Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1295 เทพมารหลินปะทุโดยสมบูรณ์

ตอนที่ 1295 เทพมารหลินปะทุโดยสมบูรณ์

เทพมารหลินจบสิ้นแล้ว!

ไกลออกไปเหล่าผู้กล้าต่างสั่นสะท้าน อามรมณ์ความรู้สึกซัดกระเพื่อม

ในการต่อสู้นี้ เดิมทีอานุภาพของหลินสวินประหนึ่งสายรุ้ง เข้าบดขยี้ไป๋หลงถิงเสียจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้ ทว่ายามนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว!

คนที่ลงมือไม่ได้มีเพียงแค่ไป๋หลงถิงคนเดียวเท่านั้น ยังมีบุคคลฝีมือร้ายกาจเช่นเดียวกันอีกหลายคน ทำให้หลินสวินตกอยู่ในวงล้อมทันที

เสมือนกับผิดล้อมสัตว์!

“นี่ก็คืออำนาจ หลินสวินหมายช่วยคนและพลิกสถานการณ์โดยลำพัง ย่อมไม่ต่างอะไรกับการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง!”

มีคนฮึกเหิม อยากให้หลินสวินถูกสังหารจนใจแทบขาด

“พวกเจ้าไม่รู้สึกเลยหรือว่าการมีมิตรสหายอย่างหลินสวินจึงจะเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ครั้งนี้หากไม่ใช่เพื่อช่วยชีวิตสหายของเขา หลินสวินมีหรือจะต้องเผชิญอุปสรรคเช่นนี้”

บางคนทอดถอนใจด้วยความซาบซึ้งในการกระทำของหลินสวิน

ชื่อเหยาที่อยู่อีกด้านหนึ่งกำลังใคร่ครวญคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลาย พร้อมกับมองดูเงาร่างที่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมอยู่ไกลๆ แต่ยังคงต่อสู้อย่างห้าวหาญด้วยร่างกายที่ชุ่มเลือด ในใจยิ่งรู้สึกขัดแย้ง

ควรจะ… ลงมือดีหรือเปล่า

นานทีปีหนจะมีโอกาสสังหารหลินสวิน!

“พี่ใหญ่…!”

ภายใต้เคราะห์สวรรค์ อาหลู่โกรธจนเบิกตาโพลง นัยน์ตาแดงเถือก เขากำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการข้ามด่านเคราะห์ ทว่าเมื่อเห็นสถานการณ์ของหลินสวินยังจะยืนเฉยอยู่อีกได้อย่างไร

มีพริบตาหนึ่งที่เขาอยากละทิ้งทุกสิ่ง พุ่งสังหารเข้าไปเต็มกำลัง ดับสลายไปพร้อมกับศัตรูเหล่านั้น!

แต่เมื่อได้ยินสียงร้องคำรามของอาหลู่ ในใจหลินสวินสั่นไหวขึ้นมาโดยพลัน รู้ว่าไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป หาไม่จะเป็นการรบกวนอาหลู่ มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จ

“อาหลู่! ตั้งสติจดจ่อกับการข้ามด่านเคราะห์ พวกไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาฝูงนี้ไม่มีปัญญาทำอะไรพี่ใหญ่ของเจ้าได้!”

หลินสวินสูดหายใจเฮือกใหญ่ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป กลับได้รับเสียงหัวเราะเย็นชากลับมา เผชิญสถานการณ์เป็นตายแท้ๆ ยังมีหน้าพูดปลอบใจคนที่ใกล้จะข้ามด่านเคราะห์ล้มเหลวอีก เทพมารหลินผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือ

“พี่ใหญ่ ข้าเชื่อท่าน!”

บนห้วงอากาศอาหลู่สงบนิ่งลงอย่างน่าประหลาด ส่งเสียงร้องคำราม ไม่มองการต่อสู้ที่อยู่ห่างไปนั้นอีก ตั้งสติเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การข้ามด่านเคราะห์

ลึกลงไปยังก้นบึ้งของจิตใจบังเกิดแรงปรารถนาและความมุ่งมั่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่ว่าอย่างไรจะต้องข้ามด่านเคราะห์ให้สำเร็จ!

หากครั้งนี้หลินสวินต้องมีอันเป็นไป เขาสาบานว่าจะสังหารศัตรูทั้งมวลให้สิ้นซาก นำเลือดและชีวิตของพวกเขาฝังไปพร้อมกับหลินสวิน!

แรงปรารถนานี้แฝงความแน่วแน่อันแรงกล้าเอาไว้ ทำให้ทั้งตัวอาหลู่จมสู่ความบ้าคลั่งอย่างขีดสุด ทั้งอยู่ในสภาวะจิตที่นิ่งสนิทที่สุดอีกด้วย

“เหอะ ยังมีหน้ามาแสดงละครสายสัมพันธ์เพื่อนพ้องน้องพี่อยู่อีก อยากจะอ้วกนัก!”

ท่ามกลางการต่อสู้ บุตรนรกหัวเราะเยาะเย้ย ไม่ปิดบังคำเย้ยหยันของตนแม้แต่น้อย

คนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าเย็นชาราบเรียบหาใดเปรียบเช่นกัน

นี่เป็นสถานการณ์ตาย!

ไม่ว่าใครมาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!

“หลินสวิน ยอมแพ้เสียเถิด ครั้งนี้ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้อีกแล้ว ข้านับถือการเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงของเจ้า สามารถมอบความตายอันทรงเกียรติให้แก่เจ้าได้”

ไป๋หลงถิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“ข้าหลินสวินหากอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เหตุใดต้องยืมมือคนอื่นเข้าช่วย”

และพร้อมกันนี้หลินสวินเงยหน้าขึ้นมาทันที นัยน์ตาลึกล้ำมีไอสังหารเยียบเย็นวาบผ่าน “ข้าบอกแล้ว พวกเจ้าก็เป็นแค่ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาฝูงหนึ่ง!”

น้ำเสียงและทุกคำที่เอ่ยออกมาราวกับฟ้าผ่า ถึงกับบดบังเสียงของเคราะห์สวรรค์จนมิด เลื่อนลั่นไปทั่วเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน!

พร้อมกันนี้บนร่างหลินสวินปรากฏกลิ่นอายน่าครั่นคร้ามที่ไม่เคยมีมาก่อน ราวกับภูเขาไฟที่กักเก็บมาเนิ่นนาน ปะทุออกมาโดยสมบูรณ์!

“หืม”

“ไม่ได้การ!”

“นี่…”

ไป๋หลงถิง บุตรนรก และคนอื่นๆ ที่กำลังปิดล้อมต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป ล้วนสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของหลินสวินในเวลานี้ ถึงกับแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ช่วงใหญ่!

“ตาย!”

และในเวลานี้ หลินสวินที่เป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอดปล่อยหมัดออกไปทันใด

ตูม!

ห้วงอากาศพังครืน สรรพสิ่งดับทลาย

หมัดที่คุโชนถูกปล่อยออกไปราวกับโซ่ตรวนทลายห้วงกาลเวลา เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้ฟ้าดินสั่นไหว

“อ๊าก…!”

เสียงร้องโหยหวนอเนจอนาถดังขึ้น ชายชุดดำที่ถือดาบศึกเจิดจ้าราวหิมะถูกพลังหมัดบดขยี้และจมมิด

ก็เห็นร่างของเขาตั้งแต่ศีรษะ ลำคอ หัวไหล่ ลงมาถึงขาทั้งสอง ทุกชุ่นแตกสลาย เลือดเนื้อปลิวลอยไปทั่วแผ่นฟ้า

พลังหมัดดุดันนั่นเพิ่งห้อทะยานออกไปก็แผ่ขยายเต็มที่ ทำให้ห้วงอากาศตรงนั้นทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดยักษ์

ทั้งลานเงียบกริบโดยพลัน

ทุกคนตะลึงงันปากอ้าตาค้าง ทื่อทึ่มมองดูทุกสิ่งนี้

ก่อนหน้าเห็นชัดๆ ว่าหลินสวินถูกปิดล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา ใกล้จะร่วงหล่นเต็มที แต่ยามนี้ทั้งหมดกลับพลิกผันเสียอย่างนั้น

หมัดนี้สังหารศัตรูกร้าวแกร่ง ซ้ำยังฉีกทลายกำแพงเหล็กที่ปิดล้อมเอาไว้ได้อีกด้วย!

แม้จะเป็นบุคคลร้ายกาจอย่างไป๋หลงถิงหรือบุตรนรก ต่างก็ประหวั่นพรั่นพรึง แทบไม่กล้าเชื่อ หรือว่าก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บงำพลังมาโดยตลอด

“ตาย!”

ทั้งหมดนี้ว่าไปแล้วเหมือนเชื่องช้าแต่อันที่จริงกลับรวดเร็วสุดขีด หลังจากสังหารชายชุดดำผู้นั้น หลินสวินสำแดงตัวตนออกมาอย่างหมดจดราวกับมังกรที่จำศีลอยู่แรมปีออกจากหุบเหว

ตูม!

อีกหนึ่งหมัดโฉบพุ่ง กดข่มไปทางผู้หญิงรูปร่างเพรียวบางที่ถือแส้มังกรแดงผู้นั้น

“เปิด!”.ไอลีนโนเวล.

ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้อง แสงมรรคสีทองอร่ามทั่วเรือนกายระเบิดขึ้น สั่นสะเทือนเต็มกำลัง

แต่ภายใต้หมัดนี้ของหลินสวิน แส้ยาวในมือของนางระเบิดเป็นเสี่ยงราวกับเศษกระดาษเป็นสิ่งแรก จากนั้นชุดศึกที่ปกคลุมทั่วเรือนกายของนางถูกทุบจนแหลก หน้าอกยุบตัวลง ถูกหมัดอันเจิดจ้าเจาะทะลวงเป็นรูเลือดทั้งเป็น!

หมัดเดียวทะลวงอก!

ผู้หญิงคนนั้นก่อนตายยังเบิกตากว้าง สีหน้างุนงงและยากจะเชื่อ

จากนั้นเงาร่างของนางก็แตกสลายหายไป

นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ทุกคนในลานต่างเงียบกริบ สั่นไปทั้งตัว

นับตั้งแต่หลินสวินสำแดงการโต้กลับ เพียงแค่สองหมัดก็สามารถสังหารบุคคลขอบเขตมกุฎที่บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านหกได้ พลังต่อสู้ที่กร้าวแกร่งเช่นนั้นสามารถทำให้เทพผีต่างตื่นตระหนก!

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่อาจคาดคิดถึง ทุกคนล้วนคิดว่าไม่ว่าใครมาอีกก็ไร้หนทางช่วยหลินสวินให้รอดไปได้

ทว่าขณะนี้ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่สามารถทลายสถานการณ์จนมุม เพียงหมัดเดียวก็ขจัดหนทางแห่งความตาย!

“พวกเราโดนหลอกแล้ว!”

ไป๋หลงถิงบันดาลโทสะ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

ก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บงำศักยภาพเอาไว้ ยังสามารถกดดันจนเขาไร้พลังต่อต้าน ยามนี้เขาตอบโต้เต็มกำลัง ใครยังจะเป็นคู่ต่อสู้ได้อีก

“น่าชังนัก!”

บุตรนรกร้องคำรามเช่นกัน

ทว่ายามนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่บนหลังเสือแล้วย่อมลงมายาก ตนอยู่ในสนามรบ คิดจะถอนตัวก็ไม่อาจทำได้

“ฆ่า บุกไปพร้อมกัน!”

มีคนตะโกนร้อง เรียกระดมผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ในลานให้บุกพร้อมกัน ใช้คลื่นฝูงชนเข้าปิดล้อมหลินสวิน

เพียงแต่หลินสวินในเวลานี้ตัดสินใจสังหารศัตรูอย่างแน่วแน่แล้ว ไม่มัวรีรอและอดกลั้นอีกต่อไป มีหรือจะกลัวคนเหล่านี้

“ฆ่า!”

ผมดำของเขาพลิ้วไหว เงาร่างพาดขวางราวกับหุบเหวลึก ไอสังหารในใจแผ่ขยายและปลดปล่อยออกมาประหนึ่งภูเขาถล่มทะเลคลั่ง

มรรคและวิชาทั้งหลายอย่าง โทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว… ล้วนถูกหลินสวินสำแดงออกมาเต็มกำลัง

ฟุ่บๆๆ!

ภายใต้การสังหารระดับนี้ ผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าในที่นั้นตายคาที่ทันใด

บ้างก็ถูกพลังหมัดอันเจิดจ้าระเบิดสังหาร

บ้างก็ถูกดรรชนีมหาอุดมสลายมายาบดขยี้

บ้างก็ถูกพลังของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรพิฆาต

บ้างก็…

ชั่วขณะเดียวในห้วงอากาศปรากฏฝนเลือดประหนึ่งน้ำตก ศพที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ปลิวว่อน เสียงกรีดร้อง คร่ำครวญและคำรามดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

นี่เป็นภาพที่นองเลือดอย่างที่สุด และหลินสวินที่กำลังบุกสังหารในนั้นก็เหมือนคนวาดภาพ เพียงสะบัดมือก็เกิดภาพล้มตายอันน่าสลด

ไกลออกไปมือเท้าของชื่อเหยาแข็งเย็นไปหมด สีหน้าซีดขาว

ความขัดแย้งในใจนางหายวับไปเนิ่นนานแล้วด้วยฉากนองเลือดนี้ ถูกความหนาวเย็นที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดเข้าแทนที่

แววตาของนางเลื่อนลอย ในครรลองสายตาล้วนเป็นสีเลือดแดงฉานบาดตาถึงเพียงนั้น ผู้แข็งแกร่งร่วงหล่นไปคนแล้วคนเล่าราวกับกระดาษเปื่อย เสมือนดอกไม้ไฟแตกปะทุในพริบตา เมื่อแสงเจิดจ้าดับลงก็กลับสู่ความเงียบงัน

มีเพียงเงาร่างเดียวในนั้น ประดุจเทพมารที่ยืนตระหง่านกลางฟ้าดิน ราวกับเป็นนิรันดร์ไม่อาจดับสลาย อำนาจศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจขัดขวาง ไอสังหารสะท้านฟ้าดิน!

อสนีเคราะห์ที่ม้วนตลบส่องแสงเจิดจ้าบนขอบฟ้า ภายใต้แสงประกายของสายฟ้าที่ผ่าลงมา เงาร่างที่ชุ่มเลือดจากการฆ่าฟันนั้นทั้งทรงพลัง อหังการ และเย็นชาจนพาให้คนสิ้นหวัง!

‘พลาดแล้ว พลาดทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่แรกพวกเขาก็อยู่คนละชั้นกับเขาแล้ว…’

ชื่อเหยาจิตวิญญาณล่องลอง ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือสิ้นหวังดี

“ถอย!”

ไป๋หลงถิงตะโกนขึ้นในนั้น

พลังต่อสู้ของหลินสวินทำให้เขาหวาดกลัวถึงที่สุด ได้รับการกระตุ้นจนเลือกหนีตายโดยไม่ลังเล

แต่น่าเสียดาย สายไปแล้ว!

ยามชื่อเหยาเงยหน้าขึ้นก็เห็นประกายคมขาวเจิดจ้าราวหิมะสายหนึ่งพริบไหวพอดี เฉือนสังหารด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ

จากนั้นไป๋หลงถิงที่ติดสิบอันดับแรกในกระดานทองคำผู้กล้าคนนี้ สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ชื่อเสียงเลื่องลือในแดนเก้าบนมานานแล้ว ร่างกายถูกผ่าเป็นสองส่วน ดับสิ้นทั้งกายใจ!

ชื่อเหยาสั่นไปทั้งตัวคล้ายกับหล่นลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

“แม่นางชื่อเหยา ช่วย…ข้า!”

ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังดังก้องขึ้น

เป็นกู่เทียนอี ชายชุดเขียวที่ก่อนหน้าดูสำเริงสำราญอิสระเสรีและดูแคลนหลินสวินคนนั้น ทว่ายามนี้กลับหวาดกลัวจนเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ผมเผ้าแผ่สยาย สีหน้าคล้ำเขียวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

“ข้า…”

ชื่อเหยาเพิ่งอ้าปากพูด กลับรู้สึกถึงสายตาเยียบเย็นที่กวาดมองมา แววตาลึกล้ำนั่นราวกับเหวลึกไร้ก้น ประหนึ่งสามารถกลืนกินจิตวิญญาณของผู้คนได้

พริบตานั้นชื่อเหยาตัวแข็งทื่อ หัวสมองขาวโพลน

หลังจากนั้นในครรลองสายตาของนาง กระดูกทั่วร่างของกู่เทียนอีแตกเป็นเสี่ยง เลือดและกระดูกแหลกละเอียดปลิวลอย สิ้นชีพกลางห้วงอากาศ!

“ยังคิดหนีอีก”

ทันใดนั้นเสียงเยียบเย็นของหลินสวินดังลั่นกลางฟ้าดิน

ก็เห็นบุตรนรกที่ผมเผ้าสยายแปลงเป็นแสงทะลวงความว่างเปล่าหมายจะหนีออกไปไกลที่สุด เหมือนกับคราวที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน

ฟุ่บ!

ดาบหักโฉบออกไป ตัดแขนข้างหนึ่งของบุตรนรก

และเป็นเวลานี้ที่กาหลอมจิตปรากฏตัวอีกครั้ง ลอยล่องหมุนวน พร่างพรมละอองแสงงดงามออกมา ปิดคลุมร่างสะบักสะบอมของบุตรนรก

เคร้ง!

ดาบหักฟันลงไป กาหลอมจิตนั่นเพียงแค่สั่นไหวคราหนึ่ง

แต่พลังอันน่ากลัวที่ดาบหักปลดปล่อยออกมากลับบดขยี้ร่างที่เสียหายหนักของบุตรนรกเต็มๆ!

“ข้าไม่ยอม ไม่ยอมโว้ย…!”

บุตรนรกส่งเสียงโหยหวนแหลมออกมาอย่างน่าอนาถที่สุด จากนั้นเสียงก็เลือนหายไป

สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ถือกำเนิดในแดนเก้าบนผู้นี้ เกิดมาพร้อมกับโชควาสนายิ่งใหญ่ ครอบครองมหาศุภโชคมากมาย ทว่ายามนี้ยังไม่ทันหลบหนีออกไปก็ถูกเฉือนสังหารแล้ว!

วู้ม!

กาหลอมจิตส่งเสียงอื้ออึงแปลกประหลาด โอบอุ้มศพที่แหลกละเอียดของบุตรนรกท่องหนีไปกลางห้วงอากาศ และลับไปทันที

นัยน์ตาหลินสวินเย็นเยียบ เขาแน่ใจว่าร่างและจิตของบุตรนรกดับสิ้นแล้ว แต่เขาไม่อาจมั่นใจว่ากาหลอมจิตนั่นจะสามารถชุบชีวิตบุตรนรกขึ้นมาได้อีกหรือไม่

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เรื่องเร่งด่วนตอนนี้… คือการสังหารศัตรู!

……………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท