน ท่านผู้เฒ่าฮ่อเองก็ตั้งหน้าตั้งต่อรอวันนี้เช่นกัน วันที่เขาจะได้ซูฉิงเข้ามาเป็นหลานสะใภ้ของตระกูลฮ่อ ในตอนนี้ถังรั่วอิงก็ได้รับการตอบแทนตามสมควรแล้ว ซึ่งสิ่งที่ชายชราทำได้ดีที่สุดในเวลานี้คือการตั้งหน้าตั้งตารออุ้มลูกที่เกิดจากฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิง
สำหรับวันเวลาที่สมควรเขาได้จัดหาและเตรียมพร้อมมานานแล้ว
ท่านผู้เฒ่าฮ่อพูดอย่างร่าเริงว่า “เรื่องนี้ยังจะต้องให้แกมาออกปากขอฉันเหรอ ฉันเลือกวันที่เหมาะสมและสมควรที่สุดไว้แล้ว ซึ่งเป็นวันที่ห้าในเดือนหน้า ยังมีเวลาให้เตรียมตัวอีกมากไม่ต้องห่วง”
“วันที่ห้าของเดือนหน้า…”
ซูฉิงอยู่ในตกอยู่ในความคิดชั่วขณะหนึ่ง อีกไม่กี่วันเธอก็จะไปประกวดการออกแบบแฟชั่น ถ้างานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นในเดือนหน้า เธอไม่สามารถคาดการณ์ได้จริงๆว่าจะกลับมาทันเวลานั้นหรือไม่
เมื่อเห็นหน้าตาเป็นกังวลของซูฉิงท่านผู้เฒ่าฮ่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น ฉิงฉิง หนูไม่ว่างหรือกำลังมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ซูฉิงนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่งและคิดถึงเวลาที่จะเข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบ หากงานผ่านไปด้วยดีก็คงมาส่งผลถึงวันกลับ
จากนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจ เธอส่ายหัวเบา ๆ และพูดกับท่านผู้เฒ่าฮ่อด้วยรอยยิ้มว่า “คุณปู่คะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ แค่หนูจะไปปารีสในอีกไม่กี่วันเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบแฟชั่น หนูกำลังคำนวนเวลาว่าจะสามารถกลับมาทันตามวันเวลาที่คุณปู่กำหนดไว้ไหม จากตามที่คิดก็คงจะทันอยู่ค่ะ ”
รอยยิ้มของคุณปู่ฮ่อเปล่งประกายขึ้นและพยักหน้าตอบทันที “เอาล่ะ งั้นก็ตกลงตามนี้ ปู่จะช่วยดูเรื่องโรงแรมในการจัดงานให้ อ่า…ฉิงฉิง ช่วงนี้หนูคงกำลังยุ่งมาก หนูควรพักผ่อนให้เยอะๆ เมื่อหนูต้องไปทำงานไกลก็อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยมากนะลูก”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ… คุณปู่ไม่ต้องกังวลนะคะ” ซูฉิงยิ้มกว้าง หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น
อาจเป็นเพราะพระเจ้าติดหนี้บางสิ่งบางอย่างกับเธอไว้ และตอนนี้พระเจ้าก็คงกำลังชดใช้สิ่งนี้มาแทนที่ให้เธอ อย่างน้อยก็มีฮ่อหยุนเฉิงและคุณปู่ฮ่ออยู่ข้างๆเธอและคอยห่วงใยเธอไม่ห่าง
เธอถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โชคดีมากๆแล้ว
อยู่ดีๆฮ่อหยุนเฉิงก็ตบมือลงบนโซฟาและพูดกับท่านผู้เฒ่าฮ่ออย่างไม่พอใจเล็กน้อย “คุณปู่ ผมจะไปกับซูฉิง ปู่ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ผมจะต้องพาเธอกลับมาแต่งงานแบบปลอดภัยแน่นอน ”
“แกนี่มัน—” ท่านผู้เฒ่าฮ่อชี้ไปที่ฮ่อหยุนเฉิงพลางพูดติดตลกและตักเตือนเขา “ไปกับฉิงฉิงก็อย่าลืมดูแลเธอให้ดี หรือถ้าซูฉิงกลับมาและฉันเห็นว่าเธอผอมลงล่ะก็ ฉันจะตีแกให้ตายเลยคอยดู”
ฮ่อหยุนเฉิงส่ายหัวและเผยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ตกลง ผมเข้าใจ คุณปู่วางใจได้เลย”
คุณปู่ฮ่อโล่งใจไปได้เยอะทีเดียว ตอนนี้เขามองดูคู่หนุ่มสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาแล้วเขาก็รู้สึกยินดีปรีดากับคนทั้งสองมากขึ้นเรื่อยๆ และเพียงไม่นานคนใช้ก็ได้เดินเข้ามาเตือนเขาว่าควรกลับไปพักผ่อนในห้องนอนได้แล้ว คุณปู่ฮ่อจึงลุกขึ้นและทำตามอย่างว่าง่าย
“กว่าทั้งสองคนจะยอมมาเยี่ยมฉันได้ก็นานมากทีเดียว วันนี้อย่าเพิ่งกลับไปเลย อยู่พักที่นี่เถอะ เหล่าหลี่เธอช่วยจัดห้องให้ทั้งสองคนแล้วปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันหน่อยนะ”
เมื่อเหล่าหลี่ได้ยินสิ่งนี้ แน่นอนว่าเธอเข้าใจดีว่าท่านผู้เฒ่าฮ่อหมายถึงอะไร เธอรีบรับคำตกลงและขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำความสะอาดห้องให้ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม
ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงมองหน้ากัน ซูฉิงยักไหล่ใส่ฝ่ายชายอย่างช่วยไม่ได้ ช่างเถอะ เธอเข้าใจความหมายของชายชราเป็นอย่างดี และมันก็เป็นความจริงที่กว่าเธอและฮ่อหยุนเฉิงจะหาเวลากลับมาเยี่ยมคุณปู่ได้
หลังอาหารเย็นท่านผู้เฒ่าฮ่อหาข้ออ้างที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน ก่อนจากไปชายชราลอบมองชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้าอย่างมีความหมาย ซูฉิงรู้ว่าท่านผู้เฒ่าฮ่อหมายถึงอะไรและยิ้มให้ฮ่อหยุนเฉิงเพียงเล็กน้อย
“คุณปู่ของฉันก็เป็นแบบนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่ใช่วันแรกที่เธอเพิ่งรู้จักเขา” ฮ่อหยุนเฉิงกลัวว่าซูฉิงจะรู้สึกอึดอัด เขาจึงปลอบโยนซูฉิงและออกแรงบีบฝ่ามือของเธอ
ซูฉิงพูดเบา ๆ “ฉันเข้าใจคุณปู่ดีและฉันก็ไม่ได้เอามันมาใส่ใจด้วย ฉันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไรขนาดนั้นนะ”
ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานแล้วจึงพากันเดินกลับเข้าไปในห้อง ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปในห้อง ซูฉิงก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เธอหันไปมองที่หน้าต่าง ยืดผ้าห่มผืนกว้างขึ้นคลุมตัวและเอนตัวผ่อนคลายลงบนเตียง
“เพราะฉันไม่ได้ออกกำลังนานหรือไง ทำไมวันนี้รู้สึกเหนื่อยจัง”
“ในเมื่อเธอเหนื่อยก็ควรเข้านอนให้เร็วขึ้น อาจเพราะบ้านเก่าอยู่ไกลจากบ้านของเราเธอจึงรู้สึกเหนื่อยเป็นธรรมดา” ฮ่อหยุนเฉิงนั่งลงถัดจากซูฉิงและใช้มือขวาของเขาคล้องรอบเอวของเธอเพื่อโอบกอดร่างบาง
ซูฉิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอก้มศีรษะและตบมือของฮ่อหยุนเฉิงเบาๆ พลางพูดอย่างโกรธเคืองว่า “นายทำอะไร อย่าทำมือปลาหมึกให้มากนะ ไป วันนี้นายต้องไปนอนบนโซฟา”
ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกไม่เต็มใจ เขาคิดว่าตนเองและซูฉิงกำลังจะหมั้นกันในไม่ช้า และเขาก็อดทนรอเวลาที่จะได้นั่งพูดคุยกันดีๆกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยามานานแล้ว”
“ซูฉิง เราไม่ได้คุยกันดีๆ มานานแล้วนะ…”
ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่สิ เขากำลังทำตัวเหมือนเด็กขี้งอแงที่ต้องการให้คนตรงหน้าเอาใจ
ซูฉิงรู้ว่าฮ่อหยุนเฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในความเป็นจริงเธอเองก็คิดถึงเขามากเช่นกัน แต่เรื่องบางเรื่องในเมื่อมันไม่ได้ก็ไม่ควรรั้งที่จะทำ
เมื่อคิดเช่นนั้นซูฉิงก็ได้ยื่นคำขาดและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึมว่า “ไม่ วันนี้นายต้องนอนบนโซฟาเท่านั้น”
ฮ่อหยุนถอนหายใจและในที่สุดก็ต้องปฎิบัติตามที่หญิงสาวตรงหน้ายื่นคำขาด “โอเค”
กว่าที่ทั้งสองจะอาบน้ำเสร็จมันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ซูฉิงที่นอนอยู่บนเตียงกว้างก็เริ่มคล้อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ช่างแตกต่างจากฮ่อหยุนเฉิงที่นอนอยู่บนโซฟาโดยหามีความง่วงมากร้ำกรายแต่อย่างใด
บนเตียงกว้างมีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของหญิงสาวร่างงามที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบ ฮ่อหยุนเฉิงเปิดเปลือกตาขึ้นมาและมองไปยังร่างที่นอนหันหลังให้เขาอยู่ ในตอนนี้ซูฉิงดูเป็นเด็กน้อยที่น่ารักมากๆ
ฮ่อหยุนเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟาอย่างแผ่วเบา ร่างสูงเดินไปหยุดที่เตียงและเหยียดมือออกเพื่อวางลงบนพื้นที่ว่าง จากนั้นจึงเอนตัวลงบนเตียงกว้างอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากหนาจูบลงบนใบหน้าของซูฉิงด้วยความอ่อนโยน
“อืม?”
ซูฉิงส่งเสียงร้องออกมาเมื่อเธอรู้สึกถึงบางอย่างที่มากระทบบนใบหน้าของเธอ เธอยกมือขึ้นและขยี้ตา เมื่อดวงตากลมโตเปิดขึ้น จึงเห็นว่าสิ่งที่รบกวนการนอนของเธอคือฮ่อหยุนเฉิง
“ทำไมนายยังไม่นอนอีก?”