นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 463 ฉันแค่อยากจะกอดเธอ
ซูฉิงที่เป็นคนแข็งแกร่งมาตลอด น้อยมากที่จะแสดงความเสียใจออกมา
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวเข้ามาหาซูฉิงแล้วเข้าไปกอดเธอ
“เป็นอะไรไป “เขาเอาซูฉิงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
ซูฉิงซบหน้าลงที่อกกว้างของฮ่อหยุนเฉิง ก็รู้สึกเบาใจ
เธอส่ายหน้า แล้วยิ้มพูดเสียงเบา”ไม่มีอะไร”
ฮ่อหยุนเฉิงเดาว่าซูฉิงน่าจะนึกถึงคุณปู่ของเธอ “โทรหาคุณปู่เถอะ ดูจากเวลาที่ต่างกัน ทางโน้นน่าจะยังกลางวันอยู่ จะได้บอกเรื่องวันหมั้นให้ท่านทราบด้วย”
ซูฉิงพยักหน้า แล้วก็กดโทรหาคุณปู่
“คุณปู่คะ หนูเอง ทางโน้ยน่าจะเที่ยงแล้วใช่มั้ยคะ “ซูฉิงยิ้มถาม
ได้ยินเสียงหลายสาวสุดที่รัก คุณปู่ซูก็ดีใจ “ใช่แล้ว เป็นตอนเที่ยง ปู่พึ่งกลับมาจากเที่ยวด้านนอก น่าจะต้องไปเที่ยวที่ดูไบหลายวัน”
คุณปู่เที่ยวอย่างมีความสุข ซูฉิงก็วางใจ
“คุณปู่คะ งานหมั้นของหนูกับหยุนเฉิงจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้าแล้ว คุณปู่จะกลับมาเมื่อไหร่คะ “ซูฉิงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นวันที่สำคัญที่สุดของเธอ คุณปู่เธอจะต้องมาร่วมงาน
ฮ่อหยุนเฉิงมองซูฉิงยิ้มออกมา ก็รู้สึกวางใจที่รู้ว่าคุณปู่แข็งแรงดี
คุณปู่ที่ปลายสายพูดอย่างมีความสุขว่า”อีกไม่กี่วันปู่ก็จะกลับเมือง A แล้ว หลานสาวของปู่หมั้นทั้งทีจะขาดปู่ไปได้ยังไง ปู่ได้เตรียมของขวัญให้เธอกับหยุนเฉิงแล้ว พวกเธอสองคนจะต้องชอบแน่ๆ…”
“จริงหรอคะ”ซูฉิงอบอุ่นใจขึ้นมา
ขอแค่ได้เจอคุณปู่ และได้รับคำอวยพรจากคุณปู่ เธอก็ดีใจแล้ว
ส่วนเรื่องของขวัญ ….ตั้งแต่เล็กจนโต คุณปู่ก็รักตามใจเธอมาตลอด แม้แต่ดวงดาวก็อยากจะเด็ดมาให้เธอ
“เอาละ ฝั่งทางโน้นน่าจะดึกมาแล้ว เธอก็รีบพักผ่อนเถอะ”น้ำเสียงใจดีของคุณปู่ซู ส่งเสียงมาตามสาย
“ค่ะ”ซูฉิงพยักหน้า
แล้วก็กดวางสาย ความคิดของซูฉิงก็ล่องลอยไปไกล
ในความจำของเธอ ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีเพียงคุณปู่ ไม่เคยเจอหน้าพ่อและแม่เลย
คุณปู่บอกเธอเพียงแต่ว่าตอนนั้นพ่อแม่ของเธอเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต
แต่ว่าแม้พ่อแม่จะเกิดอุบัติเหตุ เธอก็น่าจะจำได้
แล้วทำไมเธอถึงจำไม่ได้เลยละ?
แค่บางครั้งที่จะมีภาพจำปะติดปะต่อแวบเข้ามาให้หัวของเธอ
ซูฉิงพยายามนึกว่าภาพนั้นว่ามันคืออะไร อยากให้มันออกมาเป็นภาพที่สมบูรณ์ แต่ก็นึกขึ้นมาไม่ได้
อีกอย่าง แล้วอาเสว่คือใครกัน?
