นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 440 เทรนด์การค้นหาอันดับหนึ่ง
ในเมื่อยวี๋ตอบรับคำขอแต่งงานของหลินหนาน หลินหนานก็ไม่อยากจะปล่อยมือแล้ว วันต่อก็อาศัยโอกาสตีเหล็กที่ยังร้อน พยายามตอแยผู้บริหารให้อนุญาตให้เขาประกาศข่าวความสำเร็จของการขอแต่งงานบนเวยป๋อ แถมยังแท็กบัญชีของยวี๋น่า
สำหรับสิ่งเหล่านี้ ยวี๋น่าเองก็ยอมรับอย่างเงียบๆ
เพียงแค่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ภายในสองชั่วโมงสั้นๆก็ทะยานขึ้นสู่เทรนด์ค้นหาอันดับหนึ่ง ดังระเบิด
ในระยะหนึ่ง เวยป๋อของหลินหนานและยวี๋น่า เต็มไปด้วยความคิดเห็นจากแฟน ๆ แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ดูถูกและไม่ชอบยวี๋น่า แต่เสียงในช่องแสดงความคิดเห็นก็เป็นการอวยพรซะส่วนใหญ่ จะมีคนค่อนข้างน้อยที่ประท้วงและไม่ชอบ Yu Na แต่เสียงในช่องแสดงความคิดเห็นยังคงเป็นพรเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรซะเรื่องที่หลินหนานชอบยวี๋น่า ทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว
แม้แต่สื่อทีวีก็เริ่มรายงานเรื่องการแต่งงานของหลินหนานและยวี๋น่า ยังไงซะหลินหนานก็เป็นดาราดังที่คนรู้จักกันทุกครัวเรือน เรื่องแบบนี้ต้องครองหน้าหนึ่งของข่าวบันเทิงอยู่แล้ว
อู๋เทียนเหอกลับไปที่ภูเขา ยังคงทำอาชีพครูอาสาสมัครของเขา แต่สภาพของห้องเรียนที่สร้างขึ้นใหม่นั้นดีกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าทุกคนล้วนดูออก อู๋เทียนเหอไม่ได้ชอบยิ้มแย้มและพูดคุยเหมือนเมื่อก่อน มักอยู่คนเดียวบ่อยๆ ใครก็เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
โทรทัศน์ในหอพักครูอาสากำลังออกอากาศ พิธีกรพูดถึงข่าวที่น่ายินดี หน้าจอปรากฏใบหน้าของหลินหนานและยวี๋น่า เป็นข่าวการแต่งงานของพวกเขา
อู๋เทียนเหอจ้องโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ มองไปที่รูปของยวี๋น่าบนหน้าจอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดขึ้นมา
สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ตนเองชอบได้
ยิ่งอู๋เทียนเหอดูข่าวในทีวีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอารมณ์เสีย เขาหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มแรงๆ หลังจากแยกกับยวี๋น่า เขาก็ชอบดื่มเหล้า มีเพียงการดื่มเท่านั้นที่ทำให้เขามึนงง อะไรก็คิดไม่ออก และไม่เจ็บปวด
“พี่อู๋” มีเสียงผู้หญิงดังมาจากนอกประตู เป็นครูอาสาที่เขตภูเขาเหมือนกัน เพื่อนร่วมงานของอู๋เทียนเหอ หลินเสี่ยวเสว่
หลินเสี่ยวเสว่เคาะประตู พบว่าแท้จริงแล้วประตูไม่ได้ปิดสนิท ข้างในมีการเคลื่อนไหว ก็เลี่ยงที่จะสงสัยไม่ได้ แง้มประตูออกจึงเห็นว่าอู๋เทียนเหอนั่งอยู่บนเตียง ดื่มเหล้าอยู่เพียงลำพัง ในโทรทัศน์ยังคงออกอากาศข่าวของหลินหนานและยวี๋น่า
