แก๊งเขียวกับสำนักหงเป็นแยกอิทธิพลมาจากแก๊งฟ้าดิน
ซึ่งสององค์กรก็เคยเป็นตัวพ่อในหู้ไห่
แค่คิดก็จินตนาการออกแล้วว่าร้อยปีก่อนแก๊งฟ้าดินมีอำนาจค้ำฟ้าเพียงใด!
หยางเฟิงถาม“นายรู้ไหมว่าทำไมแก๊งฟ้าดินถึงเชิญพวกเรามา?”
เฉินตงทำหน้าอมทุกข์“ตอนแรกผมคิดว่าแก๊งฟ้าดินจะเชิญแค่ผมคนเดียวแต่หลังจากที่ผมมาจินหลิงผมก็ทราบข่าวว่าคุณหยางก็ได้รับการ์ดเชิญด้วยและผมยังได้ข่าวว่าเฉ่าซือไห่หนีมาอยู่ในแก๊งฟ้าดินคิดว่างานเลี้ยงครั้งนี้คงไม่ใช่งานเลี้ยงที่ดีนะครับน่าจะเป็นงานเลี้ยงหงเหมินที่ซ่อนเร้นแผนร้ายมากกว่านะครับ”
หยางเฟิงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน“แล้วนายมีวิธีจัดการยังไงบ้าง?”
เขามักจะรู้สึกว่าเฉินตงซุกซ่อนอะไรบ้างอย่างไว้
สำนักหงกับแก๊งฟ้าดินเกี่ยวพันกันซึ่งไม่เคยบอกเขามาก่อนเลย
ดูจากรูปการณ์แล้วเฉินตงต้องมีความลับกับเขาอย่างแน่นอน
“ที่ผมมาเข้าพบคุณหยางก็เพราะเรื่องนี้แหล่ะครับผมได้เชิญบุคคลหนึ่งมาด้วยครับ”
ระหว่างที่พูดเฉินตงก็ตบมือเรียก“เข้ามา!”
สักพักก็มีชายชราชุดเขียวเดินเข้ามา
ดูจากอายุอานามของชายชราชุดเขียวแล้วน่าจะย่างเข้าเจ็ดสิบแล้ว
ทว่าดวงตายังคงสุกใสเจิดจ้าร่างกายเปี่ยมไปด้วยพลังทั้งยังมีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวปกคลุมรอบกายอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าเป็นนักบู๊ยอดฝีมือคนหนึ่ง
ชายชราชุดเขียวเดินเข้ามาหาหยางเฟิงคำนับกล่าวว่า“ผู้นำตระกูลเฉียนเฉียนหม่านถังคารวะคุณหยาง!”
หยางเฟิงมองประเมินเฉียนหม่านถังปราดหนึ่งจากนั้นก็คลี่ยิ้ม“เฉียนหม่านถัง?ชื่อนี้ดี!”
เวลาเดียวกันเสือขาวก็แอบกระซิบข้างหูหยางเฟิงว่า“ท่านแม่ทัพครับเฉียนหม่านถังก็คือหนึ่งในหกตระกูลใหญ่ในจินหลิงครับตระกูลเฉียนจัดอยู่ในอันดับที่สองของหกตระกูลใหญ่ครับ”
ได้ยินดังนั้นหยางเฟิงก็พยักหน้าโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
เวลาเดียวกันเฉียนหม่านถังก็มองสำรวจหยางเฟิงเช่นกัน
หยางเฟิงดูเหมือน
อายุยังน้อยถึงขั้นเรียกได้ว่าอายุน้อยมาก
ใส่เสื้อผ้าทั่วไปไม่ใช่แบรนด์เนม
ทว่ากลิ่นอายของการเป็นเจ้าบนตัวเขาชวนให้หวาดหวั่นยิ่งนัก
ณเวลานี้
หยางเฟิงมองเฉียนหม่านถังแล้วถามเสียงเรียบ“เจ้าบ้านเฉียนไม่ทราบว่ามาหาผมด้วยธุระอะไร?”
เฉียนหม่านถังกล่าวอย่างนอบน้อม“คุณหยางครับตระกูลเฉียนต้องการความช่วยเหลือจากคุณครับ”
“อ่อ?”
ได้ยินดังนั้นใบหน้าหยางเฟิงยังคงราบเรียบดุจเดิม
ทำให้อ่านใจไม่ออกว่ากำลังสุขหรือทุกข์กันแน่!
เฉินตงที่อยู่ด้านข้างรีบอธิบาย“คุณหยางครับครั้งนี้แก๊งฟ้าดินจัดงานประลองบู๊ก็เพื่ออยากรวบรวมนักบู๊ในภาคใต้ไว้เป็นหนึ่งเดียวและเป้าหมายแรงของพวกเขาก็คือหกตระกูลใหญ่ครับ”
ได้ยินเช่นนี้หยางเฟิงก็เข้าใจโดยพลัน
สุภาษิตเปรียบเปรยได้ดีมากจะแบ่งเตียงของตนให้ผู้อื่นนอนฝันหวานได้เช่นไร
หกตระกูลใหญ่กับแก๊งฟ้าดินล้วนเรืองอำนาจในจินหลิง
ส่วนแก๊งฟ้าดินก็อยากครอบครองอำนาจทั่วภาคใต้ดังนั้นจึงต้องโจมตีหกตระกูลใหญ่เป็นอันดับแรกอยู่แล้ว
มิน่าล่ะเฉียนหม่านถังจึงตามเฉินตงมาพบเขา
“ทำไมผมต้องช่วยคุณด้วย?ผมกับคุณก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย”หยางเฟิงยิ้มกล่าว
ได้ยินดังนี้ใบหน้าเฉียนหม่านถังก็ไม่ได้มีคลื่นอารมณ์ใดๆยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม“คุณหยางครับไม่ว่าจะเป็นหกตระกูลใหญ่หรือสำนักหงหรือว่าท่านพวกเราล้วนมีศัตรูเหมือนกันคือแก๊งฟ้าดินนะครับถ้าพวกเราไม่ร่วมมือหากแก๊งฟ้าดินผนึกอำนาจสำเร็จเป้าหมายแรกของพวกเขาคือหกตระกูลใหญ่จากนั้นสำนักหงกับท่านก็จะเป็นเป้าหมายต่อไปครับ”
ต้องบอกว่าเฉียนหม่านถังพูดถูกทุกอย่าง
แต่แก๊งฟ้าดินกระจอกๆแบบนี้หยางเฟิงไม่เก็บมาอยู่ในสายตาเลย
หยางเฟิงยิ้มถาม“คุณเป็นตัวแทนของตระกูลเฉียนหรือเป็นตัวแทนของหกตระกูลใหญ่?”
เฉียนหม่านถังลังเลชั่วครู่แล้วเอ่ย“เป็นตัวแทนของหกตระกูลใหญ่ครับ……”
“คิกคิก”
หยางเฟิงหัวเราะเบาๆทว่าไม่ได้พูดอะไร
เห็นดังนี้ใบหน้าเฉียนหม่านถังก็เผยความกระอักกระอ่วนออกมา“คุณหยางครับนอกจากตระกูลจ้าวแล้วตระกูลอื่นก็คิดเห็นเดียวกันกับผมครับ”