นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 612 เซ็นสัญญากับเย่ซี
คำวิจารณ์เหล่านี้ สำหรับเย่ซีแล้วถือเป็นการให้กำลังใจและมีความกล้าที่จะฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่แยกย้ายกับซูฉิงแล้ว เธอก็เริ่มฝึกฝน และเคร่งครัดกับตัวเองมากขึ้น
หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมากหลายวัน บริษัทก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเย่ซี
เย่ซีนั้นมีพรสวรรค์ด้านดนตรีจนน่าตกใจ ทุกครั้งที่กวนจิ่งสิงบอกแนะนำ เธอก็เข้าใจวิธีได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถวิธีประยุกต์ใช้กับตัวเอง
การฝึกฝนในช่วงหลายวันอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ถือว่าได้ผล
“อืม เธอร้องเพลงให้ฉันฟังอีกรอบ”
กวนจิ่งสิงมือกอดอก เขาขยับแว่นตาไปที่สันจมูกของเขาและมองไปที่เย่ซี ที่อยู่ข้างหน้าเขา
และเย่ซีที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายวัน ก็พิชิตอุปสรรคที่อยู่ภายในใจ หลังจากตั้งสติจัดการอารมณ์แล้วก็ค่อยๆ เปล่งเสียงร้องเพลงที่ฝึกฝนมาหลายรอบ
หลังจากร้องเพลงจบ คนที่อยู่โดยรอบต่างก็เงียบ
เย่ซีกลืนน้ำลายอึก รอคำวิจารณ์จากทุกคน
“ไม่เลว”
เธอที่ได้ยินกวนจิ่งสิงพูดชม ก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย
“เก่งมากแล้ว”ซูฉิงก็ยกนิ้วโป้งให้กับเย่ซี ยอมรับว่าเย่ซีที่ตอนแรกดูเป็นเด็กไร้เดียงสา แต่พอมาถึงตอนนี้ถือว่าพัฒนาไปมาก
“OK ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ไปอัดเพลงกันเถอะ”
หลังจากที่ได้รับการยอมรับจากทุกคนเย่ซีก็มีความเชื่อมั่นมาก พยักหน้าแล้วก็เดินตามกวนจิ่นสิงเข้าไปอัดเพลง
หลังจากที่เข้าไปแล้ว กวนจิ่งสิงก็คิดเรื่องงานให้กับเย่ซี เขาช่วยเธอลองเสียง ปรับระดับเสียง เพื่อเป็นการเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วเขาถึงเดินออกไปจากห้องอัด
“ทำไมรู้สึกว่านายดูตื่นเต้นกว่าเย่ซีอีกนะ”
ซูฉิงมองดูกวนจิ่งสิงแล้วก็อดขำไม่ได้ ถึงแม้กวนจิ่งสิงจะเคร่งครัดกับเย่ซี แต่ก็พอใจในตัวเธอไม่น้อย
“นี่เป็นอัลบั้มแรกของเธอเลยนะ จะไม่ใส่ใจได้หรอ”
เย่ซีที่ได้รับความช่วยเหลือจากกวนจิ่งสิงก็ได้ออกอัลบั้ม เธอมองดูตัวเองในฐานะนักร้อง แววตาไหวระริกด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้จะพูดอะไรดี
จากนั้นยอดเข้าฟังเพลงของเธอสูงขึ้นเรื่อยๆ เธอก็รู้สึกทั้งกังวลใจและตื่นเต้น
“ทำใจให้สบาย ตอนนี้พึ่งปล่อยออกไปเอง ไม่มีปฏิกิริยาอะไรก็ถือเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างก็เป็นอัลบั้มแรกของเธอด้วย ทำไม………”
กวนจิ่งสิงพูดปลอบเย่ซีอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็เห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเย่ซีมีคอมเมนท์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดล้วนเป็นคอมเมนท์ที่มาจากเพลงที่ปล่อยออกไป
เขาถึงกับตาค้าง:”ไม่ใช่มั้ง พึ่งจะแชร์ออกไปเองนะ ทำไมถึงได้มีคนมาคอมเมนท์เยอะขนาดนี้”
เย่ซีก็รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน เธอกดเข้าในด้วยมือสั่นเทา คอมเมนท์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เธออ่านแทบไม่ทัน แต่ข้อความในคอมเมนท์กลับทิ่มแทงสายตาของเธอ
“ลอกคนอื่นเขามายังบอกว่าตอนเองแต่งอีก หน้าไม่อาย”
“สัญลักษณ์ของการแต่งเพลงคือจริงจังหรอ”
คำพูดทำร้ายจิตใจเพิ่มเข้ามา ขอบตาของเย่ซีก็แดงก่ำ เธอวางโทรศัพท์ลง ไม่กล้าจะเปิดดูอีก
กวนจิ่นสิงที่อยู่ข้างๆ ก็ตกอยู่ในเงียบ เพลงนี้เขากับเย่ซีได้ช่วยกันเรียบเรียงคำร้องและทำนองออกมา ขั้นตอนทุกอย่างล้วนมีเขาคอยช่วยเหลือ จะลอกคนอื่นได้ยังไง
“เกิดอะไรขึ้น”
ทันใดนั้นเองซูฉิงก็เดินเข้ามา
เพลงของเย่ซีที่พึ่งปล่อยออกไป เย่ซีอยากจะดูกระแสบนเวยป๋อ แต่พอค้นดูก็เจอคอมเมนท์ว่า”เพลงใหม่ของเย่ซีก๊อบปี้เฉินอี้’