“พี่อู๋ เป็นอะไรหรือเปล่า?” หลินเสี่ยวเสว่รู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นอู๋เทียนเหอเป็นแบบนี้ เธอเดินไปข้างๆอู๋เทียนเหอ แล้ววางมือบนไหล่ของเขา ถามขึ้นอย่างกังวล
ทว่าพอเห็นข่าวในโทรทัศน์ก็เธอเข้าใจทุกอย่าง จึงหลับตาลงตามสัญชาตญาณเพื่อซ่อนเร้นความเศร้าในแววตา
หลินเสี่ยวเสว่เป็นครูอาสาที่มาที่หลังอู๋เทียนเหอ หลังจากเธอได้รู้อู๋เทียนเหอ เธอก็ชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าเธอคนนี้ แรกเริ่มเป็นแค่ความรู้สึกของการพึ่งพา ต่อมาก็กลายเป็นความรัก แต่ตอนนั้นเพื่อนร่วมงานต่างก็รู้ว่า อู๋เทียนเหอมีแฟนสาวที่อยู่ในตัวเมือง ดังนั้นเธอจึงได้แต่เก็บความรู้สึกนี้เอาในใจ
ทว่าหลังจากที่อู๋เทียนเหอกลับมา หลินเสี่ยวเสว่ก็ได้ยินคนอื่นพูดว่าเขาได้เลิกรากับคนรักแล้ว
หลินเสี่ยวเสว่เห็นอู๋เทียนเหอในสภาพนี้ ในใจก็ทุกข์ยิ่งนัก นี่ไม่เหมือนกับอาจารย์อู๋ที่แสนสุภาพในความประทับใจของเธอเลยสักนิด
เธอเม้มริมฝีปาก ทั้งนั่งลงข้างอู๋เทียนเหอ ตบบ่าเขาอย่างลอบสังเกต “พี่อู๋ อย่าเสียใจเลย ฉัน ฉันคิดว่าในใจของเธอเอง…ต้องยังนึกถึงพี่แน่ เธออาจจะ เธอเองก็เสียใจ…”
หลินเสี่ยวเสว่พยายามจะพูด แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่ต่อเนื่องกัน ไม่รู้ว่าอู๋เทียนเทียนเหอยังมีสติหรือเมาจนเลอะเลือน หูเขาแดงก่ำ ส่ายศีรษะ ยิ้มเยาะเย้ยตนเอง “ช่างเถอะ ในเมื่อตอนแรกเป็นฉันที่ทอดทิ้งเธอ ตอนนี้ ตอนนี้ได้เห็นเธอมีที่พึ่งพิงที่ดี ก็ดีมากแล้ว แต่ แต่ว่า..”
เขาค่อยๆ กำที่มุมโต๊ะแน่น “แต่ในฉันก็เจ็บเหลือเกิน…”
ผู้ชายตัวใหญ่ที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าอย่างอู๋เทียนเหอ ในเวลานี้เสียงพูดกลับแฝงไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้น แม้แต่ดวงตาก็แดงเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดื่มจนเมาหรือเป็นเพราะเจ็บอย่างเหลือทน
เสียงในทีวียังคงดำเนินต่อไป อู๋เทียนเหออารมณ์พลุ่งพล่าน โยนกระป๋องเบียร์ลงบนพื้น แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขมวดคิ้ว คำรามเสียงต่ำ ขาข้างขวาที่เดิมหายเป็นปกติแล้วตอนนี้กลับมีปื้นสีแดงสด ดูเหมือนว่าบาดแผลจะกลับมาเป็นซ้ำ
เดิมทีแล้ว ตอนที่ขาขวาของอู๋เทียนเหอรักษาจนหาย ฉียวี่ชูบอกเขาว่าขาของเขายังคงที่อันตรายที่แฝงไว้ ต้องหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และอาหารรสเผ็ด ไม่อย่างนั้นอาการบาดเจ็บเก่า ๆ อาจเกิดขึ้นอีกได้ แต่ตอนนี้เขาได้แหกข้อยกเว้นแล้ว
หลินเสี่ยวเสว่เห็นอู๋เทียนเหอเจ็บปวดอย่างมาก ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือความกังวล เธอรีบร้อนก้มลงไปถาม “พี่อู๋ พี่อู่ พี่เป็นอะไร?”
เมื่อเธอเห็นขาขวาของอู๋เทียนเหอกลายเป็นสีแดง หลินเสี่ยวเสว่ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าซีดด้วยความตกใจ เธออยากจะเรียกใครสักคน แต่ทางอู๋เทียนเหอก็ต้องมีใครสักคนอยู่ข้างๆ พวกชาวบ้านมักจะเข้านอนเร็ว ดังนั้นเธอจึงพยุงอู๋เทียนเหอขึ้นมา เอาแขนของเขาพาดไหล่ตนเอง อู๋เทียนเหอสูงกว่าเธอ น้ำหนักส่วนใหญ่ของเขาจึงตกอยู่ที่หลินเสี่ยวเสว่กว่าครึ่ง และเคลื่อนย้ายออกจากห้องพักครูทั้งอย่างนั้น
หลังจากไปถึงสถานพยาบาลในเขตภูเขาอย่างไม่ง่ายดาย เสียงฝีเท้าของหลินเสี่ยวเสว่ก็ก้องสะท้อนไปทั่วทางเดินที่ว่างเปล่า พยายามตบประตูห้องเวรอย่างสุดแรง
“หมอ หมอ!”
ไฟในห้องเวรสว่างขึ้นมา คุณหมอที่ดูเหมือนอายุสี่สิบปีในชุดเสื้อคลุมสีขาวเปิดประตูและมองไปที่หลินเสี่ยวเสว่และอู๋เทียนเหออย่างสงสัย หลินเสี่ยวเสว่รีบถลาเข้าไปในห้อง พูดกับหมอ ” หมอคะ รีบดูขาเขาเร็วเข้าว่าเป็นยังไงบ้าง?”
คุณหมอรีบช่วยหลินเสี่ยวเสว่พยุงอู๋เทียนเหอไปนั่งที่เก้าอี้ กดบริเวณที่แดงบวมบนขาขวาของเขาอย่างวิเคราะห์ อู๋เทียนเหอขมวดคิ้ว อดทนข่มเสียงคำรามไว้
“ขาขวาของเขาเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนเหรอ?”
ได้ยินคุณหมอถามแบบนี้ หลินเสี่ยวเสว่ก็พยักหน้า พูดอย่างลังเลเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ที่เขตภูเขามีแผ่นดินไหวใช่มั้ยคะ? ขาขวาของเขาถูกทับได้รับบาดเจ็บ กว่าจะรักษาจนหายก็ไม่ง่ายเลย คุณหมอ ตกลงขาเขาเป็นยังไงบ้าง? มีวิธีรักษามั้ยคะ?”
หมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “เขาน่าจะกลับมาบาดเจ็บเพราะบาดแผลเก่า แต่รักษาในพื้นที่ภูเขามีข้อจำกัด สถานพยาบาลที่นี่รักษาอาการบาดเจ็บที่ขาไม่ได้ ถ้ามีเวลาลองพาเขาไปรักษาโรงพยาบาลในตัวเมือง วันนี้ฉันจะให้ยาทาเฉพาะที่และพันผ้าพันแผลเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือน”
หลินเสี่ยวเสว่มองอู๋เทียนเหออย่างกังวล แต่เธอก็รู้ว่าปัจจัยของเขตภูเขามีอุปสรรคเพียงใดฌะอไม่มีทางเลือกอื่นอีกได้ผงกศีรษะ “ได้..ได้ค่ะ ขอบคุณคุณหมอ”
เมือง A
“น่าน่า เธอไม่ต้องกังวลไป การตรวจครรภ์น่ะง่ายมาก” ตอนนี้ยวี๋น่าตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว แม่ยวี๋กังวลอย่างมากว่าลูกสาวจะได้รับความไม่เป็นธรรม ทั้งยังกังวลว่าเธออยู่ที่ตระกูลหลินจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงรีบย้ายมาอยู่เป็นเพื่อเธอ วันนี้เลยมาตรวจครรภ์กับยวี๋น่าด้วย