นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 444 ถังรั่วอิงแหกคุก
ที่นั่น เธอได้เจอถังรั่วอิงอีกครั้ง ถังรั่วอิงนั้นดูซูบเซียวกว่าครั้งที่แล้วที่เจอกันมาก แต่ว่าตอนที่เห็นสวีว่านเอ๋อร์ เธอก็มีสติขึ้นมา
“ในที่สุดเธอก็มาแล้ว เมื่อไหร่จะช่วยฉันออกไป”
ถังรั่วอิงมองสวีหว่านเอ่อร์อย่างกระตือรือร้น ตอนนี้เธอคิดว่าสวีหว่านเอ๋อร์เป็นคนเดียวที่ช่วยเธอได้ ขอเพียงแค่ให้เธอออกไปจากที่นี่ได้ จะให้เธอได้อะไรก็ได้”
“ใจร้อนไปทำไม “สวีหว่านเอ๋อร์ยิ้ม ยังคงทำท่าทีนิ่งสบายอารมณ์ ;จากนั้นเธอก็หยิบเอากุญแจออกมาจากกระเป๋า ค่อยๆ ส่งใส่มือถังรั่วอิง
“คืนนี้ช่วงเวลาหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มเป็นช่วงเปลี่ยนกะของผู้คุม คนในนี้ฉันได้ติดต่อให้ทางโล่งแล้ว แต่ว่าประตูข้างนอกก็ยังมีการเปลี่ยนกะของเจ้าหน้าที่ผู้คุม เมื่อถึงตอนนั้นเธอไขกุญแจดอกนี้แล้วหลบกล้องวงจรปิดออกมาได้แล้วให้เดินไปทางทิศตะวันตก กระโดดข้ามกำแพง จะมีคนของฉันไปรอรับเธอที่นั่น”
“ได้ ได้ “ถังรั่วอิงรีบพยักหน้าที แล้วรีบชักมือกลับมา แล้วกำกุญแจที่อยู่ในมือแน่น รู้สึกว่าเธอมีความหวังอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้นเองสวีหว่านเอ๋อร์ก็จับมือของเธอ “กุญแจให้เธอแล้ว แต่ว่าเธอจะต้องรับปากฉัน ว่าจะบอกฉัน ไม่งั้นฉันจะให้เธอออกไปได้ยังไง ฉันก็สามารถทำให้เธอกลับมาได้เหมือนกัน เข้าใจมั้ย”
ถังรั่วอิงอึ้งอยู่สักพัก ก็รีบพยักหน้าตกลง “ขอแค่เธอช่วยฉันออกไปจากคุกได้ ฉันจะบอกเธอทุกอย่าง รู้อะไรมาก็จะบอกหมดเลย!”
สวีหว่านเอ๋อร์ได้ยินเธอรับประกันอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มได้ใจออกมา แล้วก็ปล่อยมือของเธอแล้วก็หันหลังเดินออกไปจากเรือนจำ
ถังรั่วอิงถึงได้ถอนหายใจโล่ง เธอแบมือออกมองดูกุญแจที่อยู่ในมือ แล้วก็ยิ้มออกมาเหมือนคนป่วย
รอจนมาถึงช่วงค่ำ ถังรั่วอิงก็ทำตามที่สวีหว่านเอ๋อร์บอก คำนวณเวลาว่าถึงช่วงเปลี่ยนกะของผู้คุมก็เอากุญแจออกมาไขประตู ก็ค่อยๆ เดินออกไป แล้วก็ปิดเข้าไปเหมือนเดิม
เธออยู่ที่นี่นานแล้ว และก็รู้ว่าตำแหน่งกล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหน สุดท้ายแล้วถังรั่วอิงก็มาถึงตำแหน่งที่สวีหว่านเอ๋อร์ได้สำเร็จ ตรงนั้นเป็นมุมที่อับ มีห้องบังอยู่ ผู้คุมที่เปลี่ยนกะจะไม่มาถึงที่ตรงนี้
หลังจากที่เธอกระโดดข้ามกำแพงไปแล้ว ก็เห็นรถคันสีขาวจอดอยู่ตรงหน้า ถังรั่วอิงก็รีบวิ่งเข้าไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งเบาะหลังและเบาะข้างๆ กลับพบว่าเป็นสวีหว่านเอ๋อร์นั่งอยู่ และเธอกำลังนั่งหลับตาพิงเบาะรถอยู่
หลังจากได้ยินเสียง สวีหว่านเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้น:”ออกมาแล้วหรอ ลุงสวี ออกรถเถอะ”
ลุงคนขับรถพยักหน้า แล้วค่อยๆ ขับรถออกไป แสงไฟจากไฟถนนข้างนอกค่อยๆ ขยับๆ ไปเรื่อยๆ ถังรั่วอิงมองวิวนอกหน้าต่าง ก็เหมือนได้ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง แต่สวีหว่านเอ๋อร์จะพาเธอไปที่ไหนนั้นก็ไม่รู้ได้เลย
“พวกเราจะไปไหนหรอ”
“ถึงแล้วเดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็ได้ขับมาจอดที่เขตชานเมือง ถังรั่วอิงลงจากรถอย่างงงๆ ผลปรากฏว่าถูกสวีหว่านเอ๋อร์ฉุดแขนให้เดินตามเข้ามาข้างในวิลล่า ภายในบ้านเต็มไปด้วยฝุ่น ดูก็รู้ว่าไม่มีคนมาพักอยู่นานแล้ว
“ที่นี่คือที่ไหน”
สวีหว่านเอ๋อร์ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินคำถามของถังรั่วอิง และยังกอดอกมองเธอ”ฉันได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอแล้ว งั้นตอนนี้เธอน่าจะบอกฉันได้แล้ว ว่าตอนที่หยุนเฉิงกับถังถังถูกจับตัวไปรายละเอียดเป็นยังไง เธอน่าจะรู้นะว่าฉันไม่ใช่แม่พระ”
“เธอ–”