คุณลุงฉีกับอาเสว่มีความสัมพันธ์อะไรกัน
แล้วทำไมทุกครั้งที่เธอพูดถึงอาเสว่ ลุงฉีก็มักจะพูดบ่ายเบี่ยงเธอตลอด เหมือนมีเรื่องมากมายปิดบังเธออยู่ ไม่อยากจะบอกเธอ
แล้วทำไมนะ
ซูฉิงจำได้ลุงฉีเคยบอกกับเธอว่า อาเสว่คือป้าของเธอ
แล้วอาเสว่ตอนนี้อยู่ที่ไหน
ดูท่าทางของลุงฉี น่าจะรักอาเสว่มาก
ถ้าหากอาเสว่ยังมีความสุขดี แล้วทำไมลุงฉีถึงได้ไปอยู่อย่างสันโดดโดดเดี่ยวในที่ห่างไกลและหนาวเย็น ทำไมไม่ไปตามหาอาเสว่?
หรือว่า…….
มีเรื่องมากมายที่ซูฉิงไม่เข้าใจ เธอเคยลองตามสืบทุกวิถีทาง แต่ก็ยังสืบหาไม่เจอ
“ซูฉิง เธอเป็นอะไรหรอ” ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นซูฉิงที่หน้าขรึมลงหลังจากที่คุยโทรศัพท์เสร็จ
ซูฉิงดึงสติกลับมา เงยหน้ามองฮ่อหยุนที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่มีอะไร ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว รีบพักผ่อนกันเถอะ “ใบหน้าซูฉิงที่ติดเหนื่อยล้ายามที่พูด
ซูฉิงที่พึ่งพูดจบ ฮ่อหยุนเฉิงก็เข้ามาอุ้มเธอในท่าเจ้าสาว
“นายจะทำอะไร “ซูฉิงตกใจถามทั้งที่ตัวลอยขึ้น
“ไม่ใช่อยากจะพักผ่อนหรอ”ฮ่อหยุนเฉิงก้มหน้าลงมาอมยิ้มมองซูฉิงที่อยู่ในอ้อมกอด
เขาอุ้มซูฉิงเข้ามาในห้องของเขา แล้วก็ค่อยวางเธอลงบนเตียงคิงส์ไซต์ของเขาอย่างระมัดระวัง
“ฉันจะกลับห้องของฉัน “ซูฉิงประท้วงขึ้นมา
เธอยังไม่อยากนอนกับผู้ชายคนนี้นะ
“อย่าขยับ “ฮ่อหยุนเฉิงจับไหล่ของซูฉิงไว้นิ่งอย่างเอาแต่ใจ แล้วก็เข้ามาโอบเอวของเธอแน่น เพื่อไม่ให้เธอขยับ
ทั้งสองขยับเข้ามาชิดกัน ด้วยท่าทางล่อแหลม ซูฉิงก็สูดหายใจติดขัด
“ไม่ต้องกลัว ฉันแค่อยากกอดเธอก็เท่านั้น “ฮ่อหยุนเฉิงรู้ว่าซูฉิงกังวลอะไร เพื่อควบคุมอารมณ์ร้อนในกายของตัวเอง ถึงได้เอ่ยขึ้น”ฉันเคยบอกแล้วว่า ฉันจะให้เกียรติเธอ”
พอได้ยินฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างนี้ ซูฉิงถึงได้เบาใจ
ทั้งสองนอนกอดกันทั้งคืน
เช้าวันต่อมา ซูฉิงที่ตื่นแต่เช้า เธอยังเป็นห่วงเรื่องของเฉินจุนเหยียนกับหลิวเสี่ยวหนิง
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ซูฉิงก็ไปที่สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์
ระหว่างทาง เธอก็เลื่อนดูโทรศัพท์ไปเรื่อย เพื่อดูข่าวของเฉินจุนเหยียนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ และมีความเห็นในด้านลบเยอะมาก
ซูฉิงลูบหน้าผากอย่างปวดหัว หากเป็นอย่างนี้ต่อไปจะต้องส่งผลกระทบกับการโปรโมทละคร《พ่าหวังเปี๋ยจี》แน่
พอถึงสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมท์ ซูฉิงก็รีบเดินไปที่ห้องทำงานของเฉินจุนเหยียน
“ซูฉิง”เฉินจุนเหยียรที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานกำลังอ่านข่าวในโลกโซเชียลด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ทันใดนั้นซูฉิงก็ผลักประตูเข้ามา
ซูฉิงก้าวเข้ามาแล้วพูดเสียงเรียบ “เฉินจุนเหยียน ฉันคิดดีแล้ว เรื่องนี้ทางที่ดีนายต้องออกมาชี้แจงแล้วละ เพราะความเข้าใจผิดไม่ส่งผลดีต่อสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์”
เฉินจุนเหยียนค่อยๆ หันกลับมาเอาแต่จ้องหน้าซูฉิง เหมือนต้องการมองทะลุเธอโดยไม่พูดอะไร
ซูฉิงพ่นลมหายใจยามออกมา แล้วกันไปด้านข้างเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่นานถึงได้ยินเฉินจุนเหยียนถามขึ้นว่า:”เธอจะหมั้นกับฮ่อหยุนเฉิงจริงหรอ”
ถึงไหนแล้ว เขายังจะคิดถึงเรื่องนี้อีก !
บางที่ซูฉิงก็ไม่รู้จะเอายังไงกับเฉินจุนเหยียนดี เธอปฏิเสธเขาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมเฉินจุนเหยียนทำไมถึงได้รั้นอยู่ได้
“ใช่ ฉันจะหมั้นกับเขาแล้ว อาทิตย์หน้านี้แหละ”
เฉินจุนเหยียนคิดภาพเหตุการณ์นี้อยู่ในใจมาหลายครั้งแล้ว แต่ตอนที่ซูฉิงพูดออกมา ใจของเขาก็จี๊ดขึ้นมา ก้มหน้าลงด้วยแววตาเศร้า
ซูฉิงเห็นเขาเป็นอย่างนั้น ก็อดที่จะถอนหายใจออกมา แล้วพูดโน้มน้าวอย่างหวังดี :”จุนเหยียน ฉันพูดกับนายหลายครั้งแล้วว่าฉันชอบฮ่อหยุนเฉิง เขาก็ชอบฉัน ทำไมนายยังจะมาเสียเวลากับฉันอีกนะ ทำไมไม่รักษาคนที่ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมาคิดถึงฉัน”
เฉินจุนเหยียนเงยหน้าขึ้นมา ด้วยความตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าซูฉิงจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“เธอหมายความว่า–”
ซูฉิงพยักหน้า “เสี่ยวหนิงเป็นคนดีคนหนึ่ง ครั้งที่แล้วที่โรงพยาบาล ฉันก็มองออกแล้ว ว่าเธอนั้นชอบนายจริงๆ งั้นนายก็ลองคบเธอดูสิ”
“เสี่ยวหนิง ? “เฉินจุนเหยียนถามย้ำอีกรอบ แล้วยกยิ้มขึ้นมา เขายอมรับว่าหลิวเสี่ยวหนิงเป็นคนดี แต่ว่าเขานั้นไม่ได้ชอบเธอ
เงียบอยู่นาน เฉินจุนเหยียนถึงส่ายหน้า “ไม่อยากจะทำให้หล่อนต้องเสียเวลา เสี่ยวหนิงนั้นเป็นผู้หญิงที่ดีจริง แต่ฉันเห็นหล่อนเป็นเพียงแค่น้องสาว”
ประตูห้องทำงานที่เปิดแง้มไว้ หลิวเสี่ยวหนิงที่มาทำงานแต่เช้า เธอเป็นห่วงเฉินจุนเหยียนมายืนอยู่หน้าห้องของเขา อยากจะหาโอกาสพูดขอโทษ พอได้ยินเสียงข้างใน ซึ่งเป็นคำพูดที่เธอไม่อยากได้ยินจากคำพูดของเฉินจุนเหยียน