Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1164 ยืมดาบฆ่าคน?

ตอนที่ 1164 ยืมดาบฆ่าคน?

บนพื้นชายหนุ่มเฉียบคมตายอนาถ กระดูกล้วนถูกกระแทกแตก ศีรษะแหลกเละ

เหตุการณ์นองเลือดนี้สะเทือนขวัญผู้คนทั่วทั้งลาน

“เป็นคนที่สามสิบเจ็ดแล้ว…”

มีคนถอนใจเบาๆ

ยอดจำนวนนี้ทำให้หลินสวินขมวดคิ้วอีกครั้ง

เขาไม่เอ่ยมากความ ก้าวออกมาจากฝูงชนตรงๆ

ยามศิษย์น้องเฟิงผู้นั้นกำลังหันกลับไป ก็มองเห็นว่ามีอีกคนเดินออกมาพอดี พลันเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าซีดขาวแววเย็นเยียบ “โอ๊ะ คนกระดูกเหล็กโผล่มาอีกคนแล้วหรือ”

ตรงระตูทางเข้าหอมกุฎ ลั่วชวนและเหล่าผู้สืบทอดสำนักอนธการทั้งหมดต่างอึ้งไปบ้าง เหมือนประหลาดใจเป็นอย่างมากว่าเวลานี้ยังมีคนกล้าออกมารนหาที่ตายอีกหรือ

หรือการข่มขู่เมื่อรู่ยังไม่มากพอ

“ศิษย์น้องเฟิง ดูท่าคนมากมายคงนึกว่าเจ้ารังแกง่ายสินะ” ผู้หญิงชุดฟ้ายิ้มงดงามเจือแววกระเซ้า

“ศิษย์น้องเฟิง ไม่สู้ให้ข้าลองไปเล่นสักหน่อย”

มีคนกระดี๊กระด๊าอยากลองดู

แตกต่างจากปฏิกิริยาของผู้สืบทอดสำนักอนธการเหล่านี้ เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินปรากฏออกมา ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ ต่างผงะ ใจสั่นรุนแรง สีหน้าผิดแปลกในทันใด

เทพมารหลิน!

สำหรับผู้ฝึกปราณในเมืองแล้ว ใครเล่าจะไม่รู้ตัวตนของหลินสวิน

ชั่วขณะเดียวผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างปิดปากไม่เอ่ยคำราวกับมีสัญญาณลับ ไม่คิดเอ่ยเตือนคนต่างแดนเหล่านั้นว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้น่าสะพรึงมากเพียงใด

พวกเขาล้วนกักเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจ เตรียมตัวดูเรื่องสนุก!

“เจ้าก็คิดจะท้าประลองกับข้าหรือ”

ในเวลานี้ศิษย์น้องเฟิงสีหน้านิ่งเฉย มองหลินสวินที่เดินเข้ามา นัยน์ตาสาดประกายไอสังหารอย่างไม่มีปิดบัง

“ข้าจะขึ้นหอ เจ้าจะขัดขวางหรือ”

หลินสวินถามย้อนกลับไป ขณะที่กล่าวเขาก็ไม่ได้หยุดฝีเท้าแม้แต่น้อย

ขึ้นหอ!

ได้ยินดังนี้พวกพวกลั่วชวนต่างขมวดคิ้ว เจ้านี่มองสถานการณ์ไม่ออกหรือไร ที่แห่งนี้ถูกพวกเขาปิดล้อมไว้แล้ว เจ้าหมอนี่กลับมีท่าทีเช่นนี้ หมายความว่าไม่เห็นหัวพวกเขาหรือ

“หยุด!”

เมื่อเห็นหลินสวินเดินต่ออย่างเฉยๆเมย ศิษย์น้องเฟิมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา นัยน์ตาปะทุไอสังหาร รู้สึกว่าตนถูกหยามเกียรติ

ตูม!