ถังรั่วอิงก็หรี่ตาลง ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมสวีหว่านเอ๋อร์ถึงได้พามาที่นี่ ถ้าหากเธอไม่เล่าเรื่องของฮ่อหยุนเฉิงกับถังถัง งั้นวันนี้เธอก็จะตายอย่างไร้สาเหตุ
สวีหว่านเอ๋อร์สามารถช่วยเธอออกมาจากคุกได้ ยังมีอะไรที่เธอต้องกลัวละ
เธอสูดลมหายใจเข้า”ได้ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง แต่ว่าหลังจากวันนี้ไป เธอจะต้องช่วยฉันไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากอยู่ที่เมือง Aแล้ว ฉันอยากจะไปต่างประเทศ ฉันอยากไปที่ที่ปลอดภัย ไม่งั้นฉันรู้ได้ยังไงว่าหลังจากที่เล่าเรื่องให้เธอฟังหมดแล้ว เธอจะไม่จับฉันส่งกลับเข้าคุกอีก”
คิดจะตกเงื่อนไขกับเธอหรอ
สวีหว่านเอ่อร์กะพริบตาคิด แต่ว่าสุดท้ายก็ลืมตาขึ้น พยักหน้าเบาๆ รับปากของเสนอของถังรั่วอิง
“ได้ ขอแค่เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง ฉันรับรองว่าจะให้เธอออกไปจากเมือง A อย่างปลอดภัย”
แต่วินาทีต่อมา น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมา”แต่ว่าฉันแนะนำเธอว่าทางที่ดีอย่ามาเล่นตลกกับฉัน ถ้าหากเธอหลอกฉัน เธอน่าจะรู้นะว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง”
ถังรั่วอิงได้ยินอย่างนั้นก็วางใจ แต่ว่าเธอก็ยังระวัง เธอทำให้อารมณ์นิ่งลง แล้วถึงเริ่มเล่าเรื่องรายละเอียดตอนที่ฮ่อหยุนเฉิงกับถังถังถูกลักพาตัวไปอยู่ในกระท่อมไม้เล็กๆ
“……..เรื่องก็เป็นมาอย่างนี้”
และตอนที่สวีหว่านเอ๋อร์กำลังตั้งใจฟังต่อไป ถังรั่วอิงก็หยุดพูดกะทันหันเหมือนจะไม่พูดอีก
“เล่าให้เธอฟังเท่านี้ก่อน รอให้ฉันไปต่างประเทศได้อย่างปลอดภัยแล้ว ฉันจะเล่าส่วนที่เหลือให้รอฟังทางโทรศัพท์ ฉันรับประกัน”
สวีหว่านเอ๋อร์อึ้ง เหล่มองถังรั่วอิงอย่างรังเกียจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็รูดซิปเปิดกระเป๋า หยิบเอาบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเงิน แล้วตั๋วเครื่องบินออกมา
“นี่เป็นตั๋วเครื่องบินไปประเทศ M ไฟลต์บินตอนดึก ยังมีเวลาอีกสามชั่วโมง ฉันจะรีบให้คนไปส่งเธอ ส่วนเงินในบัตรใบนี้ก็มากพอที่จะให้เธอใช้ชีวิตที่เมือง Mได้ แต่ว่าถ้าหากฉันรู้ว่าเธอโกหกฉันละก็ เธอจะได้กลับมาแน่ เข้าใจมั้ย”
ถังรั่วอิงที่ตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอรู้ว่าถ้าหากอยู่เมืองA ต่อไป มัวแต่คิดถึงฮ่อหยุนเฉิง ชีวิตเธอก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็ช่วยให้คนอื่นสมหวังดีกว่ามั้ย
ถึงไม่มีเธอ ฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงก็คงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรอก
เธอรับเอาบัตรที่อยู่ในมือของสวีหว่านเอ๋อร์มาแล้วยัดใส่กระเป๋าตัวเอง”คุณซูวางใจเถอะ รอให้ฉันถึงต่างประเทศแล้ว ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังแน่ คุณรอรับโทรศัพท์ก็พอ”
……….
สองวันต่อมา สวีหว่านเอ๋อร์พักผ่อนที่บ้าน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและเป็นเบอร์แปลก
เธอกดรับสายแต่ไม่พูดอะไร จนได้ยินเสียงถังรั่วอิงดังมาตามสาย “คุณสวี คุณสบายดีมั้ย”
“ดูท่าเธอน่าจะรู้สึกปลอดภัยแล้ว งั้นเรื่องที่เหลือสามารถเล่าให้ฉันฟังได้รึยัง “สวีหว่านเอ๋อร์ที่พูดไปด้วยสางผมได้ด้วย เธอรั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นเบอร์ของถังรั่วอิง เพราะว่านอกจากหล่อนแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะทำตัวลึกลับอย่างนี้
“……..”
จากนั้นสวีหว่านเอ๋อร์ก็เงียบฟังถังรั่วอิงเล่าเรื่องอย่างเงียบๆ และหลังจากที่วางสายไปแล้วก็แฉะยิ้มที่เดาไม่ออกออกมา
ซูฉิง ต่อไปเธอได้เห็นดีแน่
ซูฉิงกับฮ่อหยุนเฉิงเที่ยวที่ปารีส และชอปปิ้ง รอการแข่งการออกแบบก็เท่านั้น ซูฉิงที่ได้ผ่อนคลายบ้าง วันนี้เธอมาที่หอนาฬิกาบิ๊กเบน เพื่อที่จะมาเดินเล่น ผลปรากฏว่าได้รับสายจากหลินเหยียนเฟิง