นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 634 สาดน้ำสกปรก
ที่ๆฮ่อหยุนเฉิงทานอาหารเป็นร้านอาหารฮอทพอท เขามาที่นี่คนเดียวเพราะอยากกินหม้อไฟ เมื่อพิจารณาว่าการกินฮอทพอทคนเดียวจะดึงดูดความสนใจของผู้คน เขาจึงหาร้านอาหารที่มีห้องส่วนตัวเป็นพิเศษ และจองผ่านห้องอาหารนั้นผ่านโทรศัพท์
ฮ่อยุนจองห้องอาหาร และแจ้งหมายเลขห้องให้พนักงานเสิร์ฟทราบ
พนักงานเสิร์ฟพาเขาไปที่แผนกต้อนรับเพื่อยืนยันว่าเป็นห้องอาหารที่ฮ่อหยุนเฉิงจองไว้จริง ๆ ดังนั้นเขาจึงพาเขาเข้าไปในห้องอาหาร
ห้องอาหารไม่ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับหกคนให้นั่งทานได้
พนักงานเสิร์ฟแนะนำอะไรๆให้เขาฟังและออกไปก่อน
ฮ่อหยุนเฉิงหยิบเมนู เลือกอาหารและน้ำซุป แล้วก็กดปุ่มข้างๆโต๊ะ จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็เข้ามาหยิบเมนูของเขาและเตรียมอาหารให้เขา
ในใจของฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกระมัดระวังเหยียนถังหลิน กลัวว่าเขาจะส่งผลกระทบต่อซูฉิง ดังนั้นเขาจึงโทรศัพท์หาซูฉิง
หลังจากที่ซูฉิงรับสาย เธอก็ได้ยินเสียงอันเย็นชาของฮ่อหยุนเฉิงพูดว่า “ช่วงนี้ระวังเหยียนถังหลินหน่อยนะ และอย่าติดต่อเขาเพียงลำพัง”
ซูฉิงรู้สึกงงเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”
ฮ่อหยุนเฉิงบอกซูฉิงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเหยียนถังหลิน พร้อมบอกรายละเอียดต่างๆที่เขาสืบเจอ
ซูฉิงเข้าใจถึงความร้ายแรงของปัญหาและพูดกับเขาว่า “โอเค ฉันจะระวังให้มากขึ้น”
ในวันนี้ หลินเจียวเจียวสวมส้นสูง สวมแว่นกันแดด และสวมชุดสีขาวและเข้ามาที่บริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์
เพราะเธอเป็นศิลปินของบริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ดังนั้นจึงไม่มีใครหยุดเธอได้
หลินเจียวเจียวขึ้นลิฟต์และขึ้นไปที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องทำงานของประธานบริษัท
บริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์เป็นอาคารที่มีทั้งหมด 10 ชั้น และห้องทำงานของประธานอยู่ที่ชั้น 6
หลินเจียวเจียวเดินไปที่ประตูห้องทำงานของประธานและเคาะประตูอย่างสุภาพ
“เข้ามา”
เฟิงรั่วเหยียนที่กำลังดูคอมพิวเตอร์ หันไปมองที่ประตูที่กำลังเปิดอยู่ และพบว่าหลินเจียวเจียวกำลังเดินเข้ามา ขมวดคิ้วและถามว่า “เธอมาทำอะไร?”
