นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 499 ได้รับการช่วยเหลือ
ทางฝั่งของซูฉิงที่เริ่มร้อนใจ ยังตามหาหลิวเสี่ยวหนิงไม่เจอว่าไม่อยู่ที่ไหน
เธอหดตัวอยู่บนเตียงอย่างระมัดระวัง มองไปทางฉินชั่งที่เข้ามาใกล้เธอ คิดจะยื้อเวลาออกไปอีก :”เดี๋ยวก่อน ฉันอยากจะไปอาบน้ำ ตัวเปียกหมดเลยทำให้รู้สึกไม่สบายตัว”
หลิวเสี่ยวหนิงทำเป็นยิ้มประหม่า ตอนที่เธอสลบไปก็ถูกพามาที่นี่ ชุดที่ยังหมาดๆ พอมาสัมผัสกับตัวทำให้ไม่สบายตัว
ฉินชั่งไม่ได้คนโง่ ตอนนี้จะดูไม่ออกได้ยังไงว่าหลิวเสี่ยวหนิงกำลังยื้อเวลา ทันใดนั้นเขาก็หมดความอดทนอีกครั้ง ฉีกเสื้อออกแล้วเข้าไปหาหลิวเสี่ยวหนิง
หลิวเสี่ยวหนิงตกใจ เธอนึกถึงคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอก กัดริมฝีปากแน่นไม่ได้ส่งเสียงออกมา แล้วคว้าเอวโคมไฟบนหัวเตียงทุบหัวของฉินชั่ง
ก็ได้เสียงเสียงดังพลั้วะ ฉินชั่งก็ร่วงลงไปกับพื้น
หลิวเสี่ยวหนิงเห็นอย่างนั้นก็ไม่กล้ารอช้า เธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปทางหน้าต่าง ตอนที่เปิดหน้าต่างออก ลมเย็นข้างนอกก็พัดเข้ามา ทำให้เธอหนาวจนตัวสั่น
แต่ช้าเพียงพริบตา ทำให้เธอหนีออกไปไม่ได้ ถูกฉินชั่งที่อยู่ข้างหลังจับไว้
“นังแพศยา! แกกล้าทำร้ายฉัน!”
ฉินช่างใช้แรงพลักหลิวเสี่ยงหนิงลงไปบนพื้นพรม
หลิวเสี่ยวหนิงซู้ดปากร้องด้วยความเจ็บ น้ำตาไหลออกมาอย่าทนไม่ไหว
“เจ็บมากเลย”ฉินชั่งกดไปที่หัวที่ถูกหลิวเสี่ยวหนิงตี และก็เห็นเลือดเปื้อนมือทำให้ฉินชั่งหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
หลิวเสี่ยวหนิงที่อยู่บนพื้นยังคิดจะลุกขึ้นมาคว้าโคมไฟ แต่ฉินช่างไม่ให้โอกาสนั้นกับเธออีกและ ตบหน้าเธอพร้อมกับก่นด่าไม่หยุด
หลิวเสี่ยวหนิงถูกตบจนหูแว่ว เธอกัดฟันกรอด ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้
เพียงน่าเสียดายเธอที่ดิ้นรนก็เป็นหญิงอ่อนโยน เธอไม่สามารถที่จะสู้ฉินชั่งได้จริงๆ
ฉินช่างเตะเข้าหน้าอกของหลิวเสี่ยวหนิง แล้วจับตัวเธอที่พยายามขัดขืนขึ้นมา
แล้วผลักตัวหลิวเสี่ยวหนิงไปที่เตียงอย่างแรง จนเธอเจ็บจนตัวงอ
“หนีสิ ถ้าแกกล้าหนีอีก! แล้วยังกล้ามาตีฉันอีกนะ”
ฉินชั่งที่คิดว่ายังไม่พอ เดินเข้าไปเตะหน้าท้องหลิวเสี่ยวหนิงอีกครั้ง แล้วจับแขนของหลิวเสี่ยวหนิงมัดไว้ที่ข้างเตียง
“ฉินชั่ง แกมันเลวเดรัจฉาน!”
หลิวเสี่ยวหนิงจ้องฉินชั่งจนตาถลนออกมาเห็นเส้นเลือด
“ร้องสิ ในเมื่อยังมีแรงอยู่ เดี๋ยวอีกหน่อยฉันจะให้เธอร้องเรียก!”ฉินชั่งยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วยื่นมือออกไปฉีกเสื้อของหลิวเสี่ยวหนิงจนขาด
เผยให้เห็นผิวขาวของเธอ ฉินชั่งถึงกับตาวาวมือลูบไล้ไม่หยุด
“แกออกไปนะ!”หลิวเสี่ยวหนิงตะโกนออกไป น้ำตาพรั่งพรูไหลออกมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ช่วยอะไร
ฉินชั่งถอดเข็มขัดหนังออกมาแล้วยื่นมือออกไปจับหน้าของหลิวเสี่ยวหนิง จนเป็นรอยแดงรอยน้ำมือ
แววตามีชีวิตชีวาของหลิวเสี่ยวหนิงค่อยๆ จางหายไป สุดท้ายก็เหลือแต่ความว่างเปล่า น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดหายไปกับปอยผม
และตอนที่ฉินชั่งจะฉีกกระโปรงของหลิวเสี่ยวหนิงนั้นเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย ข้างนอกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย แล้วจากนั้นก็พังประตูเข้ามา
“พวกแกทำอะไร……..”
ฉินชั่งยังนึกว่าเป็นคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเข้ามา จากนั้นก็ก่นด่าแต่ยังพูดไม่จบ ก็ถูกคนเตะเข้าที่หน้าแทรกคำพูดที่เขาจะพูด
“สารเลว!”
จินจิ่นหรานที่เข้ามาเป็นคนแรกเห็นภาพที่เกิดขึ้นในห้อง ก็โกรธจนถึงขีดสุด เขาก็เตะฉินชั่ง ถอดเสื้อคลุมแล้วไปห่มให้กับหลิวเสี่ยวหนิง
“เสี่ยวหนิง……..”จินจิ่นหรานรีบเข้าไปแก้เชือกออกจากแขนของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างระมัดระวัง อยากจะเอาชุดคลุมให้เธอ
แต่พอเขาโดนตัวของหลิวเสี่ยวหนิง หลิวเสี่ยวหนิงที่ตอนแรงนิ่งเงียบก็ขัดขืนออกมา เธอหลับตาสองแขนขยับไปมา”ออกไปนะ! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน! ”
“เสี่ยวหนิง! เสี่ยวหนิง ฉันเอง! ฉันจินจิ่นหรานเอง ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
จินจิ่งหรานจับมือของหลิวเสี่ยวหนิงแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสารและพูดปลอบโยนให้เธอเงียบลง
หลิงเสี่ยวหนิงที่น้ำตานองหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดก็รู้ว่าเป้นใครวินาทีต่อมาก็โผเข้ากอดจินจิ่นหราน
กอดเขาแล้วก็ร้องไห้โฮออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซูฉิงกับอ่อหยุนเฉิงที่เดินเคียงข้างกันเข้ามาด้วยสีหน้าขรึม เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นฉินชั่งไอ้เดรัจฉานนั่น
ฮ่อยุนเฉิงบังสายตาของซูฉิงอย่างไม่สบอารมณ์ ให้บอดี้การ์ดพาตัวคนไป แต่ซูฉิงกลับตบมือเขาเบาๆ
“คนสารเลวอย่างนี้ จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่ “ซูฉิงพูดเสียงเย็นชา
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว”จินจิ่นหรานลูบผมของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างระวัง แล้วใช้เสื้อคลุมห่มตัวให้หลิวเสี่ยวหนิง
หลิวเสี่ยวหนิงที่ตอนนี้ยังคงเสียขวัญ ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร
เขาที่เห็นหลิวเสี่ยวหนิงมีท่าทางยิ่งเหยิง เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมา:”ขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรพาเธอไปกินข้าวเลย ไม่ควรที่จะไม่จับมือเธอ….ขอโทษ……..”
จินจิ่นหรานไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่า ถ้าหากตนมาช้ากว่านี้ อาจจะเกิดเรื่องที่น่ากลัว พอคิดมาถึงตอนนี้ แววตาของเขาก็เคร่งขึ้นมา เขาไม่ปล่อยไอ้คนนี้ไว้แน่!
หลิวเสี่ยวหนิงส่ายหน้า เธอกำชายเสื้อแน่น อยากจะลุกขึ้น แต่พบว่าเข่ากับข้อเท้าที่ตอนที่ล้มมีรอยขีดข่วน
จินจิ่นหรานเห็นอย่างนั้น ก็กระซิบเบาๆ ข้างหูของหลิวเสี่ยวหนิง :”ขอโทษด้วยนะ”
หลิวเสี่ยวหนิงจ้องตาเขา วินาทีต่อนาก็ถูกจินจิ่นหรานอุ้มขึ้น
ด้วยความรู้สึกกลัวยังมีอยู่หลิวเสี่ยวหนิงเลยพยายามขัดขืน จินจิ่นหรานเลยรีบพูดปลอบเธอถึงได้สงบลง แล้วหดตัวลงที่อกของเขาไม่พูดไม่จา
“คุณจิน ฉันจะพาตัวของเสี่ยวหนิงไปเอง รบกวนคุณด้วย”
ซูฉิงที่เห็นอย่างนั้นก็เข้ามาขวางจินจิ่นหรานตรงหน้า
จินจิ่นหรานแสดงการขอบคุณ แล้วอุ้มหลิวเสี่ยวหนิงไปส่งที่รถ
ทางฝั่งผู้จัดการของหลิวเสี่ยวหนิงก็กำลังรออยู่ พอเห็นทางของหลิวเสี่ยวหนิงก็ขอบตาแดงก่ำ
ซูฉิงจ้องตาจินจิ่นหราน แล้วยื่นมือไปลูบหัวของหลิวเสี่ยวหนิง:”ไม่เป็นไรแล้วนะ”
หลิวเสี่ยวหนิงที่มองซูฉิงอยู่ก็ไม่พูดอะไร
“วางใจเถอะ ไอ้เดรัจฉานนั่นฉันไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ “ซูฉิงพูดปลอบหลิวเสี่ยวหนิง แล้วให้ผู้จัดการพาหลิวเสี่ยวหนิงไปจัดการเรื่องบาดแผล
พอเดินกลับมาที่วิลล่า ฉินชั่งกับพวกลูกน้องก็ถูกคนของซูฉิงกับฮ่อหยุนเฉิงที่พามาซ้อมจนเกือบตาย ต่างก็ตัวงออยู่บนพื้น
ซูฉิงสีหน้าเย็นเยือก รู้สึกยังไม่สะใจกับความโกรธของเธอ พอนึกมาถึงตอนนี้ ซูฉิงก็หันไปมองและไปหยุดอยู่ที่ขาทั้งสองข้างของฉินชั่ง
“เธอจะทำอะไร!” ฉินชั่งที่สังเกตุเห็นสายตาของซูฉิงก็ตะโกนถามออกมา
“จัดการให้สิ้นซาก “ซูฉิงโบกมือให้ แล้วหันไปพูดข้างๆ บอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดเข้าใจเลยรีบให้คนเข้าไปจับฉินชั่งไว้
ซูฉิงเดินออกมาจากวิลล่า แต่ก็ได้ยินเสี่ยงร้องโอดโอยดังออกมาจากวิลล่า:”ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!”