เธอได้กลิ่นตุๆ ซะแล้ว และได้ให้คนไปจัดการแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าคนที่มาคอมเมนท์มากขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นหน้าหนึ่ง
เพราะเย่ซีเซ็นสัญญากับสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ เลยมีนักข่าวหลายคนมาส่งข่าวมาทางบัญชีเวยป๋อของบริษัท
เย่ซีกะพริบตามองคำด่าบนโลกโซเชียลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาก็เอ่อล้นมาจนไหลออกมา
“ไม่เป็นไร อย่าพึ่งร้อนใจไป”
ซูฉิงรีบเข้ามาปลอบ เรื่องนี้มันแปลกมาก เธอกดเข้าไปฟังเพลงใหม่ของเฉินอี้ พบว่านอกจากทำนองแล้ว เนื้อเพลงเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
“เพลงนี้เธอเขียนเองจริงๆ ใช่มั้ย”
เย่ซีพยักหน้าตอบ คิดไม่ถึงว่าอัลบั้มแรกของเธอก็เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
“ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ต้องร้อนใจไป ฉันจะต้องสืบให้รู้แน่”
ซูฉิงที่หน้าเปลี่ยนไปเครียดขรึมขึ้นมาทันที เธอให้กวนจิ่งสิงอยู่คอยดูสถานการณ์ในโซเชียล ส่วนเธอเดินออกไปจากห้องเพื่อไปสืบเรื่องนี้
แววตาซูฉิงที่เย็นเยือก ดูท่าเธอจะปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสบายเกินไปแล้ว
ซูฉิงได้เข้าไปอยู่ในห้องกล้องวงจรปิดทั้งวันจนถึงตอนเย็น เธอก็พบว่าห้องข้อมูลลับมีผู้ชายคนหนึ่งเข้า
ซูฉิงตาวาวขึ้น คนคนนี้คือหัวหน้าฝ่ายดนตรีโจวเฉิง
เห็นเพียงโจวเฉิงที่เข้าไปในห้องข้อมูลอย่างลับๆ ล่อๆ ภายในห้องที่มืดสลัวเขาได้ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาส่องไปที่เนื้อเพลงของเย่ซีแล้วกดถ่ายรูป
ซูฉิงเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าจะมีเกลือเป็นหนอนเข้ามาในบริษัท
เธอรีบบันทึกกล้องวงจรปิดในช่วงเวลานั้นไว้ เผยแววตารู้ทันออกมา ตอนนี้คนพวกนี้กล้าที่จะมาทำเรื่องชั่วใต้จมูกของเธอแล้ว!
เธอถือกล้องวงจรปิกเกินออกไปให้ยามไปห้องทำงานโจวเฉิงแล้วจับตัวเขามาหาเธอ
โจวเฉิงรู้สึกแปลกใจ ระหว่างทางก็ร้อยตะโกนให้ปล่อย จนมาถึงห้องซูฉิงเขาถึงหยุดขัดขืน
“พูดมา นี่มันอะไรกัน”
ซูฉิงหรี่ตามอง ชี้ไปทีหน้าจอกล้องวงจรปิดแล้วเอ่ยถาม
“ผม ผมไม่รู้เรื่องจริงนะ”
โจวเฉิงที่คิดจะปฏิเสธ แต่พอเห็นซูฉิงจะกดหมายเลข110 เขาก็รีบคุกเข่าตรงหน้าเธอ:”ไม่ ไม่นะ ผมพูดแล้ว!”
จากนั้นโจวเฉิงก็ทำหน้าเสียใจ:”ตอนแรกผมแค่อยากจะขายลิขสิทธิ์ของเย่ซีในราคาถูก แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินอี้ไอ้หมอนั่นจะแอบถ่ายเนื้อเพลงไปด้วย ผมไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ นะครับ ตอนที่เขาออกเพลงมาผมถึงได้รู้เรื่อง แต่ว่าตอนนี้ก็สายไปแล้ว…….”
น้ำเสียงของโจวเฉิงที่เบาลงเรื่อยๆ ซูฉิงมองผู้ชายตรงหน้าก็ได้แต่หัวเราะเย็นชา แล้วเรียกยามให้นำตัวเขาออกไป
เพราะครั้งนี้ซูฉิงรู้ว่ากระแสในบริษัทในตอนนี้แย่จนถึงขั้นนี้ จึงได้ส่งคนไปสืบความเป็นไปของคนพวกนั้นในช่วงนี้ เพื่อที่จะจัดการกระแสให้ดีขึ้น
ซูฉิงที่เผยแววตาที่ยากจะคาดเดาออกมา ตอนนี้เธอยังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ
ก่อนที่จะจับตัวโจวเฉิงเข้ามานั้น เธอก็ได้เริ่มบันทึกเสียงไว้ก่อนแล้ว และได้บันทึกเสียงของโจวเฉิงไว้หมดแล้ว
และเธอกดเข้าไปในเวยป๋อ ใช้บัญชีเวยป๋อของบริษัทแล้วกดส่งไฟล์กล้องวงจรปิดและเสียงบันทึกออกไป ซึ่งเป็นวิธียืนยันความบริสุทธิ์ใจนั่นเอง !
เพียงไม่นาน คอมเมนท์ในด้านลบที่ตอนแรกเมนท์ให้กับเย่ซี ก็หันไปเมนท์ให้กับเฉินอี้แล้ว
เฉินอี้อ่านคอมเมนท์ด้านลบในโซเชียลก็รู้สึกปวดหัว คิดไม่ถึงว่าจะถูกฉีกหน้าได้เร็วอย่างนี้
การก๊อบปี้ผลงานของคนอื่นถือว่าเป็นโทษหนักในวงการนี้ และเพราะเรื่องนี้ทำให้เย่ซีกลายเป็นคลื่นลูกใหม่มาแรงในทันที