Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1280 ชื่อหลิงเซียวผู้ปากพล่อย

ตอนที่ 1280 ชื่อหลิงเซียวผู้ปากพล่อย

สถูปเจดีย์สูงสามพันฉื่อ สร้างขึ้นจากกระดูกขาวกองกัน ตั้งตระหง่านกลางฟ้าดิน

และเหนือสถูปเจดีย์ เมฆาเคราะห์หนาหนัก อสนีบาตดังสะเทือนเลื่อนลั่น ความหนาแน่นของอานุภาพสวรรค์ที่ปลดปล่อยออกมา ทำให้พื้นที่รัศมีพันลี้ต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศน่าประหวั่นพรั่นพรึง

เงาร่างของหลินสวินห้ำหั่นอยู่บนนั้น อาบชโลมไปด้วยสายฟ้าแปลบปลาบ เจิดจ้าไปทั้งกายประหนึ่งเทพ

“เทพมารหลินนี่!”

มีคนร้องตระหนก

ใกล้กันนั้นมีผู้ฝึกปราณมากมายเข้าประชิดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นชัดว่าผู้ที่ข้ามด่านเคราะห์เป็นพวกร้ายกาจที่อานุภาพดุดันคับฟ้าในคำร่ำลือผู้นั้นเสียได้ ก็ต่างตื่นตะลึงไปครู่หนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ถึงกับเป็นเขา… ตอนนี้เพิ่งข้ามด่านอมตะเคราะห์ครั้งที่สี่ พลังต่อสู้เท่านี้ทำไมถึงเป็นคู่ต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ผู้นั้นได้”

ชายหนุ่มผมแดงราวเพลิงผู้นั้นก็มาแล้ว เสื้อผ้าพลิ้วไหว ท่วงท่าองอาจ แผ่พลังแกร่งกล้าและอหังการออกมา

เขาประเมินหลินสวินที่กำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่ รู้สึกงุนงงนัก

หืม?

ทันใดนั้นใจเขาเหมือนรู้สึกได้ พลันกวาดสายตาไป มองไปยังอีกด้านหนึ่ง

ก็เห็นว่าเงาร่างงามที่อาบไล้อยู่กลางหิมะน้ำแข็งมายาปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าเด่นเกินผู้ใด ท่วงท่าราวจันทร์กระจ่างกลางนภา บริสุทธิ์ผุดผ่อง โดดเดี่ยวผิดธรรมดา

ในขณะเดียวกันเนตรกระจ่างของหญิงสาวผู้นั้นก็มองไป

ฉับพลัน สายตาทั้งสองปะทะกันกลางห้วงอากาศ ต่างจำฐานะของอีกฝ่ายได้

ชื่อหลิงเซียว!

ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย!

จากนั้นทั้งสองต่างชักสายตากลับไป ไม่สนใจอีกฝ่ายอีก

พร้อมกันนี้ ณ ที่แห่งนั้นก็ระส่ำระสายขึ้นระลอกหนึ่ง ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างจำชื่อหลิงเซียวกับธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยได้ หน้าเปลี่ยนสีไม่ว่างเว้น

ในแดนเก้าบนตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งที่เบียดตัวขึ้นไปบนกระดานทองคำผู้กล้าได้ก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลระดับยักษ์ใหญ่ในรุ่นเดียวกันแล้ว

ส่วนคนที่สามารถพาตัวเองไปอยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้า ถูกเรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่อหังการ ล้วนเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่มีความสามารถเลิศล้ำ มาพร้อมกับโชควาสนายิ่งใหญ่

และชื่อหลิงเซียวกับธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยก็อยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้า!

หลายปีมานี้อันดับบนกระดานทองคำผู้กล้าแทบจะเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นพักๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นชื่อหลิงเซียวหรือธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย อันดับของทั้งสองต่างไม่เคยตกลงไปจากสิบอันดับแรก

จากจุดนี้ก็เพียงพอพิสูจน์ได้ว่าพลังต่อสู้ของทั้งสองน่าหวาดหวั่นปานไหน และไม่แปลกที่ตอนนี้จะทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งที่นั้นกระสับกระส่าย

“หลิ่นเสวี่ย หลายวันมานี้ลือกันไปทั่วว่าหลินสวินผู้นี้จู่โจมอวิ๋นชิ่งไป๋จนหนีหัวซุกหัวซุน เจ้าเชื่อไหม”

ทันใดนั้นชื่อหลิงเซียวก็เอ่ยปาก เสียงต่ำขุ่น มีความอหังการที่แผ่พุ่งเข้าก้นบึ้งใจคน

ตัวเขาก็เหมือนนายเหนือหัวมาเยือนโลก ท่าทางฮึกเหิมไม่ได้ปิดบัง

“เจ้าไปถามดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”

เสียงธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยทุ้มต่ำกังวาน เย็นเยียบเสียดกระดูก

ชื่อหลิงเซียวหัวเราะร่า ดวงตาแผ่ประกายวาบ ทอดมองหลินสวินที่กำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่ไกลออกไปแล้วพูดว่า “ถามเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงอย่างไรคำพูดลอยๆ ก็เชื่อถือไม่ได้ อยากรู้คำตอบที่แท้จริงมีเพียงทางเดียว”

ทุกคนในที่นั้นล้วนหูผึ่ง

“เจ้าจะลงมือหรือ”

ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ

ชื่อหลิงเซียวยิ่งหัวเราะเบิกบานและเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงขึ้นไปอีก เอ่ยว่า “ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยนี่รู้จักข้าดีจริง ใช่แล้ว โอกาสหายาก ข้าย่อมไม่อาจพลาดได้!”

หลายคนใจหายวาบ

ใครก็รู้ว่าตั้งแต่ชื่อหลิงเซียวปรากฏตัวขึ้นในดินแดนรกร้างโบราณ ก็สังหารบุคคลชั้นยอดในรุ่นเดียวกันคนแล้วคนเล่าอย่างต่อเนื่อง

จวบจนหลังจากเข้าสู่แดนมกุฎ บุคคลระดับผู้กล้าที่ตายด้วยน้ำมือของชื่อหลิงเซียว อย่างน้อยก็มีหลักร้อย!

ส่วนคนอื่นที่ตายด้วยน้ำมือเขา ยิ่งมากมายนับไม่ถ้วน

กล่าวอย่างไม่เกินเลยได้ว่า ชื่อหลิงเซียวก็คือดาวพิฆาตที่กระหายการต่อสู้ดุจบ้าคลั่งผู้หนึ่ง ทำตามใจตัวเอง ไม่เกรงกฎเกณฑ์สวรรค์ อหังการและอวดดีถึงที่สุด!

ตอนนี้เขาถึงขั้นหมายจะลงมือกับหลินสวิน จะไม่ให้ผู้อื่นตกตะลึงได้อย่างไร

“เกรงว่าเจ้าจะถูกเมินมากกว่า”

ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยน้ำเสียงเย็นชา ตัวนางเหมือนหิมะน้ำแข็ง สง่างามเหนือปุถุชน

“ฮ่าๆๆ”

ชื่อหลิงเซียวแหงนหน้าหัวเราะร่า “ก็เกรงว่าเขาหลินสวินจะตั้งรับการโจมตีของข้าไม่ได้!”

เสียงหนักแน่นกึกก้อง กังวานทรงพลัง!

ขอเพียงเป็นคนเช่นเดียวกับเขา ล้วนบ่มเพาะความเชื่อมั่นว่าไร้ศัตรูต้านทาน จะกลัวการต่อสู้ได้อย่างไร

หากหลินสวินแข็งแกร่งถึงที่สุดจริง เช่นนั้นก็ช่างเถิด แต่หากชื่อไม่สมตัว ชื่อหลิงเซียวย่อมฆ่าเขาโดยไม่เกรงใจ

เหตุผลหรือ

ฆ่าคนยังต้องมีเหตุผลด้วยหรือ

นี่ก็คือชื่อหลิงเซียว อหังการ อวดดี ยโสโอหัง แต่ในขณะเดียวกันก็แกร่งกล้าถึงที่สุด หาไม่แล้วด้วยอุปนิสัยใจคอของเขานี้ เกรงว่าคงประสบเคราะห์ไปนานแล้ว

“ข้าล่ะอยากเตือนเจ้าเสียหนึ่งประโยค อย่าทำเรื่องโง่เขลา ดูจุดจบของบุตรนรกกับกู่ฝอจื่อสิ เจ้าก็คงรู้ผลลัพธ์ของการลงมือ”

หลิ่นเสวี่ยเอ่ยเสียงเรียบ

ประโยคเดียวทำเอาประกายแหลมคมพลันไหวเคลื่อนในดวงตาของชื่อหลิงเซียว เอ่ยว่า “แม้จะรู้ว่าเจ้ากำลังยั่วยุข้า แต่ข้าก็ยอมตกหลุมพรางนี้อยู่ดี”

โครม!

พูดถึงตรงนี้เขาพลันพุ่งขึ้นไปในอากาศ ส่งเสียงคำรามยาวออกมา “หลินสวิน รีบข้ามด่านเคราะห์เร็ว ข้ารอสู้กับเจ้าอยู่ตรงนี้!”

ประโยคเดียวดังไปทั่วฟ้าดิน ทำให้ทุกคนในที่นั้นหน้าเปลี่ยนสี

ควรรู้ว่าเทพมารหลินผู้นั้นกำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่ ผิดพลาดนิดเดียวก็ประสบเคราะห์ได้ แต่ตอนนี้ชื่อหลิงเซียวมาท้าต่อสู้เสียได้ นี่เท่ากับเป็นพฤติกรรมบ่อนทำลายอย่างหนึ่ง!

เคราะห์เจ็ดอารมณ์ ที่ทดสอบไม่ใช่ความหวั่นไหวในสภาวะจิตและความรู้สึกหรือ

หากเทพมารหลินได้รับผลกระทบ จุดจบจะดีได้อย่างไร

ไกลออกไปอสนีเคราะห์เป็นชั้นๆ ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก เงาร่างหลินสวินดิ้นรนฟันฝ่าอยู่ภายในนั้น ดูยับเยินหาใดเทียบ คล้ายจะรับไม่ไหวแล้ว

และไม่รู้ว่าจะได้รับอิทธิพลของชื่อหลิงเซียวหรือไม่

“เจ้าทำแบบนี้ออกจะเกินไปหน่อยไหม”

หลิ่นเสวี่ยชำเลืองมองชื่อหลิงเซียวปราดหนึ่ง

“นี่ก็คือเคราะห์! ในเมื่อเขาเลือกข้ามด่านเคราะห์ที่นี่แล้ว ก็ควรเตรียมตัวได้รับการรบกวนจากภายนอก จะโทษใครไม่ได้”

ชื่อหลิงเซียวหัวเราะสดใส “ยิ่งกว่านั้น ถ้าแม้แต่ผลกระทบเช่นนี้ยังแบกรับไว้ไม่ได้ ถูกอสนีเคราะห์ฟาดตายก็สมน้ำหน้าแล้ว”

ทุกคนลอบรำพึงในใจ บ้าคลั่ง บ้าคลั่งเกินไปแล้วจริงๆ การกระทำของชื่อหลิงเซียวผู้นี้เป็นสิ่งที่มาจากลักษณะนิสัยของตัวเองทั้งสิ้น ดูเหิมเกริมไม่หวั่นกลัวถึงที่สุด

หลิ่นเสวี่ยไม่พูดอะไรอีก

แม้นางไม่เห็นด้วยกับการกระทำชั่วของชื่อหลิงเซียว แต่ก็ออกหน้าแทนหลินสวินไม่ได้ ถึงอย่างไรนางกับหลินสวินก็เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก เหมือนเป็นคนแปลกหน้า

นางไม่สามารถไปช่วยหลินสวินสะสางเรื่องยุ่งยาก แล้วไปผิดใจกับชื่อหลิงเซียวแทนได้

“หลินสวิน เจ้าได้ยินไหม ถ้าได้ยินก็ตอบกลับมาสักคำ แน่นอนว่าต่อให้เจ้าไม่ตอบรับ อีกเดี๋ยวข้าก็จะลงมืออยู่ดี!”

ชื่อหลิงเซียวเอ่ยปากเสียงกังวานอีกครั้ง

ทุกคนต่างสูดหายใจเย็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากเปลี่ยนพวกเขาเป็นหลินสวิน ก็ย่อมไม่อาจไม่ได้รับผลกระทบจากชื่อหลิงเซียว

ภายใต้อสนีเคราะห์ หลินสวินเลือดไหลไปทั้งตัว ผิวหนังฉีกขาด ดูยับเยินและน่าอนาถนัก

พิบัติเคราะห์ของเขาไม่เหมือนกับผู้แข็งแกร่งคนอื่น วิปริตขึ้นทุกครั้ง น่ากลัวถึงที่สุด

เขารู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมรรคาที่ตนเสาะหา ถึงอย่างไรตอนข้ามด่านเคราะห์ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเรื่องทำนองนี้มาก่อน จึงเตรียมใจมานานแล้ว

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกยากลำบากและอันตรายหาใดเทียบ ถึงขั้นที่ว่าสามารถยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้ เขาก็ได้รับแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว

และตอนนี้เสียงท้าทายอันเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงของชื่อหลิงเซียวนั่นก็เหมือนเสียงนกการ้องโวยวาย ทำให้หลินสวินหงุดหงิดเล็กน้อย

“วางใจเถอะ รับรองได้ว่าอีกเดี๋ยวจะดึงลิ้นเจ้าออกมา แล้วตบปากให้เละเลย!”

น้ำเสียงเย็นชา

ก็เพราะพูดประโยคนี้ออกมาจึงไขว้เขวเล็กน้อย ทำให้หลินสวินถูกอสนีเคราะห์น่าหวาดหวั่นฟาดฟันลงมาอีก ร่างกายแทบจะตกลงมาจากกลางอากาศ

ชื่อหลิงเซียวหัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ได้ว่า “ได้สิ เจ้าอย่าถูกฟาดตายเด็ดขาดเชียว ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะกลายเป็นตัวตลกของทุกคนในใต้หล้าโดยสมบูรณ์”

ทุกคนต่างทอดถอนใจระลอกหนึ่ง การกระทำนี้ของชื่อหลิงเซียวเท่ากับล่วงเกินหลินสวินยิ่งแล้ว

ทว่าใครๆ ต่างรู้ดีว่าแม้หลินสวินบรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่ แต่คิดจะเอาชนะชื่อหลิงเซียวที่บรรลุระดับนี้นานแล้ว เกรงว่าจะยากนัก!

ควรรู้ว่าอันดับบนกระดานทองคำผู้กล้าของชื่อหลิงเซียวสูงเสียยิ่งกว่าบุตรนรกผู้นั้น!

“เหตุใดถึงตอนนี้ยังไม่จบอีก เป็นเพราะเจ้าอ่อนแอเกินไป หรืออสนีเคราะห์นี้แข็งแกร่งเกินไปล่ะ”

ไม่นานนักชื่อหลิงเซียวเหมือนหมดความอดทนอยู่บ้าง เอ่ยปากเร่ง “เร็วเข้าเถอะ เวลาข้าล้ำค่านัก ไม่มีแก่ใจมาสิ้นเปลืองไปกับเจ้า”

อสนีเคราะห์ตกลงมา ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พิบัติเคราะห์มาแปดเปื้อนถึงตัว ผลลัพธ์นั้นรุนแรงนัก ที่เบาก็บาดเจ็บสาหัส ที่หนักก็จิตทะยานวิญญาณกระเจิง

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลินสวินถึงกล้าข้ามด่านเคราะห์ที่นี่

ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ใครจะกล้าลอบโจมตีคนที่กำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่กลางอสนีเคราะห์

นั่นย่อมไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

แน่นอนว่าการรบกวนด้วยเสียงหรือการเข้าทำลายกลางอากาศด้วยอาวุธลับบางอย่างกลับเป็นสิ่งที่ทำได้

แต่ผู้ฝึกปราณที่ข้ามด่านเคราะห์ล้วนเตรียมตัวอย่างไร้ที่ติไว้ก่อนแล้ว โดยทั่วไปถูกเสียงรบกวนส่งผลกระทบถึงตัวผู้ข้ามด่านเคราะห์ได้น้อยนัก

เช่นเดียวกัน อาวุธลับของผู้ที่สามารถทำลายผู้ข้ามด่านเคราะห์ได้ก็หายากและพบเห็นได้น้อยยิ่ง

ทว่าเคราะห์ที่หลินสวินข้ามอยู่คือเคราะห์เจ็ดอารมณ์ มีผลกับสภาวะจิตและความรู้สึกโดยตรง ชื่อหลิงเซียวเลือกใช้เสียงรบกวน กลับได้ผลดีอย่างอัศจรรย์!

นี่ก็เป็นสาเหตุว่าเหตุใดทุกคนจึงคิดว่าชื่อหลิงเซียวดูเหมือนเที่ยงตรงโปร่งใส แต่ความจริงแล้วใช้วิธีการคดโกงถึงที่สุด

“เจ้าทำได้หรือไม่กันแน่”

ชื่อหลิงเซียวทั้งตะคอกทั้งตะโกนขึ้นมา

ผู้ฝึกปราณบางคนออกจะทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว นัยหมายหัวนี้ช่างชัดเจนนัก!

ตูม!

ก็ในตอนนี้เอง เหนือเวิ้งฟ้าหลินสวินพลันปรากฏตัว พุ่งออกมาจากกลางอสนีเคราะห์ซัดสาด ปล่อยหมัดออกมาหมัดเดียว เมฆาเคราะห์แปดทิศล้วนสลายไป!

ชั่วพริบตาเคราะห์สวรรค์มลายหาย มีเพียงสายฟ้าเจิดจ้าเต็มฟ้าซัดเซ อาบชโลมตัวหลินสวินอยู่ภายในนั้น

เสื้อผ้าเขาขาดวิ่น เนื้อตัวเปื้อนเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ยับเยินชวนอนาถถึงที่สุด

เพียงแต่สีหน้ากลับสงบนิ่งอย่างยิ่ง ทว่าในดวงตาดำลุ่มลึกราวหุบเหวของเขากลับมีไอสังหารเหี้ยมเกรียมไหววูบอยู่

ฟู่!

เขาสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าพลังขับเคลื่อนทั้งกายกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดิน ในใจสงบนิ่งอย่างยิ่ง

ข้ามได้แล้ว!

ทุกคนในที่นั้นสั่นสะท้าน พิบัติเคราะห์ครั้งนี้ย่อมเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน เปิดหูเปิดตาทุกคนนัก

และด้วยเคราะห์นี้ เท่ากับหลินสวินได้บรรลุระดับ จากอมตะเคราะห์ด่านสามเข้าสู่อมตะเคราะห์ด่านสี่โดยราบรื่นแล้ว พลังต่อสู้ของเขาต้องเพิ่มขึ้นแน่!

เพียงแต่เวลานี้ทุกคนกลับไม่มีแก่ใจมาทอดถอนใจ ต่างมองตามสายตาของหลินสวินไปที่ชื่อหลิงเซียวที่อยู่ไกลออกไป

ทุกคนต่างรู้ว่าการต่อสู้ใหญ่ครั้งหนึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้แล้ว!

ยามนึกถึงการท้าทายอย่างออกนอกหน้าเมื่อครู่ของชื่อหลิงเซียว หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นที่อยู่ในที่นั้นคงไม่มีทางทนได้

“เจ้าไม่ใช่รอไม่ไหวหรือ มาสิ!”

หลินสวินเอ่ยปาก น้ำเสียงเย็นชา ไอสังหารกระพือไปทั่วสารทิศ

เขาไม่รู้ว่าชื่อหลิงเซียวเป็นใคร แต่ต่อให้รู้ก็ไม่สนใจอยู่ดี

“เจ้าไม่คิดจะพักสักหน่อยหรือ ข้าไม่อยากฉวยโอกาสเอาเปรียบ หากแพร่ออกไป ต่อให้ชนะก็เป็นเพราะได้เปรียบ ข้าจะเสียหน้าเอาได้”

ชื่อหลิงเซียวเอ่ยเรื่อยเฉื่อย

ทุกคนต่างหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เจ้าส่งเสียงท้าทายและก่อกวน ไหนเลยจะไม่ใช่ฉวยโอกาสเอาเปรียบ

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท