Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1171 คำพูดดีเพียงไรไม่อาจกล่อมผีที่ต้องตาย

ตอนที่ 1171 คำพูดดีเพียงไรไม่อาจกล่อมผีที่ต้องตาย

ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬบุกมา หันปลายหอกจ่อใส่เทพมารหลินโดยตรง!

ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไปในเมืองโบราณเผาเซียนก็อึกทึกครึกโครม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างฮือฮาด้วยเหตุนี้

“เป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬโก่วเหยียนตง!”

ไม่ทันไรฐานะของชายหนุ่มที่สวมเกราะดำ ทั่วร่างอาบไล้ด้วยแสงสายฟ้าสีดำนั้นก็ถูกมองออก ก่อให้เกิดคลื่นถาโถมไม่น้อย

นี่เป็นถึงบุคคลร้ายกาจผู้หนึ่ง!

เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเดียวกับอวิ๋นชิ่งไป๋ เย่หมัวเฮอ หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน เป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎในปัจจุบัน

เพียงแต่ไม่ว่าใครต่างคิดไม่ถึง ว่าใครให้ความกล้ากับโก่วเหยียนตงกัน ถึงได้กล้าพุ่งมายังแดนเผาเซียนโดยตรงเช่นนี้ เขาคิดจริงๆ หรือว่าเทพมารหลินจะรังแกได้ง่าย

“รีบไปดูเร็ว!”

“มีคนไม่กลัวตายมาท้าทายเทพมารหลินจริงด้วย คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”

ขณะวิพากษ์วิจารณ์ มีผู้ฝึกปราณมากมายรีบมุ่งไปยังตำหนักที่หลินสวินพักอยู่ก่อนแล้ว

หน้าตำหนักเก่าแก่

พวกโก่วเหยียนตงยืนอยู่ที่นี่ ล้วนไม่ปกปิดไอสังหารของตนแม้แต่น้อย ทำให้อาณาบริเวณนี้เต็มไปด้วยไอสังหารเยียบเย็นทันที

ขณะเดียวกันผู้ฝึกปราณมากมายปรากฏตัวเฝ้ามองจากไกลๆ เพียงแต่สายตาที่มองยังพวกโก่วเหยียนตงล้วนเจือแววประหลาดเสี้ยวหนึ่ง

ในเมืองโบราณเผาเซียนทุกวันนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกปราณทั่วไป ต่อให้เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎและสัตว์ประหลาดยุคโบราณของเหล่าขุมอำนาจใหญ่ ก็ไม่กล้ามาหาเรื่องเทพมารหลิน เกรงแต่จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

แต่ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬกลุ่มนี้กลับดีนัก เพิ่งออกจากเจดีย์มกุฎก็พุ่งสังหารมาทั้งอย่างนั้นโดยไม่สอบถามใดๆ!

นี่เห็นได้ชัดว่าแข็งกร้าวนัก แต่ก็ดูอวดดีและหลงระเริงมากเช่นกัน

ถึงขั้นในมุมมองผู้ฝึกปราณไม่น้อย พวกโก่วเหยียนตงช่างไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายด้วยตนเอง

“เจ้าเด็กสวะหลินสวินอยู่ใช่ไหม ยังไม่ไสหัวมารับความตายอีกรึ”

ชายชุดเงินคนหนึ่งข้างโก่วเหยียนตงตวาดลั่น พลานุภาพเต็มเปี่ยม เสียงดั่งฟ้าคำรามสะท้อนก้องระหว่างฟ้าดิน

ทว่าที่ทำให้เขามุ่นคิ้วคือสีหน้าผู้ฝึกปราณบริเวณใกล้เคียงต่างเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล ปฏิกิริยาลุกฮือและตกตะลึงสักนิดล้วนไม่มี

“พี่ใหญ่ พวกหน้าโง่นี้ถูกทำให้ตกใจจนตะลึงไปแล้วรึ”

ชายชุดเงินกล่าวอย่างมึนงง

โก่วเหยียนตงก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่ใส่ใจ กล่าวราบเรียบ “เทพมารหลินเคยเปิดฉากชำระเลือดล้างบางผู้สืบทอดขุมอำนาจไม่น้อยที่เมืองนี้ บางทีจิตใต้สำนึกของผู้ฝึกปราณพวกนี้ อาจคิดว่าการกระทำของพวกเราออกจะบ้าบิ่นอยู่บ้างกระมัง”

“ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังมาหาที่ตายอีก” ในฝูงชนที่ห่างออกไปมีเสียงเจือความไม่เข้าใจหนึ่งดังขึ้น

“บังอาจ!”

ชายชุดเงินหน้าอึมครึมทันที ดวงตาฉายแววดุดัน

โก่วเหยียนตงปรามเขาแล้วกล่าวเฉยชา “แมลงฤดูร้อนไม่รู้จักน้ำแข็ง เอาความกับพวกคนพื้นๆ ก็เป็นการลดฐานะตัวเองเปล่าๆ”

จากนั้นนัยน์ตาแดงก่ำเขาก็สำรวจตำหนักใหญ่ตรงหน้า “ยามอยู่โลกภายนอกพวกเราไร้โอกาสจัดการเจ้าเด็กนี่ แต่ตอนนี้ในเมื่อรู้ว่ามันซ่อนตัวอยู่ที่แดนเผาเซียนนี้ แน่นอนว่าต้องกำจัดมันทิ้งซะ!”

วาจานี้กล่าวอย่างราบเรียบ แต่กลับเผยความภาคภูมิและหยิ่งทะนงหาใดเปรียบ

ทว่าสายตาทุกคนที่มองมาจากไกลๆ กลับผิดแปลกยิ่งกว่าเดิม เหมือนกับกำลังจ้องมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ไม่ขาดกลิ่นอายของความเวทนา เห็นใจ และมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

นี่ทำให้โก่วเหยียนตงมุ่นคิ้วอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นหน้าจึงเปลี่ยนเป็นเฉยชาและเยียบเย็นขึ้นมา

พวกหน้าโง่นี้ถูกการสังหารของเทพมารหลินทำเอากลัวกันไปหมดแล้วรึ

“ที่แท้พวกเจ้าก็ได้ยินว่าเทพมารหลินอยู่ที่นี่ถึงได้รีบเร่งมาแก้แค้น เพียงแต่พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะทำเช่นนี้จริงๆ”

ไกลออกไปมีคนเอ่ยปากขึ้น

“ทำไมจะทำเช่นนี้ไม่ได้”

โก่วเหยียนตงสีหน้าขรึมทันที วันนี้ทุกอย่างดูแปลกเกินไปแล้ว ปฏิกิริยาของผู้ชมพวกนี้ก็ผิดปกติมาก เหมือนกำลังเวทนาพวกเขาอยู่

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาโก่วเหยียนตงต้องให้คนมาเวทนาสงสาร!?

กบในกะลามองการณ์ตื้นเขินพวกนี้ ตัวเองหวาดกลัวเทพมารหลินก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังกล้านำตัวเองมาเปรียบเทียบกับผู้อื่น มาสงสารพวกเขา ช่างทำให้คนชิงชังซะจริง!

“สหาย ข้าว่าพวกเจ้าคิดให้รอบคอบก่อนดีกว่า”

ในฝูงชนมีคนถอนหายใจ ตั้งท่าโน้มน้าวโดยละม่อม

นี่ทำให้โก่วเหยียนตงรับไม่ได้อยู่บ้าง เขายักษ์ใหญ่ยอดมกุฎแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่น่าเกรงขาม ในอดีตเดินไปที่ไหนล้วนแต่มีคนหวั่นเกรงและหวาดกลัว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ถูกคนดูแคลนเช่นนี้

“พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าโก่วเหยียนตงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเทพมารหลินได้กระมัง”

โก่วเหยียนตงโกรธจัดจนยิ้มออกมาแล้ว สีหน้าเยียบเย็น ทั่วร่างพรั่งพรูประกายสายฟ้าสีดำชวนประหวั่น หยิ่งผยองและน่าพรั่นพรึง

แต่เหนือความคาดหมายของเขา ผู้ชมในที่นั้นต่างพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง!

โก่วเหยียนตงนิ่งอึ้งไปแล้ว คนในเผ่าข้างกายเขาพวกนั้นก็ตกตะลึงเช่นกัน

ภาพนี้…

ช่างทำให้คนอยากกระอักเลือดจนเกือบจะคลุ้มคลั่ง!

ถูกคนสบประมาทไม่เป็นไร แต่ถูกคนมากมายดูแคลนเช่นนี้ คิดว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพมารหลิน นี่มันน่าโมโหเกินไปแล้ว

หากไม่ใช่ว่าโก่วเหยียนตงข่มกลั้นไอสังหารภายในใจไว้เต็มที่ คงได้กำจัดผู้ชมในลานพวกนี้ไปแล้ว แม่งน่าโมโหเกินไปแล้ว

“พี่ใหญ่ อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกคนพื้นๆ พวกนี้เลย ลดฐานะตัวเองเปล่าๆ”

ชายชุดเงินที่อยู่ด้านข้างรีบเกลี้ยกล่อม

โก่วเหยียนตงมุมปากกระตุกเล็กน้อย คำพูดนี้เป็นคำพูดที่เขาเพิ่งเตือนชายชุดเงินไป คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะย้อนมาใช้กับตัวเองแทน

เพียงแต่…

เจ้าคนชั้นต่ำพวกนี้ช่างน่าโมโหเสียจริง!

โก่วเหยียนตงสูดหายใจลึก นัยน์ตาแดงก่ำอวลจิตสังหารน่าตระหนก กล่าวว่า “วันนี้ข้าจะตัดหัวเจ้าเดรัจฉานหลินสวินนี่ ให้พวกตาไร้แววอย่างพวกเจ้าดูเอง!”

ทุกคนได้ยินดังนั้นไม่เพียงแต่ไม่ตระหนก สีหน้ากลับเวทนายิ่งกว่าเดิม

ดังคำกล่าวที่ว่าคำพูดดีเพียงไรไม่อาจกล่อมผีที่ต้องตาย มีเมตตาแค่ไหนล้วนไม่เข้าถึงผู้ละทิ้งความหวัง!

ตัวเองหาเรื่องใส่ตัวแล้วไม่ฟังคำเตือนคนอื่น จะโทษใครได้!

โก่วเหยียนตงทนบรรยากาศเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว แหงนขึ้นฟ้าตะโกนก้องทันที “หลินสวิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ข้างใน ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ไสหัวออกมาซะ แล้วข้าจะให้เจ้าตายอย่างสมเกียรติอยู่บ้าง!”

เสียงดั่งกระแสน้ำสั่นสะเทือนไปทั่วจตุทิศ

ผู้ฝึกปราณไม่น้อยแก้วหูแทบฉีกขาด เลือดลมม้วนทะยาน สีหน้าแปรปรวน

ที่โกรธจนเสียอาการหน่อยยิ่งด่าว่า “เตรียมตัวตายไว้ให้ดีเถอะ!”

ว่ากันตามตรงโก่วเหยียนตงเกือบคลั่งเข้าจริงๆ แล้ว เมื่อก่อนเขาเคยถูกปฏิบัติเช่นนี้ด้วยหรือ

ไม่เคย!

ทุกคนข้างกายเขาแต่ละคนสีหน้าผิดแปลกหาใดเปรียบ ในดวงตาแทบพ่นไฟได้

และในเวลานี้เสียงของหลินสวินก็ดังออกมา “ช่วงนี้ข้ากินมัง เดิมไม่อยากกินเนื้อสัตว์ แต่พวกเจ้าดันส่งตัวเองมาให้ถึงที่ ช่างทำให้คนเกินคาดหมายนัก”

พรืด!

ในฝูงชนคนไม่น้อยต่างอดหัวเราะไม่ได้

แต่พวกโก่วเหยียนตงกลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ รู้สึกว่าหากทนต่อไปจะต้องถูกยั่วโมโหตายแน่

“เจ้าไม่มารึ ข้าไปหาเจ้าเอง!”

โก่วเหยียนตงตวาดลั่น แสงทมิฬทั่วร่างเขาพวยพุ่งก้องเสียงวายุอสนีบาต พลานุภาพเพิ่มขึ้นถึงขั้นน่าตกตะลึง

ไม่อาจไม่ยอมรับว่าโก่วเหยียนตงทรงพลังยิ่ง ในหมู่ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎล้วนเรียกได้ว่าเป็นพวกชั้นยอด!

ทว่าไม่รอให้เขาได้เคลื่อนไหว ดาบหักที่ขาวเจิดจ้าดุจหิมะสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากในตำหนัก ลอยคว้างบนอากาศ คมดาบราวมายาส่องประกายลานตา

“หากเจ้าต้านการโจมตีของข้าได้สามกระบวนท่า ข้าจะให้อภัยต่อพฤติกรรมพวกเจ้าในวันนี้ หากต้านไม่อยู่… ก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ซะเถอะ!”

ท่ามกลางเสียงเฉยชา ดาบหักบนอากาศฟาดผ่าลงมา

ฟุ่บ!

ประดุจธารดาราเงินอร่ามสายหนึ่งดิ่งลงจากเก้าชั้นฟ้า ทรงพลานุภาพ รวดเร็วรุนแรง แค่เพียงไอสังหารนั้นก็ทำให้ห้วงอากาศระเบิดแตกราวไหมทอ

แรกเริ่มโก่วเหยียนตงสีหน้าอึมครึม ถูกยั่วโมโหหนัก เทพมารหลินนี่คิดว่าตนจะต้านไม่ได้แม้แต่สามกระบวนท่ารึ

รังแกกันเกินไปแล้ว!

แต่ขณะที่ดาบหักฟันเฉือนลงมา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป สังเกตเห็นพลังชวนประหวั่นที่อยู่ในการโจมตีนี้ ทำเอาความโกรธในใจเขาหายไปโดยพลัน เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจริงจัง

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎซึ่งเปี่ยมประสบการณ์ต่อสู้มากมาย ชั่วพริบตาโก่วเหยียนตงก็รู้ว่าเทพมารหลินนี่คือศัตรูที่แข็งแกร่งจริงๆ ไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ

เคร้ง!

แม้ในใจคิดเช่นนี้ การเคลื่อนไหวเขาก็ไม่ได้ช้า ทวนยักษ์สีดำเล่มหนึ่งทะยานนภา โอบรัดด้วยสายฟ้าสีดำจ้าตารั้นเข้าปะทะ

ตึง!

ทั้งสองปะทะกัน แสงอัคคีกระจายทั่วทิศ เพียงแค่เสียงก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปยากทานทนจนเกือบกระอักเลือด อดประหลาดใจไม่ได้

ขณะเดียวกันในใจโก่วเหยียนตงตกตะลึงมากยิ่งกว่า!

เมื่อปะทะกันจริงๆ เขาถึงได้รู้ว่าพลังของกระบวนท่านี้น่าหวาดกลัวระดับใด ราวผนังกั้นน้ำขาด ภูเขาถล่มทะเลคำราม เรียบง่ายตรงไปตรงมา มีอานุภาพราวไม่มีสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้

ชั่วพริบตาเขาก็รู้สึกว่าผิวหนังทั้งตัวแทบระเบิดออก เลือดลมภายในร่างโหมซัดย้อนทวน ร่างกายพลันสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เกือบจะถูกฟาดให้คุกเข่าลง

ส่วนทวนยักษ์สีดำในมือยิ่งถูกฟาดฟันจนโค้งงอราวธนูที่ง้างเต็มที่ ส่งเสียงคร่ำครวญเสียดหูคล้ายกำลังจะรับไม่ไหว

ความรู้สึกนั้นเหมือนถูกภูเขาเทพบรรพกาลกดอัดลงบนร่าง!

“กระบวนท่าที่สอง!”

การโจมตีนี้ถูกต้านไว้ได้ หลินสวินคล้ายไม่เกินคาดหมาย ดาบหักยกตัว อานุภาพพลันเปลี่ยนแปลง พื้นผิวปรากฏลายมรรคคลุมเครือแน่นหนา

แย่แล้ว!

โก่วเหยียนตงหนังหัวชาวาบ สัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งยวด ทำให้เขาเลือกหลีกหลบโดยไม่ลังเล

ไม่ใช่ว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอ

กลับกัน เป็นเพราะเขาจัดอยู่ในเหล่ายักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ ประสบการณ์ต่อสู้มากมายต่างหาก ถึงสามารถสังเกตเห็นอันตรายได้ในทันที

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่การตอบสนองเช่นนี้!

พรูด!

ทว่าต่อให้โก่วเหยียนตงตอบสนองทันที แต่เขายังประเมินความน่ากลัวของกระบวนท่านี้ต่ำไป การเกิดดับปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา

หลังของเขาถูกฟันเป็นทางยาวเลือดไหลทะลัก อวัยวะภายในถูกกระเทือนอย่างหนัก ร่างกายครึ่งบนเกือบถูกตัดขาด!

ซ่า… ฝนโลหิตสาดพรมแดงระอุ

โก่วเหยียนตงร้องโหยหวน หน้าพลันซีดเผือดทันที

ผู้ฝึกปราณที่เฝ้ามองอยู่ไกลๆ แม้ต่างแน่ใจว่าโก่วเหยียนตงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้

แต่เมื่อเห็นว่าแค่กระบวนท่าที่สอง ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่มีนับนิ้วได้ในปัจจุบันคนหนึ่งอย่างโก่วเหยียนตงก็ถูกโจมตีอย่างหนัก เกือบถูกผ่าเป็นสองท่อน ต่างก็ตกใจจนสะท้านไปทั้งตัว

เทพมารหลิน… ทรงพลังเกินไปแล้วกระมัง

พร้อมกันนี้เหล่าชายหญิงข้างกายโก่วเหยียนตงต่างเบิกตาโต ท่าทางยากจะยอมรับ ไม่อาจเชื่อได้

เมื่อครู่ยามโก่วเหยียนตงบาดเจ็บ พวกเขาล้วนไม่ทันได้ตอบสนอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปช่วยเลย!

“ถอย!”

โก่วเหยียนตงแผดเสียงคำราม เขารับรู้ได้ว่าเทพมารหลินมารผจญคนนี้ แตกต่างกับแต่ก่อนราวกับเป็นคนละคน เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว

และตนก็ประเมินคู่ต่อสู้คนนี้ต่ำไปตั้งแต่แรก!

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดสีหน้าของผู้ชมพวกนั้นถึงเวทนา ไม่เห็นด้วยกับพวกเขาเช่นนี้…

ใช่ว่าเจตนาดูถูก แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของเทพมารหลินอยู่ก่อนแล้ว!

นึกถึงตรงนี้โก่วเหยียนตงแทบอยากตบปากตัวเอง ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้คงไม่รีบร้อนพุ่งเข้าไปแต่แรก อย่างน้อยก็ต้องรู้พลังที่แท้จริงของเทพมารหลินก่อนค่อยลงมือ

น่าเสียดาย เสียใจตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์!

ทำได้แค่หนี!

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท