“หลี่หลาน อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสครอบครัวของพวกคุณ เมื่อก่อนฉันเคยทำผิดพลาดมาไม่น้อยจริง แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ฉันก็ขอโทษพวกคุณแล้ว ต่อไปอย่าพูดถึงมันอีกเลย ฉันก็ไม่โทษพวกคุณด้วยเช่นกัน”
ท่าทางของนายหญิงใหญ่หวางน่าเกรงขามขึ้นมาอีกครั้ง และกล่าวช้า ๆ ว่า “แต่ตอนนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เป็นการดีกว่าถ้าบริษัทหัวหยวนควบกิจการกับตระกูลหวาง นี่เป็นทางเดียวที่พวกคุณจะอยู่รอดได้”
นายหญิงใหญ่หวางแสดงท่าทางอยู่เหนือคนอื่น ราวกับว่าเธอจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่ เธอหรี่ตา เบ้ปากเล็กน้อย แล้วพ่นลมหายใจเย็นออกจากจมูก
ตอนแรกหลี่หลานรู้สึกตะลึง สงสัยว่านายหญิงใหญ่กำลังทำอะไร
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของนายหญิงใหญ่ที่กล่าวเหมือนมีบุญคุณแล้ว ใบหน้าของหลี่หลานเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความโกรธ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นายหญิงใหญ่ ถ้าคุณจะมาโอ้อวดที่นี่ งั้นคุณมาผิดที่แล้ว ประตูอยู่ตรงนั้น คุณออกไปเถอะ”
ความอัดอั้นตันใจที่สะสมมานานหลายปีนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถขจัดออกไปได้ง่าย ๆ
ความโกรธแค้นที่หลี่หลานมีต่อนายหญิงใหญ่หวางนั้นไม่ธรรมดา ตอนนี้ไม่อยากจะเรียกเธอว่าแม่แล้ว จึงเรียกเธอว่านายหญิงใหญ่หวางโดยตรง
ดูเหมือนว่าการที่เธอมาวันนี้ เพื่อมาโอ้อวดว่าตนเองสามารถลืมตาอ้าปากได้
คนประเภทที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำ แล้วยังไม่รู้จักไม่ปรับปรุงตัวอีก ทำให้หลี่หลานรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก
“นอกจากนี้ ตอนนี้ครอบครัวของพวกเราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณตระกูลหวาง พวกเราก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้ด้วยตนเอง แม้ว่าจะเกิดเรื่อง และถึงแม้บริษัทหัวหยวนจะล้มละลาย พวกเราก็ไม่ยอมมอบบริษัทหัวหยวนให้ตระกูลหวาง นายหญิงใหญ่ล้มเลิกความตั้งใจนี้เถอะ และที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
นายหญิงใหญ่หวางจ้องเขม็งและกล่าวด้วยความโมโหว่า “ไอ้สารเลว คุณใช้กิริยาแบบนี้กับฉันเหรอ?”
“ครอบครัวของพวกเราใช้กิริยาแบบนี้กับคุณแหละ คุณมาจากไหน ก็กลับไปที่นั่น คุณจะเสแสร้งเป็นน่าเกรงขามให้ใครดู?”
เย่เซิ่งเทียนอุ้มซือซือเดินเข้ามา และกล่าวด้วยความไม่เกรงใจ ไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่น้อย
หวางซีแสดงสีหน้าบูดบึ้ง
นายหญิงใหญ่หวางกัดฟัน จ้องไปที่เย่เซิ่งเทียนและกล่าวว่า “เย่เซิ่งเทียนอย่าจองหองเกินไป ไม่นานก็จะถึงวันตายของคุณแล้ว ซีเอ๋อร์ เพื่อเห็นแก่ที่หลานทำงานหนักจน บริษัทหัวหยวนพัฒนาขนาดนี้ ย่าจะให้โอกาสหลาน ควบบริษัทหัวหยวนเข้ากับธุรกิจของตระกูล และย่าจะไม่ตำหนิเรื่องที่ผิดพลาดในอดีต แล้วยังจะช่วยครอบครัวของหลาน”
หลังจากกล่าวจบ นายหญิงใหญ่หวางพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ สำหรับเธอแล้ว เย่เซิ่งเทียนนั้นถือเป็นคนที่ตายไปแล้ว
กองกำลังใหญ่ทั่วทั้งห้ามณฑลในเจียงหนานมาถึงแล้ว ซึ่งพวกเขามาเพื่อฆ่าเย่เซิ่งเทียน
การต่อสู้ที่ใหญ่เช่นนี้ ถ้าเย่เซิ่งเทียนยังไม่ตาย ให้เธอคุกเข่าและก้มกราบก็ได้
“คุณย่ากลับไปเถอะ”
หวางซีกล่าวอย่างเย็นชา ไม่มีความคิดที่จะสนทนากับนายหญิงใหญ่หวางแม้แต่น้อย
นายหญิงใหญ่หวางยิ้มด้วยความเหยียดหยาม แต่รอยยิ้มนั้นเคร่งขรึมเล็กน้อย เหมือนแม่มดที่โหดเหี้ยม มีแสงประกายอยู่ในดวงตาที่ขุ่นมัว กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า”ซีเอ๋อร์ ในเมื่อหลานรนหาความตายเอง งั้นย่าก็จะไม่พูดอะไรอีกแล้ว เส้นทางนี้หลานเป็นคนเลือกเอง ถ้าบ้านแตกสาแหรกขาดแล้วก็อย่ามาเสียใจภายหลัง สิ่งที่ควรพูดย่าก็พูดแล้ว เมื่อหลานดื้อร้านขนาดนี้ ก็จะโทษคนอื่นไม่ได้”
นายหญิงใหญ่หวางหยุดครู่หนึ่ง มองซือซือแล้วกล่าวว่า “ลูกยังเล็กอยู่ อย่าดันทุรังมาก ถ้ากลายเป็นเด็กกำพร้า ขอทาน หรือพิการหรืออะไรก็ตาม มันจะน่าสงสารมาก คนที่เป็นพ่อแม่ทำความชั่ว ไม่ช้าก็เร็วกรรมจะไปตกอยู่ที่ลูก เพื่อเขยแต่งเข้าคนหนึ่งแล้วทำให้ทั้งครอบครัวต้องตายทั้งหมดมันไม่คุ้ม บริษัทหัวหยวนกำลังพัฒนา แต่เมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่แล้ว ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น”
หวางซีกัดฟันด้วยความโกรธ ส่วนหลี่หลานจ้องไปที่นายหญิงใหญ่หวางด้วยความโมโห
นึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้กับเด็กอายุยังไม่ถึงห้าขวบ ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ!