Mars เจ้าสงครามครองโลก – ตอนที่ 26 นายหญิงใหญ่หวางคุกเข่าลง

ตอนที่ 26 นายหญิงใหญ่หวางคุกเข่าลง

เสียงคำรามของเกาเจี๋ย เกือบจะทำให้หูของผู้จัดการล็อบบี้หนวก

ตอนนี้สีหน้าของผู้จัดการล็อบบี้ขาวซีด

คนที่สามารถทำให้ท่านเกาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วยังต้องการจะฆ่าคุณชายของตระกูลซุนเพื่อขอโทษ…….

เขาล่วงเกินคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้

ผู้จัดการล็อบบี้เข่าอ่อนและคุกเข่าบนพื้นทันที มีกลิ่นปัสสาวะโชยออกมาจากเป้ากางเกงทันที

“คุณ คุณเย่ ผมมีตาแต่หามีแววไม่ ได้โปรด…….”

ผู้จัดการล็อบบี้ตกใจจนพูดไม่ออก

เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจเขา อุ้มซือซือและกล่าวว่า “คุณแม่ ซีเอ๋อร์ ทำให้พวกคุณเสียอารมณ์แล้ว พวกเราเปลี่ยนสถานที่กันเถอะ”

หลี่หลานมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าทำไมตระกูลจ้าวถึงได้กลัวเขามากขนาดนี้

หวางซีกระซิบว่า “ต่อไปคุณอย่าชกต่อยอีก พวกเราไม่สามารถล่วงเกินคนพวกนี้ได้ โชคดีว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของเลขาเกา มิเช่นนั้นพวกเราคงจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้”

หลี่หลานกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เขารู้จักเลขาเกาหรือ?”

หวางซีไม่มีทางเลือกจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในผับโลกีย์ให้แม่ฟังทั้งหมด

ความจริงแล้วเกาเจี๋ยถูกปลดจากตำแหน่งเลขาหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผับโลกีย์ แต่หวางซีไม่รู้เรื่องนี้

หลี่หลานโกรธจนพูดไม่ออก “ฉันคิดว่าตัวคุณนั้นเก่งกาจ แต่ไม่คิดว่าคุณจะอวดเก่งโดยอาศัยบารมีคนอื่น! บุญคุณของเจ้าเทพที่มีต่อคุณนั้น ถ้าคุณไม่ใช้ในทางที่ถูกที่ควร ใช้ในเรื่องชกต่อยครั้งแล้วครั้งเล่า และตอนนี้เจ้าเทพได้ตอบแทนบุญคุณให้คุณหมดแล้ว สมองของคุณไปโดนลาเตะมาหรือไงถึงได้โง่ขนาดนี้?”

หลี่หลานด่าเพื่ออยากให้เขาได้ดิบได้ดี

ขณะนี้ เกาเจี๋ยเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ระยะทางที่ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่เขามาถึงภายในสิบนาที

ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ตบหน้าผู้จัดการล็อบบี้ไปหลายครั้ง

แล้วก็ตบหน้าตนเองหลายสิบครั้งเช่นกัน เขาโน้มตัวลงแล้วกล่าวด้วยความระมัดระวัง

“คุณเย่ ขอโทษจริง ๆ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี คุณทานอาหารก่อน ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”

เย่เซิ่งเทียนมองเขาอย่างเย็นชา “คุณทำให้ผมผิดหวังมาก”

สีหน้าของเกาเจี๋ยขาวซีดราวกับหิมะ คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลริน “คุณเย่ ไอ้เกาผิดไปแล้ว คุณเย่โปรดลงโทษด้วย”

“ลุกขึ้นเถอะ ผมหวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีก”

เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ขอบคุณ ขอบคุณ คุณเย่!”

เกาเจี๋ยลุกขึ้นยืนด้วยความปีติ หันหลังไปเตะผู้จัดการล็อบบี้จนกระเด็นออกไปไกล และกล่าวด้วยความโหดเหี้ยมว่า “คุณคิดจะหักแขนขาของคุณเย่ใช่ไหม? งั้นผมจะทำให้คุณสมใจ! หักแขนขาของเขาข้างหนึ่ง”

หวางซีเป็นคนใจอ่อน ไม่สามารถทนเห็นได้อีกต่อไป จึงรีบกล่าวว่า “เลขาเกา ปล่อยเขาไปเถอะ เขาไม่มีเจตนา”

เกาเจี๋ยกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณหวางซี นี่เป็นกฎครับ และการไว้ชีวิตของเขานั้นก็เพื่อเห็นแก่หน้าคุณ คุณเย่มีบุญคุณกับผม ไอ้สุนัขสารเลวคนนี้กล้าไม่เคารพคุณและคุณป้า มันเท่ากับดูหมิ่นผม”

หลังจากนั้นเขาก็สั่งว่า “นำไอ้สุนัขสารเลวออกไป จะได้ไม่รกหูรกตาคุณหวางซีและคุณป้า”

หลี่หลานรู้สึกอกสั่นขวัญหาย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนปากร้าย แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนใจอ่อน

เมื่อได้ยินว่าจะหักแขนขา เธอตกใจกลัวจนขาสั่นเล็กน้อย แล้วรีบกล่าวว่า “เลขาเกา ช่างมันเถอะ เขาเป็นคนน่าสงสาร ให้บทเรียนเขาก็พอแล้ว”

เกาเจี๋ยมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความลำบากใจ

เย่เซิ่งเทียนกล่าวว่า “คุณแม่และซีเอ๋อร์บอกว่าช่างเถอะ งั้นก็ช่างมันเถอะ”

“ขอบคุณเลขาเกา”

หวางซีกล่าวอย่างประหม่า

เกาเจี๋ยกล่าวด้วยความเสียใจว่า “คุณหวางซี ต่อไปคุณเรียกผมว่าไอ้เกาเถอะ ผมได้ทำความผิด และตอนนี้ผมไม่ใช่เลขาของเจ้าเทพอีกต่อไปแล้ว”

“ห๊ะ? เรื่องที่ผับโลกีย์ทำให้คุณเดือดร้อนหรือ? ทำไมเจ้าเทพถึงได้เป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้”

หวางซีกล่าวด้วยความโมโห

เธอคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเกาเจี๋ย เรื่องที่ผับโลกีย์คงไม่จบลงง่าย ๆ

การที่ตระกูลจ้าวขอโทษตนเองนั้น เกาเจี๋ยเป็นคนจัดการทั้งหมด

เกาเจี๋ยตกใจจนตัวสั่นและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “คุณหวางซี ผมเป็นคนทำผิดเอง เจ้าเทพเมตตาผมเป็นพิเศษแล้ว ตอนนี้ผมยังสามารถเป็นเจ้าของดอกบานพูนสุขได้ นี่คือผลลัพธ์ดีที่สุดแล้ว”

หวางซีถอนหายใจและกล่าวว่า “เจ้าเทพนี่ก็ช่างกระไรน่ะ ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุสักหน่อย แล้วเขาจะกล่าวหาคนดีได้อย่างไร ฉันคิดว่าเจ้าเทพเป็นคนยุติธรรม ที่แท้เขาก็เป็นคนที่ไร้เหตุผลนี่เอง”

หลี่หลานมุ่ยปากและกล่าวว่า “คนอย่างเจ้าเทพที่อยู่เหนือคนอื่น เขาทำทุกอย่างด้วยตนเองได้อย่างไร ไม่สำมะเลเทเมาก็ไม่เลวแล้ว”

เกาเจี๋ยตกใจกลัวจนเกือบร้องไห้

พวกคุณได้โปรดอย่าพูดอีกเลย

พวกคุณคนหนึ่งเป็นแม่ยายของเจ้าเทพ อีกคนเป็นภรรยาของเจ้าเทพ แล้วผมจะตอบคำถามของพวกคุณได้อย่างไร?

เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “บริหารดอกบานพูนสุขให้ดี”

เกาเจี๋ยกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ผมจะปฏิบัติตามคำสอนของคุณเย่แน่นอน เชิญพวกคุณเข้าไปข้างในก่อน ผมจะลงมือทำอาหารด้วยตนเอง”

เย่เซิ่งเทียนพยักหน้า อุ้มซือซือเอาไว้ “ฝีมือการทำอาหารของไอ้เกานั้นเยี่ยมมาก ให้เกียรติลิ้มรสฝีมือเขาสักนิดเถอะ”

หวางซีและหลี่หลานจ้องเย่เซิ่งเทียน เพื่อบอกเขาว่าอย่าพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ

ถึงแม้เกาเจี๋ยจะไม่ได้เป็นเลขาของเจ้าเทพแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตนเองสามารถล่วงเกินได้

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความเมตตาต่อครอบครัวตนเองอีกด้วย

และขณะนี้ นายหญิงใหญ่หวางร้อนใจจนแทบเป็นบ้า

ทนายของตระกูลจ้าวส่งจดหมายมาแล้ว

เส้นตายคือวันนี้เที่ยงคืน

“คุณย่า โทรศัพท์ของหวางซีสองแม่ลูกยังปิดอยู่”

หวางเปียวกล่าวด้วยความโมโหว่า “พวกเธอเจตนา เพราะพวกเธอทนเห็นตระกูลหวางได้ดีไม่ได้ ผมคิดว่ายึดบ้านที่อารองทิ้งไว้กลับคืนมา แล้วคอยดูว่าพวกเธอจะกล้าหยิ่งผยองอีกหรือไม่?”

หวางเอี๋ยนกล่าวเสริมว่า “คุณย่า คุณไม่ควรคืนเด็กนอกคอกให้พวกเขา มิฉะนั้นหวางซีก็จะไม่กล้าไม่เชื่อฟัง”

นายหญิงใหญ่หวางกระแทกไม้ค้ำหัวมังกรลงบนพื้น “รอที่นี่แหละ พวกเขาไม่มีที่ไปหรอก”

หวางเปียวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “คุณย่า พวกเราเกลี้ยกล่อมเธอก่อน ให้เธอแก้วิกฤติของตระกูลก่อน แล้วค่อยยึดบ้านหลังนี้กลับคืนมา ให้ครอบครัวพวกเธอนอนข้างถนน จะได้เข็ดหลาบ”

ในที่สุดครอบครัวเย่เซิ่งเทียนก็กลับมาถึงบ้านแล้ว

ซือซือหลับอยู่ในอ้อมแขนของเย่เซิ่งเทียน

หวางเปียวยืนขวางประตู และกล่าวว่า “อาสะใภ้รอง หวางซี พวกคุณช่างกล้านัก กล้าไม่รับแม้กระทั่งสายของคุณย่า ต้องให้คุณย่ามาสถานที่ซอมซ่อด้วยตนเอง? ”

เย่เซิ่งเทียนมองนายหญิงใหญ่หวางและกล่าวราบเรียบว่า “ผมเคยพูดแล้ว คราวนี้ พวกคุณต้องคุกเข่าขอร้อง”

อะไรน่ะ? จะให้คุณย่าคุกเข่า?

ยังไม่ตื่นหรือ! ช่างกล้าอะไรเช่นนี้!

ทุกคนต่างตกตะลึง

นายหญิงใหญ่หวางคือซูสีไทเฮาของตระกูลหวางเชียวน่ะ!

หวางซีเป็นสมาชิกที่ฐานะต่ำต้อยที่สุดของตระกูลหวาง

ตอนนี้จะให้นายหญิงใหญ่คุกเข่าให้กับหวางซี?

พูดตลกอะไรกันนี่

รนหาที่ตาย!

กล้าให้ฉันคุกเข่าจริง ๆ หรือ?

สายตาของนายหญิงใหญ่หวางดุร้ายน่ากลัว

เธออยากจะใช้มีดสับเย่เซิ่งเทียนเป็นชิ้น ๆ

“การที่คุณย่ายอมลดเกียรติมาที่นี่ มันเป็นเกียรติสูงสุดของครอบครัวคุณแล้ว อย่าทำเป็นให้เกียรติแล้วไม่รับเกียรติ แล้วยังกล้าให้คุณย่าคุกเข่าอีก อีสองแม่ลูกต่ำสถุล…”

หวางเปียวรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใช้มือชี้และด่าหวางซีกับหลี่หลาน

เย่เซิ่งเทียนยกเท้าขึ้นแล้วเตะไปที่หน้าของหวางเปียว

หวางเปียวกระเด็นออกไป สันจมูกของเขาหักอีกครั้ง และเขากระแทกบนพื้นอย่างแรง นอนอยู่บนพื้นราวกับสุนัขที่ตายไปแล้ว

“เย่เซิ่งเทียน คุณมันช่างกล้านัก”

หวางเอี๋ยนกำลังจะลงมือ เย่เซิ่งเทียนจ้องเธอด้วยสายตาที่เย็นชา ทันใดนั้นเธอจำภาพตอนที่ตนเองถูกเย่เซิ่งเทียนทำร้าย รู้สึกว่าใบหน้าเจ็บปวดเหมือนถูกไฟเผา ทำให้ขาทั้งคู่ของเธออ่อนแรง และรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

และกล่าวแข็งนอกอ่อนในว่า “คุณย่าให้โอกาสพวกคุณกลับสู่ตระกูลแล้ว ยังไม่คุกเข่าขอบคุณอีก…….. ”

เย่เซิ่งเทียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้ายังพูดมากอีก ผมจะฆ่าคุณ”

“คุณ……”

หวางเอี๋ยนทั้งหวาดกลัวและทั้งโมโห และไม่ได้พูดอะไรอีก

“ซีเอ๋อร์ ตอนนี้คุณได้ระบายความโกรธแล้ว”

นายหญิงใหญ่หวางกล่าวว่า “ย่าทำผิดจริง ๆ ตระกูลขาดคุณไม่ได้ ซีเอ๋อร์ อย่าโกรธอีกเลย กลับไปกับฉันเถอะ แล้วฉันจะชดเชยให้พวกคุณอย่างดี”

ท่าทีของเธอนั้นอ่อนโยนมาก

หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข ตระกูลหวางต้องล้มละลายแน่นอน

ลูกชายคนโตจะเกลียดเธอ

สายตาของนายหญิงใหญ่หวางเต็มไปด้วยความอ้อนวอน

หวางซีกัดฟันและไม่พูดอะไร

ตอนที่ต้องการใช้ฉัน ถือว่าฉันเป็นหลานสาว

แต่ตอนที่ไม่ต้องการใช้ฉัน ก็ทิ้งเหมือนเป็นขยะ

หลี่หลานกล่าวด้วยความโมโหว่า “คุณคิดจะหลอกพวกเราอีกหรือ? พวกเราถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหวางของพวกคุณอีกต่อไปแล้ว”

ในใจของนายหญิงใหญ่หวางกำลังเดือดพล่านด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะโจมตี รอหลอกใช้พวกเขาเสร็จก่อนแล้วค่อยจัดการทีหลัง

เย่เซิ่งเทียนยืนขวางอยู่หน้านายหญิงใหญ่หวาง และกล่าวเย้ยหยันว่า “ผมเคยพูดแล้วว่าพวกคุณต้องคุกเข่าขอร้อง”

นายหญิงใหญ่หวางแทบอดไม่ไหวที่จะฆ่าเย่เซิ่งเทียน “เย่เซิ่งเทียน คุณอย่าได้คืบแล้วจะเอาศอก!!”

เย่เซิ่งเทียนกล่าวราบเรียบว่า “การขอร้องคน ก็ต้องขอร้องด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน”

นายหญิงใหญ่หวางมองไปที่หวางซี “ซีเอ๋อร์ คุณรู้ว่าตอนนี้ตระกูลหวางลำบาก แล้วคุณจะไม่ช่วยจริง ๆ หรือ? คุณจะทนเห็นตระกูลหวางที่พ่อของคุณทำงานหนักจนเติบโตขึ้นล้มละลายได้หรือ? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันคือคุณย่าของคุณ และคุณเป็นหลานสาวของฉัน ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก”

เย่เซิ่งเทียนกล่าวเยาะเย้ยว่า “ครอบครัวเดียวกัน? ตอนที่คุณแย่งทรัพย์สินของพ่อตาผม ทำไมคุณไม่บอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน?”

“ตอนที่ซีเอ๋อร์ถูกแห่ประจานไปตามถนนขณะตั้งครรภ์ ทำไมคุณไม่เห็นว่าเธอเป็นหลานสาว?”

“ตอนที่คุณส่งซีเอ๋อร์ไปให้จ้าวเจิ้งย่ำยี คุณคิดว่าเธอเป็นหลานสาวหรือไม่”

เย่เซิ่งเทียนก้าวเดินไปไปหาหญิงชรา ด้วยพลานุภาพที่น่าเกรงขามและตะโกนว่า “คุณเป็นย่าภาษาอะไร!!”

นายหญิงใหญ่หวางตัวสั่นสะท้านและถอยหลังไปสามก้าว

เป็นสายตาที่น่ากลัวมาก!

เหมือนเทพและมาร!

ทันใดนั้น เย่เซิ่งเทียนตะโกนว่า “คุกเข่าลง หรือไม่ก็ไสหัวออกไป!”

หัวใจของนายหญิงใหญ่หวางกระตุก และขาทั้งคู่อ่อนแรง

“ซีเอ๋อร์ ย่าผิดไปแล้ว ช่วยตระกูลหวางเถอะ”

ตุ๊บ!

นายหญิงใหญ่หวางคุกเข่าลงบนพื้น!

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท