การฝึกตนมาหลายวันทำให้หลินสวินเหมือนถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก รากฐานมรรคราชันในตัวก็เสถียรขึ้นอีกขั้น
เขาในตอนนี้เงาร่างสูงโปร่ง ยืนอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายหลุดพ้นเหนือธรรมดา ประหนึ่งเมฆคล้อยบนขอบฟ้า
นี่ก็คือคุณประโยชน์ของศิลาต้นกำเนิด
ไอวิญญาณในแดนอัคคีทักษิณเดิมก็เข้มข้นหาใดเทียบอยู่แล้ว ยังมีศิลาต้นกำเนิดช่วยเสริมการฝึกปราณ เพียงไม่กี่วันก็เทียบเท่ากับการฝึกปราณหลายเดือนในสมัยก่อน!
“เทพมารหลิน ความตายมาเยือนแล้วเจ้ายังกล้าคุยโวไม่ละอาย นี่สะกดคำว่าตายไม่เป็นจริงๆ ใช่ไหม”
พวกเมิ่งอิงหวาต่างเดือดดาลยากทนได้
ตอนนี้เวินเอ้าไห่กลับมาแล้ว ทำให้พวกเขาหาคนพึ่งพิงได้ ความอัปยศและความแค้นที่สั่งสมอยู่ในใจมาหลายวันจึงปะทุออกมาในตอนนี้
“พวกเจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว ในเมื่อเลือกยอมสยบ ก็ต้องตระหนักว่าเป็นข้าเป็นทาส แต่ตอนนี้กลับกลับไปกลับมา หรือเป็นเพราะข้าเมตตาเกินไป”
หลินสวินทอดถอนใจเบาๆ
เมตตา?
พวกเมิ่งอิงหวาแค้นจนกัดฟันกรอด หลายวันมานี้พวกเขาถูกบีบให้ขุดแร่ ได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างที่สุด นี่ยังเรียกเมตตาหรือ
“เทพมารหลิน แน่จริงก็มาสู้กันสักตั้ง!”
เสียงสวบดังขึ้น เวินเอ้าไห่ทะยานขึ้นไปบนฟ้า ยืนทระนงบนยอดเมฆ ไอสังหารคับฟ้าถาโถมไปทั่วกาย ผมยาวปลิวไสว
สภาพอากาศแปรเปลี่ยน ห้วงอากาศปั่นป่วนในทันใด
พลานุภาพของระดับมกุฎราชันสำแดงออกมาจนหมดสิ้นในขณะนี้
“ทำไมจะไม่กล้า”
หลินสวินเหยียบชือน้ำแข็งที่ขดตัว ค้ำให้ตัวเขาทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว เงาร่างสูงโปร่งยืนตระหง่านกลางทะเลเมฆ ราวภูผาสูงเด่นอันไม่อาจสั่นคลอน
“ศิษย์พี่เวิน ต้องฆ่าไอ้สวะนี่ให้ได้!”
บนภูเขาทุกคนร้องเสียงดังตื่นเต้น สายตาที่มองหลินสวินเจือไปด้วยความเคียดแค้น
“วางใจได้ ข้าจะทำให้มันตายอย่างไม่น่าดู”
เวินเอ้าไห่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าเย็นชา พูดชัดถ้อยชัดคำ สำแดงไอสังหารปอดฟ้าคลุมดินออกมา
สวบ!
ชั่วพริบตาเงาร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม
เร็วเหมือนลมพายุ ไปมาไร้เงา!
ดวงตาดำของหลินสวินหดรัดทันใด เงาร่างหลบหนีตามจิตใต้สำนึก
ฉับ!
คมดาบวายุดุดันหาใดเทียบสายหนึ่งไหววูบผ่านไป ตัดเส้นผมตรงริมหูปอยหนึ่งของหลินสวิน ห้วงอากาศด้านหนึ่งถูกตัดออกเป็นรอยแยกตรงแน่วเส้นหนึ่งเหมือนผืนผ้า
ว่องไวนัก!
หลินสวินประหลาดใจ จิตต่อสู้ในใจปะทุออกมา
นี่นับได้ว่าเป็นการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันครั้งแรกตั้งแต่เขาบรรลุระดับมกุฎราชันมา
หลินสวินตั้งตาคอยนักว่า ในระดับนี้คู่ต่อสู้จะต้านทานได้หรือไม่
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
ชั่วพริบตากลางห้วงอากาศเต็มไปด้วยคมดาบวายุดุดันไร้รูปนับพันนับหมื่น รวดเร็วอัศจรรย์เหมือนสายฟ้า ไปมาไร้ร่องรอย ดุจพายุคลั่งเต็มท้องฟ้าม้วนตลบทะเลเมฆ
เหนือห้วงอากาศรอยแยกที่น่าตื่นตระหนกสายแล้วสายเล่าตัดกันไปทั่ว ชั้นเมฆทั่วสารทิศล้วนเหมือนเศษกระดาษที่ถูกฉีกแหลกปลิวว่อน
และตั้งแต่เริ่มจนจบ เพียงเห็นได้รางเลือนว่าเงาร่างของเวินเอ้าไห่นั้นไหววูบแล้วหายไป ไม่อาจจับกุมไว้ได้เหมือนผีสาง
ไม่เพียงว่องไว ยังดุดันถึงที่สุดด้วย!
มีคมดาบวายุโฉบออกมาเป็นครั้งคราว ไถผืนดินให้เป็นคูน้ำมหึมาที่ลึกจนไม่อาจหยั่งถึงสายแล้วสายเล่า หินผาแหลกสลาย
ตัวหลินสวินอยู่ท่ามกลางบริเวณนั้น ฉับพลันทันใดเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุฝนบ้าคลั่งกว้างไกล มีแต่คมดาบวายุที่ดุดันจนสามารถทำให้อกสั่นขวัญแขวน
ในระหว่างนี้ เขาหลบหนีอยู่ตลอด ลองเล็งเป้าเงาร่างของเวินเอ้าไห่
ทว่าความเร็วของเวินเอ้าไห่ช่างน่าตื่นตะลึง เงาร่างเคลื่อนไหวว่องไว เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่
ชั่วไม่กี่อึดใจคล้ายทั่วทิศเต็มไปด้วยเงาร่างของเขา แต่เมื่อเข้าไปจับกลับพบว่านั่นเป็นเพียงรอยเงาเท่านั้น!
มหามรรคสลาตันบูรพาใต้!
ลม มีอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ใดเข้าไปไม่ได้
ยามอ่อนโยน พัดผ่านหน้าก็ไม่รู้สึก
ยามดุดัน สามารถพลิกภูเขาคว่ำสมุทร ก่อให้เกิดพายุล้างโลกได้!
ไม่ต้องสงสัยว่านี่เป็นมกุฎมรรคาของเวินเอ้าไห่ ที่เสาะหาก็คือร่างกายดั่งพายุสลาตัน ลอยสูงไร้ร่องรอย
ฟึ่บฟั่บๆ!
แม้หลินสวินจะหลบหนีเต็มที่ อาภรณ์บนร่างก็ยังคงถูกปัดโดนและฉีกออก
ส่วนในสายตาของพวกเมิ่งอิงหวา เพียงรู้สึกว่าดวงตาไม่พอดู เห็นได้เพียงว่าในท้องฟ้ามีแต่คมดาบวายุกับเงาร่างของเวินเอ้าไห่ไปทุกหนแห่ง
ด้านหลินสวินก็เหมือนอยู่กลางทะเลคมวายุ แม้เคลื่อนย้ายไปมา แต่กลับถูกกักขังไว้อย่างแน่นหนาไม่อาจสลัดพ้น
นี่ทำให้พวกเขาฮึกเหิม ส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจเวินเอ้าไห่ขึ้นมา
“สะใจนัก! สะใจจริงๆ มหามรรคสลาตันบูรพาใต้ของศิษย์พี่เวินช่างมีอานุภาพพิศวงสุดหยั่งจริงๆ สามารถทำให้ฟ้าดินอับสีได้!”
“ตอนนี้ข้าเพียงกังวลว่าเทพมารหลินนั่นจะถูกฆ่าตายได้ง่ายเกินไปหรือไม่เท่านั้นแล้ว!”
และเหนือเวิ้งฟ้าเวินเอ้าไห่ก็หัวเราะเสียงดัง “หลินสวิน เป็นมกุฎราชันเหมือนกัน แต่ทำไมเจ้ากลับอ่อนแอปานนี้ คงไม่ใช่ว่าไม่ได้บรรลุระดับมกุฎราชันจริงๆ กระมัง”
เดิมทีเขายังระแวดระวัง ถึงอย่างไรตอนอยู่ระดับกระบวนแปรจุติหลินสวินก็มีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าที่สามารถกวาดล้างคนรุ่นเดียวกันได้ แข็งแกร่งหาใดเทียบจริงๆ คิดดูแล้วหลังจากเลื่อนเป็นระดับมกุฎราชัน พลังต่อสู้ต้องไม่แย่นัก
ไหนเลยจะคิดว่ากลับอ่อนแอเช่นนี้ แม้แต่เงาร่างของตนยังเล็งไว้ไม่ได้!
ฉึบ!
คมดาบวายุสายหนึ่งปัดโดนคอของหลินสวินอย่างเฉียดฉิว อีกนิดเดียวก็จะอันตรายถึงชีวิต
แต่หลินสวินกลับสีหน้าเรียบเฉยไม่ตระหนก ดวงตาดำลุ่มลึกและเฉยชา
ตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้โจมตีกลับไปจริง ยามหลบหนีก็ถูกข่วนให้เป็นแผลเป็นครั้งคราว
ถึงกับต้องยอมรับว่าอย่างน้อยในด้านความเร็ว เวินเอ้าไห่ก็มีข้อได้เปรียบที่ภูมิใจได้ ขนาดเขายังด้อยกว่าบ้าง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะถูกกำราบแล้ว!
ตอนนี้สาเหตุที่เขาเอาแต่หลบหนี ก็เพียงเพราะอยากดูสักหน่อยว่าพลังต่อสู้ของเวินเอ้าไห่ผู้นี้มีจุดที่ไม่ธรรมดาหรือไม่กันแน่เท่านั้น
นี่เป็นท่าทีสอดส่องและเสาะหาอย่างหนึ่ง มองเวินเอ้าไห่เป็นเป้าหมายศึกษา ใช้สิ่งนี้มาพิสูจน์มกุฎมรรคาของตัวเอง
“อ่อนแอไปหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดจนตอนนี้เจ้าถึงเอาชนะข้าไม่ได้สักทีล่ะ” หลินสวินยิ้มเย้ยหยันเอ่ยปาก ถากถางอย่างไม่ปิดบัง
ทันใดนั้นพวกเมิ่งอิงหวาก็อึ้งไป ก็จริง กระทั่งตอนนี้แม้หลินสวินจะถูกกักไว้ ดูเหมือนสะบักสะบอม แต่กลับไม่ได้บาดเจ็บอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใดเลย
นี่ก็ดูออกจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว
ขณะเดียวกันเวินเอ้าไห่สีหน้าอึ้งค้างเล็กน้อย ก่อนยิ้มเหี้ยมแล้วพูดทันทีว่า “งั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาว่าอย่างไรเรียกว่าสิ้นหวัง!”
ตูม!
เสียงยังไม่ทันเงียบลง คมดาบวายุเต็มฟ้าพลันส่งเสียงอึกทึกครึกโครม ชั่วขณะเดียวเท่านั้นคมดาบวายุทุกสายก็แปรสภาพเป็นพายุ
พายุนับหมื่นนับพันลูกผุดขึ้น ฉีกห้วงอากาศสิบทิศให้แหลกละเอียด ภาพเช่นนั้นคล้ายจะบดขยี้โลกนี้ให้ว่างเปล่า!
นี่เป็นการโจมตีที่น่ากลัวถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นท่าไม้ตายของเวินเอ้าไห่ แม้เพียงมองดูอยู่ไกลๆ ก็ทำให้พวกเมิ่งอิงหวารู้สึกได้ถึงความกริ่งเกรงอันใหญ่หลวงยากบรรยาย
ประหนึ่งจิตวิญญาณกำลังจะถูกฉีกแหลกไปด้วย เกิดความรู้สึกเจ็บปวดในดวงตา
นี่ทำให้พวกเขาร้องด้วยความตื่นตะลึง ในใจยิ่งฮึกเหิม ด้วยการโจมตีนี้เทพมารหลินจะต้านทานอย่างไรไหว ดูท่าจะต้องถูกฉีกทึ้งให้เป็นผุยผงแล้วกระมัง
ดวงตาดำของหลินสวินเปล่งประกายขึ้นมา เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่ลังเลอีกต่อไป ทันทีที่เงาร่างของเขาปรากฏขึ้นก็พลันชกหมัดหนึ่งออกไป
เมื่อหมัดนี้ปรากฏออกมา ฟ้าดินดุจผืนผ้าใบวาดภาพ ยุบตัวลงทันใด กระแสยุ่งเหยิงนับหมื่นพันถูกกลืนกิน หลอมรวมเข้าไปในพลังหมัด
ท่ามกลางความคลุมเครือ ภาพฟ้าดินถล่มทลาย หยินหยางพลิกกลับก็ปรากฏขึ้น
ปึง!
พายุลูกแล้วลูกเล่าถูกพลังหมัดกระแทกให้แตกออกอย่างจัง ละอองแสงปั่นป่วนที่ปลิวว่อนถูกทำลายลงจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ
“นี่…”
พวกเมิ่งอิงหวาที่กำลังตื่นเต้นอยู่แข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้เทพมารหลินนั่นยังถูกกักไว้เหมือนลูกไก่ในกำมืออยู่เลย ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนไม่มีกำลังโจมตีกลับ
แต่ตอนนี้ ทันทีที่ออกโจมตีกลับน่ากลัวปานนี้!
“แย่แล้ว!”
ใจเวินเอ้าไห่เกร็งกระตุกขึ้นทันที เงาร่างเคลื่อนไหวฉวัดเฉวียนไม่ว่างเว้น ปะทุออกมาโดยสมบูรณ์ ประหนึ่งแปลงกายเป็นพายุปั่นป่วนเชี่ยวกรากที่ม้วนตลบนิรันดร์กาล แข็งกร้าวถึงที่สุด
ตูม!
หมัดที่หลินสวินระเบิดออกมายังถูกสลายไปอยู่ดี
แต่นี่ไม่ได้ทำให้เวินเอ้าไห่ดีใจแต่อย่างใด กลับกันเขาทำหน้าฉงน สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล
ราวกับว่าหลินสวินในตอนนี้เพิ่งเริ่มต่อสู้กับตนอย่างจริงจัง ส่วนก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้สนใจการจู่โจมของตนมาโดยตลอด!
“ฆ่า!”
เวินเอ้าไห่ร้องเสียงยาว แสงมรรคทั้งร่างคำรามดัง ดุจดั่งพายุที่เคลื่อนที่กระจายไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่อาจมองเห็นเงาร่างของเขาได้อย่างชัดเจน
ส่วนหลินสวินก็ไม่ออมมืออีก เริ่มโจมตีกลับในตอนนี้!
โฮก!
ชือน้ำแข็งทะยานไปในอากาศ ชูคอส่งเสียงคำราม เกี่ยวกระหวัดรอบกายหลินสวิน ขับเน้นให้เขาเหมือนเทพบงการมังกร แสงมรรคทั้งร่างไหวเคลื่อน แจ่มจรัสราวดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเจิดจ้าเพียงดวงเดียว
พลังหมัดสะท้านฟ้าสะเทือนดินปะทุขึ้น ทุกหมัดล้วนแข็งแกร่งเกินต้านทาน กลืนกินสรรพสิ่ง ทำลายล้างพลังในห้วงอากาศโดยรอบไปสิ้น
พายุลูกใหญ่เหล่านั้นกลับถูกพลังหมัดน่าหวาดหวั่นนั่นกลบจนสิ้นเหมือนเศษกระดาษ
ปึง!
ร่างของเวินเอ้าไห่ถูกพลังหมัดสายหนึ่งกวาดโดนโดยไม่ทันตั้งตัว
ชั่วพริบตานั้นเขายังสงสัยว่าถูกมือของเทพมารตบเจ้าอย่างจัง ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าวยากทนได้ กระอักเลือดออกปากและจมูก
“เจ้า…” เขาเกรี้ยวกราด สีหน้าคล้ำเขียว
แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรออกมาก็ต้องหลบหนีเต็มกำลัง โคจรพลังในกายตนถึงจุดสูงสุด
ต่อให้เป็นเช่นนี้เวินเอ้าไห่ก็ยังรู้สึกใช้พลังไม่ได้ดั่งใจ ถูกกดข่มโดยสิ้นเชิงเหมือนเดิม ทุกที่มีแต่พลังหมัดที่สามารถทำลายจักรวาลได้ ดุดัน อหังการ ทำลายได้ทุกอย่าง
ปึงๆๆ!
เพียงครู่เดียวเท่านั้นบนร่างของเขาก็ไม่รู้ว่าถูกพลังหมัดกี่ลูกซัดโดน หนังเปิดเนื้อเหวอะ กล้ามเนื้อกระดูกต่างรับไม่ไหว มีร่องรอยฉีกขาดปรากฏขึ้นหลายแห่ง เจ็บปวดจนเขากระอักเลือดไม่หยุดหย่อน
“เป็นไปไม่ได้!”
พวกเมิ่งอิงหวาหน้าเปลี่ยนสีโดยสมบูรณ์แล้ว ตกตะลึงเกินธรรมดา
ตอนนี้ในสายตาของพวกเขา เวินเอ้าไห่ก็เหมือนฟางที่ตกลงไปในเหวลึกแห่งหนึ่ง พลังหมัดทั่วสารทิศซัดมาเหมือนภูเขาถล่มทะเลคำรน แทบจะถูกกลบจนมิดแล้ว!
ทุกอย่างดูน่าเหลือเชื่อ
ก่อนหน้านี้หลินสวินต่างหากที่ถูกกักขัง ไร้กำลังโต้กลับ ทำไมชั่วพริบตาทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปแล้ว
สมองพวกเมิ่งอิงหวาสับสนงงงวย มือเท้าเย็นเฉียบ นี่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อกี้หลินสวินไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงเลยหรือ
“เป็นไปไม่ได้! ขอบเขตมกุฎเหมือนกัน เหตุใดพลังต่อสู้ของเจ้าถึงแข็งแกร่งปานนี้” เหนือเวิ้งฟ้าเวินเอ้าไห่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าบวมเป่งจมูกเขียวคล้ำ รอยหมัดประทับไปทั้งตัว อนาถยิ่งนัก
เพียงแต่เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ที่เขาหวาดผวายิ่งกว่าก็คือเป็นขอบเขตมกุฎเหมือนกัน แต่ต่อหน้าหลินสวิน เขากลับมีความรู้สึกไร้กำลังอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นภูเขาลูกใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ส่วนตนเป็นมดที่กำลังเขย่าภูเขาตัวหนึ่ง ดูเล็กจ้อยและอ่อนแรงนัก!
นี่ทำให้เวินเอ้าไห่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง
เดิมนึกว่าเมื่อบรรลุระดับมกุฎราชัน ยังไม่ต้องพูดถึงการผงาดผยองเหนือคนรุ่นเดียวกัน อย่างน้อยก็ต้องมีรากฐานพลังที่ไม่หวั่นกลัวคู่ต่อสู้ใดๆ
จะคิดได้อย่างไรว่าตอนนี้กลับถูกเทพมารหลินกำราบโดยสมบูรณ์ในเวลาเพียงชั่วพลิกฝ่ามือ!
สวบ!
หลินสวินไม่ให้โอกาสเวินเอ้าไห่ได้หายใจก็พุ่งไปแล้ว พลังหมัดราวสายฟ้า ตวัดแขนกระแทกออกไปดังปึง ตัวเวินเอ้าไห่ก็ถูกกระแทกลงไปจากกลางอากาศเข้าอย่างจัง
ตัวเขากระแทกพื้นจนเกิดหลุมใหญ่หลุมหนึ่งเหมือนอุกกาตก้อนหนึ่ง ผืนดินสั่นสะเทือนไปชั่วครู่ ฝุ่นควันตลบอบอวล
“อย่างเจ้า ก็คู่ควรเรียกว่ามกุฎด้วยหรือ” หลินสวินยืนตระหง่านมองเหยียดหยันลงมาจากฟ้าสูง น้ำเสียงเรียบเฉย
——