ยามเอ่ยวาจา เขาชูมือขึ้นหมายจะคว้าจับหัวหลินสวิน

นี่เป็นจุดตาย เห็นได้ชัดว่าเมื่อศิษย์น้องเฟิงลงมือ ก็ไม่ได้คิดจะหยุดยั้งหลินสวิน แต่เป็นการเข้าโจมตีสังหารอีกฝ่าย!

คนตายแล้ว ก็เท่ากับว่าขัดขวางได้สำเร็จ

เพียงแต่ผู้คนรอบข้างที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวต่างมีสีหน้าแปลกชอบกล พวกเขาเคยเห็นคนรนหาที่ตายมาก่อน แต่กลับยังไม่เคยเห็นคนที่รีบร้อนรนหาที่ตายเช่นนี้มาก่อน

ทว่า ไม่มีผู้ใดเอ่ยเตือนเช่นเดิม!

ในใจทุกคนล้วนอัดอั้น แทบอยากหลินสวินเปิดฉากสังหารโดยเร็ว มีหรือจะบอกข่าวแก่ ‘แขกต่างแดน’ เหล่านี้อีก

หืม

ขณะเดียวกันลั่วชวนก็สังเกตได้ว่าบรรยากาศภายในลานออกจะไม่ชอบมาพากล ทว่าเขายังไม่ทันตอบสนอง ก็บังเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึงขึ้นในลานแห่งนี้

ปัง!

ทันใดนั้นศิษย์น้องเฟิงเข่าทรุดลงกระแทกกับพื้น หัวเข่าทั้งสองข้างแตกทลาย พื้นดินต่างสะเทือนไปด้วย

จากนั้นลำคอของเขาบิดเบี้ยว พลังชีวิตตัดขาด ก่อนตายยังคงอยู่ในท่าคุกเข่าเช่นนั้น เลือดไหลนองออกมาจากขาทั้งสองเป็นสีแดงฉานบาดตา

ทว่านี่เป็นเพียงพลังที่หลินสวินสะบัดมือออกไปลวกๆ เท่านั้นเอง!

เฮือก

ถึงแม้คาดการณ์ไว้แล้วว่าศิษย์น้องเฟิงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้แน่ แต่กระนั้นเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ฝูงชนรอบด้านกลับยังสูดหายใจเย็นดังเดิม

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ไม่เสียทีที่เป็นเทพมารหลิน ความสามารถของศิษย์น้องเฟิงเมื่อสักครู่ ทุกคนล้วนเห็นอยู่ใน เป็นเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าบัดนี้กลับตายอย่างง่ายดายเพียงแค่ฝ่ามือเดียวของหลินสวิน!

หน้าประตูทางเข้าหอมกุฎ พวกลั่วชวนล้วนหน้าเปลี่ยนสี เคร่งขรึมมึนตึง โกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด พร้อมกันนั้นก็มีความรู้สึกหนาวเยือกอย่างบอกไม่ถูก

การโจมตีเดียวก็สังหารศิษย์น้องเฟิงได้ นี่ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนจะสามารถทำได้!

ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นใครกัน

“หอมกุฎเดิมทีเป็นสถานที่ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าไปได้ พวกเจ้ากลับหมายยึดครองอย่างเผด็จการ เห็นว่าเหล่าผู้ฝึกปราณแห่งเมืองโบราณเผาเซียนรังแกกันได้ง่ายดายหรือ”

หลินสวินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

คำพูดนี้ทำเอาผู้ฝึกปราณในลานซึ้งใจ ฮึกเหิมขึ้นมา

ขุมอำนาจใหญ่ในเมืองต่างรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ทว่ากลับเลือกยืนดูอยู่ข้างๆ อย่างไม่ดูดำดูดี ไม่มีผู้ใดยอมออกหน้าช่วยผู้ฝึกปราณอิสระอย่างพวกเขา!

ทว่าเทพมารหลินกลับก้าวออกมา!

นี่จะไม่ให้ใครๆ รู้สึกประทับใจได้อย่างไร

มนุษย์ต่างมีหัวจิตหัวใจ เทพมารหลินอาจมีชื่อเสียงเรื่องดุร้ายโหดเหี้ยม วิธีการอำมหิตเย็นชา กระนั้นนับตั้งแต่เข้ามาในเมืองโบราณเผาเซียน กลับไม่เคยรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า!

ต่อให้เป็นคนที่เคยแลกเปลี่ยนซื้อขายกับเขา ก็ไม่เคยเสียเปรียบเรื่องราคาแม้แต่น้อย!

ถึงขั้นที่หลังจากเขาเปิดฉากสังหาร ชำระเลือดกับขุมอำนาจใหญ่หลายแห่ง บรรยากาศทั่วเมืองโบราณเผาเซียนก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน

ขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานอีก เปลี่ยนเป็นสำรวมเจียมตน ความเป็นระเบียบภายในเมืองก็เรียบร้อยสงบสุข

ทั้งหมดนี้ผู้ฝึกปราณมากมายล้วนมองเห็น ในส่วนลึกของจิตใจจะไม่ซาบซึ้งต่อหลินสวินได้อย่างไร

มาบัดนี เทพมารหลินก้าวออกมาอีกครั้ง เผชิญหน้ากับแขกต่างแดนเหล่านั้น ใครเล่าจะไม่ซาบซึ้งและฮึกเหิม

เทพมารหลิน!

บางทีอาจทำให้ขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นเจ็บแค้นและหวาดกลัว

ทว่าสำหรับผู้ฝึกปราณอย่างพวกเขาเหล่านี้แล้ว กลับเป็นผู้แข็งแกร่งที่สมควรแก่การยกย่องนับถือ!

“สหายยุทธ์เป็นผู้สืบทอดจากขุมอำนาจใด” ลั่วชวนสูดหายใจลึก กล่าวเสียงขรึม เขาออกจะรู้สึกแปลกๆ ไม่ชอบมาพากลยิ่ง

“ไร้พรรคไร้สำนัก สันโดษตัวคนเดียว” หลินสวินกล่าวเรียบๆ

“ดูท่าเจ้าคงเชื่อมั่นในพลังต่อสู้ของตัวเองมาก ทว่าเจ้ารู้ถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำนี้หรือไม่” มีคนตะคอกใส่

“ทุกท่าน ศิษย์น้องเฟิงถูกสังหารไปแล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาพูดจา” ผู้หญิงในชุดฟ้าสีหน้าเย็นชา นัยน์ตาเต็มไปด้วยไอหนาวเหน็บ

ขณะพูดนางชี้นิ้วไปยังหลินสวิน เอ่ยว่า “ไม่ว่าเจ้าเป็นใครหน้าไหน ต้องชดใช้ในสิ่งที่เจ้าทำ!”

ปัง!

หลินสวินยื่นมือออกไปกดผ่านอากาศ ผู้หญิงชุดฟ้าพลันร่างแข็งทื่อ ถูกกักขังในพริบตา คุกเข่าลงพื้นเสียงดังตึงแล้วกรีดร้องโหยหวน

“สหายยุทธ์ยั้งมือก่อน!” ลั่วชวนตะโกนออกไปอย่างตื่นตระหนก

ทว่าสายไปแล้ว ผู้หญิงชุดฟ้ายังคงอยู่ในท่าคุกเข่าเช่นเดิม แต่ตัวนางสิ้นใจไปแล้ว ก่อนตายใบหน้างามปรากฏสีหน้ายากจะเชื่อได้ให้เห็น

คล้ายไม่ทันคาดคิด ว่าเหตุใดชายหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้ถึงได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้

พริบตาเดียวผู้แข็งแกร่งอีกคนถูกสังหาร

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ล้วนมองดูจนเลือดลมพลุ่งพล่าน ส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าสีหน้าของพวกลั่วชวนกลับคร่ำเคร่งมากขึ้นไปอีก

พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่า มาเจอตอที่ร้ายกาจจัดการยากเข้าแล้ว!

“ถอยไป เปิดทางให้สหายยุทธ์คนนี้”

ลั่วชวนสูดหายใจลึก สั่งการออกไป

นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ทำให้ผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักอนธการเหล่านั้นตะลึงงันอยู่บ้าง สับสันงุนงง เพื่อนร่วมสำนักสองคนถูกสังหารไปแล้ว กลับเปิดทางให้เช่นนี้หรือ

แต่ลั่วชวนมีท่าทีแน่วแน่ยิ่ง เริ่มเปิดทางให้เป็นคนแรก

คนอื่นๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ต่างก็หลีกทางให้ เพียงแต่สีหน้ากลับผิดแปลกเป็นอย่างมาก ทุกคนล้วนเก็บกลั้นโทสะเต็มทรวง

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ในลานต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเช่นกันว่าลั่วชวนคนนี้จะตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ เลือกหลีกทางให้ นี่เหนือความคาดหมายของพวกเขาเป็นอย่างมาก

หลินสวินกลับนิ่งเฉยไม่ปรากฏอาการใด เดินตรงไปเบื้องหน้าขั้นบันไดไป ราวกับมองไม่เห็นผู้ใด

แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่หอมกุฎ เขาพลันหยุดเท้าเอ่ยว่า “จากนี้ไป ข้าหวังว่าจะไม่พบเจอพวกเจ้าในนี้อีก”

เพียงประโยคเดียวเบาๆ กลับเป็นการยื่นคำขาด ไม่ให้ฝ่าฝืน!

สีหน้าของพวกลั่วชวนล้วนย่ำแย่อย่างมาก ในฐานะผู้สืบทอดสำนักอนธการ พวกเขาเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เสียที่ไหน

ในอดีตแม้ว่าจะพบเจอผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่เช่นเดียวกัน พวกเขาก็ล้วนไม่หวั่นเกรง

ทว่ายามนี้พวกเขากลับถูกคนเพียงคนเดียวข่มขู่!

มิหนำซ้ำยังฆ่าสหายร่วมสำนักของพวกเขาต่อหน้าพวกเขา ทั้งยังขับไล่พวกเขาไปจากที่นี่!

“ขอบังอาจถามชื่อเสียงเรียงนามของสหายยุทธ์ได้หรือไม่”

เสียงของลั่วชวนเหมือนลอดออกมาจากฟัน

ชั่วขณะนี้หลินสวินพลันอึ้งไป คล้ายรับรู้อะไรบางอย่าง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ ในเมืองไม่เคยเตือนพวกเจ้าหรือ”

และตอนนี้ถึงตาพวกลั่วชวนเป็นฝ่ายตกตะลึงบ้าง นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของพวกเขา หลินสวินก็มั่นใจในการคาดเดาของตนทันที

เขากล่าวออกไปลอยๆ “ดูท่าไม่เพียงแต่พวกเจ้า แม้แต่ตัวข้าก็ถูกหลอกใช้แล้ว… หึ น่าสนใจนี่ ยืมดาบฆ่าคนหรือ”

“หากแขกต่างแดนเป็นดั่งดาบ สามารถยืมดาบมาฆ่าข้าได้ หากข้าเป็นดาบ ก็สามารถยืมดาบฆ่าขุมอำนาจต่างแดนพวกนี้ได้เช่นกัน ส่วนพวกเจ้าก็นั่งบนภูดูเสือกัดกัน นับว่าวางหมากได้แยบคายทีเดียว”

“เพียงแต่ หากไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะไปเคาะประตูเยี่ยมเยียนถึงที่!”