ไม่รู้หรือว่าพนักงานคนอื่นเอาไปนินทากันหมดแล้ว? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังคงเป็นบริษัทบันเทิง และ หลินเจียวเจียวเข้ามาเพียงลำพัง ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการหัวข้อสนทนาของคนบางกลุ่ม
หลินเจียวเจียวไม่สนใจใบหน้าของเฟิงรั่วเหยียน เธอมองไปรอบ ๆ และนั่งตรงข้ามเขา โดยวางมือของเธอไว้บนกระเป๋า “ฉันมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อยกเลิกสัญญากับคุณ” เธอดึงเอกสารออกมาวางบนโต๊ะ
“อะไรนะ? ไม่ได้!” เฟิงรั่วเหยียนตกใจและมองหลินเจียวเจียวด้วยการเยาะเย้ย…
เธอเป็นต้นเงินต้นทองที่สร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างมหาศาล พูดว่าจะยกเลิกสัญญาก็สามารถยกเลิกได้ง่ายๆได้ที่ไหนกัน สำหรับความโกรธและความสิ้นหวังของเฟิงรั่วเหยียนนั้น เธอคาดไว้ก่อนตั้งแต่แรกแล้ว และเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างจริงจัง “ฉันมาที่นี่ เพื่อแจ้งให้คุณทราบ ไม่ได้มาเจรจากับคุณ”
เฟิงรั่วเหยียนโกรธมาก ความพยายามของบริษัทที่ทุ่มเทต่อหลินเจียวเจียว และยังเรียกเธอว่าคนเนรคุณ
หลินเจียวเจียวไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่เธอยังคงต้องการยกเลิกสัญญาด้วยทัศนคติที่แข็งแกร่ง และ เฟิงรั่วเหยียนเองก็โกรธมากจนฉีกเอกสารทั้งหมดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เธอลุกขึ้นยืน “ต่อให้คุณฉีกมันทิ้ง ฉันก็จัดตัดสินใจแล้วว่าจะยกเลิกสัญญานี้” เธอจากไปพร้อมกับโบกมือ ทิ้งเฟิงรั่วเหยียนที่โกรธจัดไว้ เฟิงรั่วเหยียนรู้ว่าหลินเจียวเจียวตั้งใจแน่วแน่ที่จะออกจากบริษัทห้าวฮ่านเอ็นเตอร์เทนเมนท์อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่มาหาเขาเองถึงห้องทำงาน
เขาคิดว่าต่อให้ต้องยอมให้หลินเจียวเจียวจากไป เขาก็ต้องทำให้เธอเป็นข่าวฉาวให้ได้
เฟิงรั่วเหยียนโทรหาคนที่เขารู้จักดี จ่ายเงินและให้ข้อมูลเสียหายต่างๆของหลินเจียวเจียวกับเขา
ในคืนนั้นข่าวที่หลินเจียวเจียวกำลังจะยกเลิกสัญญาก็กลายเป็นการค้นหายอดนิยมอีกครั้ง
กลุ่มลูกน้องที่เฟิงรั่วเหยียนหามาก็พากันโจมตีใส่ร้ายหลินเจียวเจียวบนอินเทอร์เน็ตกันใหญ่
“นี่คือการไปเจอเวทีใหม่ แล้วก็ไม่สนใจเจ้านายเก่าของคุณอย่างนั้นเหรอ?”
“น้องใหม่ที่เพิ่งโด่งดังไม่อยากทำเงินให้กับบริษัทที่เลี้ยงเธอมาแต่ ต้องการบอกเลิกสัญญา นี่เป็นเรียกว่าเนรคุณหรือเปล่า?”
“คิดไม่ถึงเลย ดูรูปถ่ายแล้วก็สวยดีนะ แต่นิสัยไม่คุ้มที่จะดัน”
คนที่ถูกซื้อกลุ่มหนึ่งกำลังดุด่าหลินเจียวเจียว และกล่าวหาว่าเธอเนรคุณ และสาดน้ำสกปรกใส่บริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์
หมายความว่าหลินเจียวเจียวได้พบบ้านใหม่และต้องการยกเลิกสัญญากับบริษัทห้าวฮ่านเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และไปที่บริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์
บริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ก็ถูกดุอย่างรุนแรงเพราะหลินเจียวเจียวเช่นกันและชาวเน็ตบางคนไม่เข้าใจเหตุผล และก็ถูกชักนำให้เข้าจังหวะนี้เช่นกัน
คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆที่ดุด่าหลินเจียวเจียว และความพยายามในการต่อต้านของแฟนคลับเธอก็ไม่สามารถรักษาได้
เมื่อข่าวเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลินเจียวเจียวและซูฉิงก็ได้นัดกินข้าว ไม่นานโทรศัพท์ดังขึ้น และเพื่อนของเธอก็โทรหาเธอเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์
หลินเจียวเจียว: “ฉันกำลังทานอาหารเย็นกับเพื่อน ฉันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวฉันเข้าไปดู” หลังจากวางสาย เธอก็เข้าสู่ระบบบนเว่ยป๋อ
ซูฉิงมองไปที่ใบหน้าที่น่าเกลียดของเพื่อนเธอและสงสัย “มีอะไรงั้นเหรอ?”
หลินเจียวเจียวกัดฟันและพูดว่า “บริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์สาดน้ำสกปรกใส่ฉัน” หลังจากคิดแล้วเธอก็โกรธจัด อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอ อดที่จะโกรธไม่ได้จริงๆ
ซูฉิงเปิดโทรศัพท์ของเธอและเข้าไปเช็คเว่ยป๋อ หลังจากอ่านเรื่องราวแล้ว เธอก็พูดเบา ๆ ว่า “มีอะไรที่ฉันช่วยได้ไหม? เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง”
เธอรู้ว่าหลินเจียวเจียวกำลังจะยกเลิกสัญญา แต่เธอก็ไม่คิดว่าบริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์จะเลวทรามและจ้างคนมาจัดการกับหลินเจียวเจียวแบบนี้
“ไม่เป็นไรหรอก” เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา นิ้วมือของเธอเลื่อนไปมาบนโทรศัพท์ หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ส่งข้องเนายาวพร้อมรูปภาพสองสามรูป
สิ่งที่หลินเจียวเจียวโพสต์เป็นหลักฐานว่าเธอตกอยู่ในอันตรายช่วงที่อยู่ต่างประเทศ และบริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ก็ไม่มีความช่วยเหลือใดๆให้เธอ
แม้ว่าแฟน ๆ จะไม่สามารถควบคุมความคิดเห็นที่มุ่งร้ายได้ แต่พวกเขาก็ยังเฝ้าดูกระแสของสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ เมื่อเธอมีหลักฐานว่าเธอบริสุทธิ์ คอมเม้นบนโลกอินเทอร์เน็ตก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ พวกเขาต่างพากันมุ่งเป้าไปที่บริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ฝ่ายเดียว เพราะดาราไปทำงานต่างประเทศ เจออันตราย แต่บริษัทกลับไม่ทำอะไรเลย
นี่มันเหมือนการต้องการผล แต่ไม่ต้องการจ่าย
บางทีอาจเป็นพฤติกรรมของบริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ท้าทายขีดจำกัดของชาวเน็ต แม้ว่าเฟิงรั่วเหยียนจะสั่งให้คนช่วยล้างความผิดให้บริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์อีกครั้ง ถึงแม้เงินจะถูกใช้ไป แต่ก็ไม่เห็นผลอะไรเลย
ผู้คนบนอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่รู้สึกเสียใจต่อคุณหนูหลินเจียวเจียวที่ถูกบริษัทกดขี่เช่นนี้
หลังจากที่ซูฉิงโพสต์บริษัทห้าวฮ่านสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ไมม่ทำอะไรเลยออกไป และแนบบทความเกี่ยวกับมิตรภาพของเธอกับหลินเจียวเจียวมาหลายปีแล้ว หลินเจียวเจียวเองก็โพสต์ซ้ำ และได้แนบบทความมาด้วย แฮทแท็ก #เพื่อนนางฟ้า# กลายเป็นอันดับสองของหัวข้อข่าวที่มีผู้ค้นหามากที่สุด
ในทางกลับกัน ร่างกายของเย่ซีก็เกือบจะฟื้นตัวดีแล้ว เธอรู้สึกว่าเธอเบื่อที่บ้านและไม่ได้ทำรายได้ ดังนั้นเธอจึงนึกถึงรายการวาไรตี้ที่ซูฉิงแนะนำให้เธอ
เธอได้ติดต่อกับผู้กำกับรายการวาไรตี้ และเมื่อเธอมาถึงสถานที่นั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้เธอเข้าไป แม้ว่าจะแจ้งชื่อของเธอแล้วก็ตาม
เย่ซีสงสัยว่าผู้กำกับยุ่งและลืมเธอหรือไม่ เธอจึงรอที่ประตูและทักทายผู้กำกับเมื่อเขาออกมา
“ผู้กำกับคะ สวัสดีคะ ฉันเย่ซี” เย่ซียิ้มและวิ่งไปทักทาย
ผู้กำกับมองไปที่เย่ซีด้วยหน้าที่เย็นชา “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
“เอ๋?” เย่ซีสับสนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถาม “ฉันได้รับคำเชิญจากรายการวาไรตี้ของคุณไงคะ”
ข่าวของพี่ซูฉิงผิดหรือเปล่า? ทำไมผู้กำกับดูตกใจเมื่อเห็นเธอ