นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 535 อย่าทำให้เรื่องใหญ่เลย
หลิวเสี่ยวหนิงใช้มือดันและผลักวิลเลียมออก และคนอื่นก็ได้ยินต่างก็หันมามอง
“เธอทำอะไร”วิลเลียมที่ถอยหลังไป เลิกคิ้วขึ้น เขายื่นมือขึ้นมาผับแขนเสื้อขึ้น
“นาย!”หลิวเสี่ยวหนิงกัดฟันกรอด จ้องวิลเลียมด้วยสายตาขรึม “นายหมายความว่ายังไง”
” โอ๊ะ ? “วิลเลียมเหมือนกับในหัวมีแต่ความว่างเปล่า เดิมทีไม่รู้ว่าหลิวเสี่ยวหนิงกำลังพูดอะไร เขากางมือออกแล้วหันไปทางพนักงานโดยรอบ
“ฉันทำไมหรอ คุณหลิวคุณพูดให้มันชัดเจนกว่านี้มั้ย”
“เมื่อกี้นาย………”หลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังจะพูดเรื่องเมื่อกี้ออกมา ทันใดนั้นก็สังเกตสายตาของคนรอบข้าง คำที่จะพูดออกมาก็กลืนลงคอไป
หาพูดไปกว่าว่ามีเพียงตัวเองที่ได้ยิน ตนแม้จะพูดออกมาบางทีอาจจะไม่มีคนเชื่อก็ได้
เธอเงยหน้าขึ้นจ้องสายตาเจ้าเล่ห์ของวิลเลียม หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้ได้ทันที หาตนพูดออกไปจริงๆ ละก็ คนนี้น่าจะพูดเปลี่ยนจากดำกลายเป็นข่าวได้
พอคิดมาถึงตอนนี้ หลิวเสี่ยวหนิงก็กำหมัดแน่น หน้าเผยรอยยิ้มออกมา :”ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ เมื่อกี้ฉันรู้สึกเวียนหัวเลยยืนทรงตัวไม่อยู่”
สีหน้าของคนโดยรอบมองด้วยสายตาแปลก ช่างภาพเห็นหลิวเสี่ยวหนิงมีสีหน้าไม่ค่อยดี มองดูเวลาบนข้อมือ ก็รู้ว่าได้ถ่ายเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นเลยสั่งให้พัก
หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกโล่งใจ แล้วถอนหายใจโล่งออกมา วิลเลียมก็เดินผ่านหน้าของเธอไปและยังแอบกระซิบเจ้าเล่ห์ออกมา
หลิวเสี่ยวหนิงกัดริมฝีปากสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามควบคุมอารมณ์โกรธให้เย็นลง
และเวลานี้ผู้จัดการก็เดินเข้ามากระซิบถามหลิวเสี่ยวหนิงข้างๆ หู:”เป็นอะไรหรอ”
หลังจากรับเสื้อคลุมจากผู้ช่วยมาคลุมตัว หลิวเสี่ยวหนิงที่สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะส่ายหน้า
เดิมทีอยากจะพูดอะไรกับผู้จัดการแต่ก็ถูกพนักงานเรียกไป เลยเหลือเพียงหลิวเสี่ยวหนิงที่ต้องเดินไปห้องพักคนเดียว
และบังเอิญเกินไปรึเปล่าที่พอหลิวเสี่ยวหนิงเห็นวิลเลียมนั่งอยู่ในห้องพักด้วย และพอเห็นเธอเดินเข้ามามุมปากก็ยิ้มขึ้น
หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกโกรธมากแล้วกำลังจะหันหลังเดินออกไปกลับได้ยินเสียงของวิลเลียมตามมาจากด้านหลัง”ทำไมต้องทำเป็นโกรธด้วย แสร้งทำเป็นเล่นตัว”
“หุบปากของนายซะ “หลิวเสี่ยวหนิงทนไม่ไหวแล้ว หันกลับไปต่อว่าวิลเลียม
วิลเลียมเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะกล้าพูดอย่างนี้ก็มีสีหน้าเล็กน้อย เขาลุกขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปหาหลิวเสี่ยวหนิง
“ทำไมหรอ คุณหลิวกลัวว่าผมจะทำให้คุณไม่พอใจหรอ หรือว่าคุณชอบแบบมีคนเยอะ”
คำพูดนี้ทำให้หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกขยะแขยง สีหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความโกรธ ง้างมือขึ้นตบหน้าวิลเลียม แต่กลับถูกวิลเลียมจับข้อมือไว้
“ปล่อยฉันนะ น่าขยะแขยง!”หลิวเสี่ยวหนิงพยายามดิ้นขัดขืน จ้องตาเขม็ง
“เธอบอกว่าฉันน่าขยะแขยงงั้นหรอ”วิลเลียมเหมือนได้ยินคำพูดที่น่าสนุก แล้วก็หัวเราะเยาะออกมา”เธอแรดไปทั่วยังทำเป้นเล่นตัวหรอ ทำให้ฉันเปิดโลกจริงๆ คืนนี้เธอต้องการเท่าไหร่ อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามาเลย”
“นายสิขายตัว! ถ้านายยังไม่หุบปาก ฉันจะแจ้งความ!”
หลิวเสี่ยวหนิงที่ถูกวิลเลียมพูดจาดูถูกก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตามช่องว่างระหว่างชายหญิงนั้นมากเกินไป แม้เธอจะใช้แรงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดออกจากมือเขาได้
“หรือว่าเธอไม่ชอบฉันงั้นหรอ”
วิลเลียมเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา “ก็ใช่ ฉันไม่ใช่ดาราดังนี่ ฉันก็ไม่ใช่ลูกเศรษฐีด้วย คงไม่อยู่ในสายตาของเธอหรอกใช่มั้ย เธอมีเสน่ห์มากแค่ไหนเชียวถึงทำให้ทั้งสองเข้ามาวนเวียนรอบตัวเธอ”
“นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”หลิวเสี่ยวหนิงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ
“ฉันแค่อยากจะรู้ แต่ว่าหุ่นเธอไม่เลวเลยทีเดียว”
วิลเลียมที่ทั้งพูดพร้อมกับใช้แรงดันหลิวเสี่ยวหนิงไปติดกับโต๊ะเครื่องแป้งด้านหลัง แล้วใช้มือลูบไล้ขาอ่อนของเธอ
หลิวเสี่ยวหนิงที่ถ่ายแบบครั้งนี้ได้สวมชุดกระโปรงเหนือเขา ทำให้วิลเลียมยิ่งสะดวก
“นายปล่อยฉันนะ!”
หลิวเสี่ยวหนิงตาแดงก่ำ เริ่มพยายามดิ้นขัดขืน ความทรงจำที่ไม่ดีซึ่งเดิมทีซ่อนอยู่ในจิตใจของเธอเริ่มปรากฏขึ้นราวกับคลื่นยักษ์ ค่อยๆ กลืนกินสติของหลิวเสี่ยวหนิง
ทำไมเรื่องอย่างนี้ถึงมัดมาเกิดขึ้นกับเธอ ทำไมโชคชะตาต้องมาเล่นตลกอย่างนี้กับตนด้วย
“ผิวนุ่มลื่นมาก เพื่อที่จะอ่อยผู้ชายสองคน คงจะทุ่มลงทุนไปเยอะเลยสิ ฉันอยากจะรู้จังเลยว่าเธอจะทนได้สักแค่ไหน”
เห็นหลิวเสี่ยวหนิงที่พยายามดิ้นขัดขืนวิลเลียมก็ยิ่งสนุก อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ที่จริงแล้วคนอย่างหลิวเสี่ยวหนิงที่เป็นดาราที่ดูไร้เดียงสาไม่ใช่สเปคของเขาหรอก แต่ว่าเป็นเห็นเธอเป็นอย่างนี้ที่แสร้งหลอกให้ตายใจก่อน ก็ยิ่งทำให้เขามีความหวัง
ทว่าทันใดนั้นเอง ประตูห้องพักก็ถูกผลักเปิดออก วิลเลียมตกใจ และกำลังจะหันกลับไปมองก็ถูกหมัดชกเข้าที่หน้า
เฉินจุนเหยียนหน้าเย็นชาแล้วก็ชกเข้าที่หน้าของวิลเลียมไปอีกลายหมัด เขายื่นมือไปคว้าหลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังหวาดกลัวเข้ามาหาตัว
วิลเลียมลุกขึ้นมาเขาเช็ดเลือดตรงมุมปากมองเฉินจุนเหยียน
เขาเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย แล้วผละมือออกพูด:”คืนให้นายละกัน”
เขาที่ทั้งพูดทั้งเดินออกไปแต่สุดท้ายยังหันกลับมาส่งสายตาให้กับหลิวเสี่ยวหนิง เฉินจุนเหยียนเห็นอย่างนั้นก็เข้าไปคว้าคอเสื้อของวิลเลียมขึ้น
วิลเลียมเกร็งคออยากจะดิ้นขัดขืน แต่หมัดของเฉินจุนเหยียนก็ชกเข้ามาก่อน
วิลเลียมร้องเจ็บปวดออกมาด้วยท่าทางดุร้าย :”ฉันจะฟ้องแก! แกกล้ามาที่มาต่อยฉัน?”
“แกคิดว่าแกเป็นใคร ทำไมฉันจะต่อยแกไม่ได้ “เฉินจุนเหยียนยกยิ้มพร้อมกับหมัดที่ชกเข้าไปไม่หยุด จนวิลเลียมกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
“พอแล้ว! เฉินจุนเหยียน! หยุดต่อยได้แล้ว!”หลิวเสี่ยวหนิงเข้ามาจับเฉินจุนเหยียนไว้ เธอพูดเสียงพร่า ฝืนพูดออกมา
เฉินจุนเหยียนหน้าเย็นชา แล้วหันไปมองหลิวเสี่ยวหนิง
“อย่าทำเรื่องให้มันใหญ่ไปมากกว่านี้เลย “หลิวเสี่ยวหนิงที่รู้สึกเจ็บปวด มองดูวิลเลียมพยายามลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าสับสน
“พวกแกฝากไว้ก่อนเถอะ!” วิลเลียมลูบหน้าของตัวเอง แล้วจ้องไปทางเฉินจุนเหยียนกับหลิวเสี่ยวหนิงจากนั้นก็วิ่งออกไปจากห้องแต่งตัว
“สารเลว!” เฉินจุนเหยียนมองแผนหลังของวิลเลียมที่วิ่งออกไปด้วยสีหน้ายังไม่สู้ดี
หลิวเสี่ยวหนิงปล่อยเฉินจุนเหยียนแล้วเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้
“ไม่ต้องกลัวนะ เธอเล่าเรื่องที่เธอเจอให้ฉันฟัง ฉันจะต้องทำให้ไอ้สารเลวนี่ไม่มีอันจะกินแน่”
เฉินจุนเหยียนที่ได้ยินเสียงร้องของหลิวเสี่ยวหนิงดังออกมาจากห้องแต่งตัว ก็คิดไม่ถึงว่าเดินเข้ามาจะเห็นภาพอย่างนี้ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
เขามองหลิวเสี่ยวหนิงที่เอาแต่ก้มหน้า เสียงก็พูดเบาลงไปไม่น้อย
ทว่าหลิวเสี่ยวหนิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเบา”ช่างเถอะ ”
“อะไรนะ”