สิ้นเสียงเขาก็เดินเข้าไปในหอมกุฎแล้ว

เพียงแต่แม้ตัวหลินสวินจะหายไปแล้ว ทว่าคำพูดของเขายังลอยวนอยู่ในที่นั้น ถึงเสียงจะไม่ดัง แต่ขอเพียงเป็นคนที่มีพลังปราณอยู่บ้าง ย่อมได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ชั่วครู่หนึ่งพวกลั่วชวนสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา ถูกหลอกใช้หรือ

“ไปสืบมา ชายหนุ่มเมื่อครู่เป็นใครกันแน่” ลั่วชวนกัดฟันกรอด

หากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เดิมทีเป็นเรื่องที่สามารถเลี่ยงได้ นั่นก็หมายความว่าก่อนหน้าพวกเขาถูกปิดหูปิดตาไว้อย่างแน่นอน!

นั่นคือมีคนจงใจปิดบังเรื่องบางอย่าง ถึงขั้นทำให้พวกเขาล่วงเกินศัตรูตัวฉกาจโดยไม่ตั้งใจ!

ส่วนคนที่มองดูอยู่รอบๆ เหล่านั้น ก็มีคนไม่น้อยตระหนักได้ ในใจลอบตกตะลึง

ภายในแดนโบราณเผาเซียนตอนนี้ ใครที่ไหนจะไม่รู้จักเทพมารหลิน

หลังจากผู้แข็งแกร่งสำนักอนธการมาถึงเมืองโบราณเผาเซียน ควรทำความเข้าใจข่าวคราวเกี่ยวกับเทพมารหลินก่อนตั้งแต่แรก

อย่างน้อยยามยึดครองหอมกุฎแห่งนี้ ก็ควรรู้ว่าในเมืองมีใครบ้างที่ไม่ควรไปล่วงเกิน

แต่ทั้งที่ควรเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยามพวกเขาเห็นเทพมารหลินกลับไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำ!

นี่ทำให้เห็นความไม่ชอบมาพากลอย่างชัดแจ้ง

เพียงแต่เป็นขุมอำนาจไหนกันที่จงใจปิดบังเรื่องทั้งหมดนี้ จนเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้น

พวกลั่วชวนต่างก็ใคร่รู้

อีกทั้งเขาก็พอคาดเดาออกในใจบ้างแล้ว!

ไม่นานนักพวกลั่วชวนก็สืบจนรู้ตัวตนของหลินสวิน และรู้ทุกเรื่องที่เขาเคยทำไว้ในแดนเผาเซียน

ชั่วพริบตาพวกลั่วชวนล้วนนิ่งอึ้งราวกับถูกสายฟ้าฟาด เสื้อผ้าทั่วร่างชุ่มเหงื่อ แต่พวกเขากลับเหมือนไม่รู้สึก

ไม่ว่าจะเป็นการบุกถิ่นที่พักและปล้นสมบัติของเผ่าอีกาทอง หรือการต่อสู้ในหุบเขาผลาญสวรรค์ ต่างก็เป็นการสังหารนองเลือดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นช่วงหนึ่งก่อนหน้า ล้วนแต่น่าสะพรึงกลัว!

เมื่อนึกได้ว่าคนที่พวกเขาล่วงเกินไปก่อนหน้านี้ถึงกับเป็นพวกเหี้ยมโหดเช่นนั้น ในใจพวกลั่วชวนล้วนเสียใจภายหลัง ทั่วร่างทนาวสะท้าน ขนพองสยองเกล้าไปหมด

ตอนนั้นหากไม่ใช่พวกเขาข่มกลั้นไอสังหาร เป็นฝ่ายหลีกทางให้ ผลที่ตามมาคง…

ไม่กล้าแม้แต่จะคิด!

“ข่าวใหญ่เช่นนี้ ขุมอำนาจใหญ่ในเมืองเหล่านั้นกลับไม่เคยเอ่ยถึงตั้งแต่ต้นจนจบ ตรงกันข้ามกลับยุยงให้พวกเราเข้ายึดครองหอมกุฎ พวกเขา… แอบแฝงแผนชั่วเอาไว้เห็นๆ”

พักใหญ่ลั่วชวนถึงเรียกสติคืนมาได้ สีหน้ามืดดำจนเหมือนเมฆฝนที่ใกล้จะมีน้ำไหลออกมาแล้ว

…………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท