Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1293 รับศึกศัตรูทั้งแปดทิศโดยลำพัง

ตอนที่ 1293 รับศึกศัตรูทั้งแปดทิศโดยลำพัง

ภายในลานจิตมุ่งร้ายเพิ่มทวี!

ทุกสายตาล้วนแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งร้าย เจือด้วยไอสังหาร

‘ดูสิ หลินสวินผู้นี้ต้องตายแน่!’

มุมปากกู่เทียนอีเผยให้เห็นความได้ใจ สื่อจิตกล่าวกับชื่อเหยา เพียงแค่ประโยคเดียวก็สามารถก่อกวนสถานการณ์ได้แล้ว นี่ทำให้เขาสะใจเป็นอย่างมาก

‘นี่เจ้าเท่ากับล่วงเกินหลินสวินแล้ว’

ชื่อเหยาขมวดคิ้ว ภายในใจรู้สึกโกรธขึ้งอยู่บ้าง นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้เป็นนางบอกกู่เทียนอีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอาหลู่และหลินสวิน หากหลินสวินไล่สืบหาเอาความ นางจะต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย

ในส่วนลึกของจิตใจ นางไม่ต้องการเป็นศัตรูกับคนอย่างหลินสวิน

ตั้งแต่ตอนอยู่ที่แดนเผาเซียน นางก็รู้แล้วว่าหลินสวินเป็นคนที่น่าหวาดกลัวเพียงใด ในเมื่อเขากล้ามาเช่นนี้ มีหรือจะเป็นการรนหาที่ตายอย่างโง่เขลา

กู่เทียนอีหัวเราะไม่สนใจ “ล่วงเกินคนตายคนหนึ่งเท่านั้น มีค่าให้ต้องกังวลด้วยหรือ”

ชื่อเหยาเลิกไม่พูดมากความอีก และตัดสินใจว่าจะแยกตัวออกจากกู่เทียนอีอยู่ภายในใจ

“หลินสวิน คำพูดนี้เป็นจริงหรือ”

ไป๋หลงถิงในชุดขาวเอ่ยปากแล้ว เสียงราวระฆังเช้ากลองยามค่ำ ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน

ทุกสายตาภายในลานล้วนมองไปยังหลินสวิน

ทันใดนั้นบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมา ประหนึ่งธนูที่ง้างตึง

เปรียบได้กับฝูงหมาป่าที่จับจ้องเหยื่อตัวหนึ่ง ทว่าบัดนี้กลับปรากฏหมาป่าอีกตัวหมายเข้ามาช่วยเหยื่อ ย่อมทำให้ผู้อื่นบันดาลโทสะ!

หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังเงาร่างที่กำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่บนท้องฟ้านั่น สูดหายใจลึกกล่าวว่า “อาหลู่ เจ้าข้ามด่านเคราะห์อย่างวางใจได้เลย มีข้าอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำอันตรายเจ้าได้แม้แต่น้อย!”

น้ำเสียงราบเรียบหนักแน่น

เขายืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง มองกลุ่มผู้กล้าดุจไร้ตัวตน ท่าทีเช่นนั้นเป็นท่าทีเสมือนหนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจย่างกราย!

ด้านเหล่าผู้กล้าภายในลานล้วนสีหน้ามืดทะมึน ไอสังหารชัดแจ้ง ประโยคนั้นทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าหลินสวินมาที่นี่เพื่อช่วยคนจริงๆ!

นี่ทำให้พวกเขายากจะเชื่อได้ เทพมารหลินนี่คิดหรือว่าจะอาศัยตัวเองเพียงลำพังสยบเหตุการณ์เบื้องหน้านี้ได้

สิ่งที่ต้องรู้ก็คือ ผู้แข็งแกร่งภายในลานแห่งนี้มีจำนวนนับพัน และไม่ขาดพวกทรงอิทธิพลเลื่องชื่อในแดนเก้าบน!

เขาเพียงคนเดียว ยังคิดจะช่วยคนหรือ

นี่ช่างเหลวไหลเสียจนน่าขัน!

“พี่ใหญ่! ข้า…”

ใต้เคราะห์สวรรค์ นัยน์ตาอาหลู่ก่ำแดง เขาใกล้จะหมดหนทางเต็มทน ร่างกายแตกหัก ทว่าบัดนี้ในใจกลับมีความรู้สึกฮึกเหิมและอบอุ่นไหลหลั่งไปทั่วร่างอย่างบอกไม่ถูก

ก่อนหน้านี้เขาเตรียมใจรอรับความตายแล้ว ยอมดับสลายไปในเคราะห์สวรรค์ แต่ไม่ยอมให้ผู้ใดครอบครองวาสนาบนตัวเขา!

แต่การปรากฏตัวของหลินสวิน กลับมอบสิ่งที่เหนือความคาดหมายอย่างที่สุดให้แก่เขา!

“ไม่ต้องพูดแล้ว! จดจ่อข้ามด่านเคราะห์ วันนี้อย่างมากก็แค่ตาย ข้ากลับอยากเห็นนักว่าใครหน้าไหนจะมีปัญญาจัดการพวกเราพี่น้อง!”

ผมดำของหลินสวินพลิ้วไหว นัยน์ตาเย็นชาดุจสายฟ้ากวาดมองไปทั่วลาน แผ่กลิ่นอายไร้รูปที่น่าสะพรึงออกมา ทำให้ลมเมฆในฟ้าดินแถบนี้ผันแปร

คนไม่น้อยลมหายใจสะดุด สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

เวลาสองปีนี้ในแดนเก้าบนปรากฏบุคคลระดับนายเหนือหัวที่กร้าวแกร่งโดดเด่นมากมาย เช่นเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ หยวนฝ่าเทียนเป็นต้น

แต่ใครจะลืมเทพมารหลินได้เล่า

บางทีในสองปีนี้อาจได้ยินข่าวคราวของเขามาน้อยมาก ทว่าขอเพียงเขาปรากฏกาย ต้องโหมกระพือพายุลูกใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน!

และบัดนี้หลินสวินหมายใช้พลังของตน เป็นศัตรูกับผู้กล้าทั้งลาน แม้เห็นชัดว่าเหลวไหลจนน่าขัน แต่ยามที่ต่อสู้กันจริงๆ ต่อให้ท้ายที่สุดสามารถสังหารหลินสวินได้สำเร็จ แต่ผู้ใดจะกล้ารับรองว่าตนเองจะไม่ถูกหลินสวินลากลงไปตายด้วย

“แค่สองปี เขาบรรลุถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านหกแล้ว!”

มีคนเกิดใจสั่น สังเกตได้ถึงกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นของหลินสวิน

พอนึกย้อนว่าสองปีก่อนหน้า หลินสวินซึ่งยังอยู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามก็สามารถไล่สังหารบุตรนรกที่มีปราณอมตะเคราะห์ด่านสี่จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนได้ เช่นนั้นตอนนี้พลังต่อสู้ของเขาจะน่าหวาดกลัวสักเพียงใด

“หลินสวิน เจ้าคงไม่คิดอะไรอ่อนหัด ว่าแค่ตัวเจ้าคนเดียวก็สามารถต้านการโจมตีของพวกเราได้กระมัง”

สีหน้าไป๋หลงถิงเจือยิ้มเย็นชา เขามั่นใจในตัวเอง ทั้งมีรากฐานพลังกร้าวแกร่ง แม้ไม่ได้หวาดกลัวหลินสวิน แต่ก็จะไม่ประมาทเพราะเหตุนี้

“เจ้าสามารถลองดูได้”

หลินสวินเหลือบมองเขาคราหนึ่ง แววตาเย็นชา เขาไม่รู้ที่มาที่ไปของไป๋หลงถิงชัดเจน แต่ต่อให้รู้ก็ไม่สนใจอยู่ดี

วันนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องช่วยอาหลู่ให้จงได้!

ผู้ใดขวาง ผู้นั้นต้องตาย!

“เฮอะ! ดูไม่ออกว่าเจ้าหลินสวินยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพเสียจริง เพื่อช่วยคนที่จะตายอยู่รอมร่อถึงกับกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยง แต่น่าเสียดายที่สหายยุทธ์ทั้งหลายในที่นี้คงจะไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนั้น!”

บุตรนรกกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาเช่นกัน ทั้งตัวเขาดูเลือนรางอยู่ภายในเกราะศึกที่ปกคลุม ไอสังหารพลิกฟ้า

“แพ้แล้วยังกล้าปากดีอีกหรือ ถ้ากล้าก็เข้ามาสู้!”

ในดวงตาหลินสวินไอสังหารแผ่พุ่ง เสียงประหนึ่งฟ้าร้อง ทำเอาผู้แข็งแกร่งไม่น้อยจิตวิญญาณสั่นสะเทือน เบื้องหน้าสายตาปรากฏเป็นแสงดาวทองระยับ

สีหน้าของบุตรนรกไม่น่าดูอย่างที่สุด การพ่ายแพ้ให้หลินสวินคราวนั้นถือเป็นความอัปยศในชีวิตเขา มาบัดนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดภายใต้สายตาของผู้คน ทำให้เขาแค้นจนแทบคลุ้มคลั่ง

“ใต้เท้าบุตรนรก อย่าให้เขายั่วยุท่านได้ เขาทำเช่นนี้เพื่อจงใจถ่วงเวลาเอาไว้ อีกเดี๋ยวขอเพียงพวกเราลงมือพร้อมกันก็สามารถกำราบเขาได้!”

ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวสียงต่ำ

“ตาย!”

ไกลออกไป หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น ยื่นนิ้วชี้ออกไปผ่านห้วงอากาศ

กระบวนท่าห่างไกลล้วนไปถึง!

“อ๊าก!”

เห็นเพียงพลังดรรชนีสายหนึ่งปรากฏออกมาราวกับเคลื่อนย้ายห้วงอากาศ เสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้น ก็พุ่งทะลุคอชายหนุ่มผู้นั้นจนเป็นรูเลือด

จากนั้นร่างและพลังจิตของเขาล้วนแตกระเบิดในพริบตา ทั้งกายและจิตดับสลาย

อานุภาพแห่งหนึ่งดรรชนี สังหารหนึ่งผู้แข็งแกร่งในพริบตา!

ทุกคนเมื่อเห็นภาพดังกล่าวต่างหน้าเปลี่ยนสีไปตามๆ กัน

พวกไป๋หลงถิง บุตรนรก ชื่อเหยา ยิ่งหนังตากระตุก สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย คิดว่าหากตนเจอเข้ากับตัวจะแก้กระบวนท่านี้ได้อย่างไร

“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามาได้เลย ดูสิว่าข้าหลินสวินจะรับมือได้หรือไม่”

เสียงของหลินสวินเยียบเย็น อานุภาพสะท้านผู้คน ทั้งตัวเขาประหนึ่งเหวลึกหมายดูดกลืนสรรพสิ่ง กลืนกินผู้คน

คนไม่น้อยต่างกระสับกระส่าย หันมองกันและกัน แววตาไหววูบ

‘นี่ก็คือพลังอำนาจ เร้นกายเงียบสองปี ยังไม่อาจลบเลือนภาพจำออกไปจากใจผู้คนได้’

ชื่อเหยาแอบทอดถอนใจ

ตัวคนเดียวเผชิญหน้าศัตรูทั้งแปดทิศโดยลำพัง ยังสงบนิ่งได้เช่นนี้ อานุภาพไม่อาจต่อต้าน ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง

นี่ก็คือพลังอำนาจที่มาจากการสังหาร!

ตั้งแต่แดนเผาเซียนมาถึงแดนเก้าบน ช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ ลองนับดูแล้วมีบุคคลขอบเขตมกุฎเลื่องชื่อมากน้อยเท่าไร ต้องกล้ำกลืนความแค้นในใจภายใต้น้ำมือของเทพมารหลิน
…ไอลีนโนเวล
“คุยโวโอ้อวดนัก!”

และแล้วในที่ลับก็มีคนอดรนทนไม่ไหว เรียกกระบี่เทพเล่มหนึ่งฟันใส่หลินสวินโดยตรง

พลานุภาพของกระบี่เทพเล่มนี้ พุ่งทะลุฟ้าดิน สาดส่องจักรวาล!

นี่ไม่ใช่การจู่โจมเพื่อหยั่งเชิง ทว่าเป็นการโจมตีดุเดือดเต็มกำลัง โหดเหี้ยมเผด็จการ

ชิ้ง!

แทบจะในเวลาเดียวกันดาบหักโฉบออกไป ขาวเจิดจ้าราวกับหิมะ แปลงเป็นแสงประหนึ่งมายาสายหนึ่งเข้าสกัดกั้นกระบี่เล่มนั้น

เคร้ง!

เสียงปะทะเสียดหูดังกึกก้อง มองเห็นกระบี่เทพเล่มนั้นถูกกระเทือนจนส่งเสียงครวญวิ้งๆ และกระเด็นลอยออกไป

ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งในที่ลับคนหนึ่งก็ร่างซวนเซ ถูกพลังย้อนกลับ

นี่เป็นชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายคนหนึ่ง มาจากเผ่ากวางมังกรขาว เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่น่าสะพรึงคนหนึ่ง ติดหนึ่งในสามสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้า

แต่การโจมตีนี้ไม่เพียงทำให้เขาไม่สามารถได้เปรียบ กลับยังแอบเสียเปรียบอีกด้วย!

นี่สร้างความไหวหวั่นให้แก่ผู้คนไม่น้อยอีกครั้ง ตื่นตระหนกไม่หยุด ต้องรู้ว่าในสองปีมานี้ผู้แข็งแกร่งรุ่นเก่าบางส่วนบนกระดานทองคำผู้กล้าถูกลมฝนพัดหายไปตามกาลเวลา และมีพวกร้ายกาจรุ่นใหม่ที่ผงาดขึ้นมาแทนที่

ชายชุดผ้าฝ้ายนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ทว่า… เขาเพียงแค่เริ่มจู่โจมก็ต้องพ่ายแพ้ในมือหลินสวิน นี่จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร

‘สองปีมานี้เทพมารหลินเปลี่ยนเป็ฯน่ากลัวยิ่งขึ้นแล้ว!’

คนมากมายใจสั่น

“ทุกท่าน จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ลงมือพร้อมกันเถิด!”

ในมุมมืดมีคนตะโกนขึ้นมา แปรเปลี่ยนเป็นแสงเคลื่อนพุ่งไปยังหลินสวิน

นี่เป็นชายร่างผอมเพรียวคนหนึ่ง ทั่วกายโอบล้อมด้วยแสงเงินระยิบระยับ บริเวณหน้าผากมีเขาเดี่ยวที่ใสแวววาวรายรอบด้วยสัญลักษณ์ลึกลับ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งยิ่งคนหนึ่ง

‘เจ้าคางคก เจ้าดำ พวกเจ้าปกป้องอาหลู่อย่างลับๆ ข้าจะจัดการศัตรูเอง’

หลินสวินสื่อจิต จากนั้นเงาร่างพุ่งออกไป ทั่วเรือนกายราวกับเพลิงลุกโชน ประหนึ่งกลายเป็นเตาหลอมทำลายโลก ทั้งเร็วและรุนแรงราวกับรุ้งเทพ

เขาเริ่มอออกโจมตี ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป

ตูม!

ฟ้าถล่มดินทลาย ห้วงอากาศเกิดความปั่นป่วน

เพียงแค่หมัดเดียวก็มีพละกำลังแข็งแกร่งมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ ราวกับเทพไท้เคลื่อนย้ายภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ แหวกผ่าทะลวงฟ้า พลังมหามรรคที่สำแดงออกมาน่าสยดสยองถึงขีดสุด

เปรี้ยง!

เมื่อเงาร่างของหลินสวินตัดสลับกับชายมีเขา พลังหมัดนั้นก็พุ่งตรงเข้าใส่สมบัติวิเศษจนแตกและบดขยี้แขนของชายผู้นั้น พลังหมัดอันน่าสะพรึงแผ่ขยาย ระเบิดร่างครึ่งหนึ่งของเขาจนเลือดไหลรินไม่หยุด

เร็วเกินไปแล้ว!

หนึ่งการโจมตีที่เด็ดขาดดุดัน สามารถจัดการบุคคลขอบเขตมกุฎที่บรรลุอมตะเคราะห์ด่านหกเช่นเดียวกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย

“ฆ่า!”

บริเวณโดยรอบพลันปรากฏเงาร่างมากมายบุกเข้ามาจากทั่วทุกทิศ จู่โจมมายังหลินสวินพร้อมกัน

วู้ม

รอบกายหลินสวินปรากฏหุบเหวใหญ่แห่งหนึ่ง พร้อมๆ กับที่เขาสำแดงมรรคและกฎเกณฑ์ของตน เหวลึกนั้นเสมือนกำลังหมุนวน ปลดปล่อยพลังกลืนกินที่น่าสะพรึงไร้สิ้นสุด

การจู่โจมทั้งหมดยังไม่ทันเข้าประชิดตัวก็ถูกเหวลึกกำจัดจนหมดสิ้น!

“นี่…”

มีคนตกใจเสียงหลง หลินสวินที่อยู่เบื้องหน้าไม่ต่างอะไรกับหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย ทำให้ผู้คนไหวหวั่น

ฟุ่บ!

พลังหมัดสายหนึ่งถูกปล่อยออกไป ผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งร้องตระหนกเมื่อสักครู่ศีรษะระเบิดในทันใด ร่างไร้หัวล้มลงกับพื้น

ขณะเดียวกันในทิศทางอื่นๆ หลินสวินใช้ทั้งหมัดและดรรชนี ชั่วขณะนั้นวิชาชั้นยอดอย่างมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ดรรชนีมหาอุดมสลายมายาต่างถูกสำแดงออกไป

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เพียงชั่วขณะผู้แข็งแกร่งคนใดก็ตามที่จู่โจมปิดล้อมไว้ ล้วนถูกสังหารอย่างต่อเนื่องอย่างกร้าวแกร่ง ไม่ต่างอะไรกับกระดาษเปื่อย เลือดสดๆ แดงฉานสายแล้วสายเล่าประหนึ่งฝนตกกระหน่ำ หลั่งรดฟ้าดิน

อานุภาพแห่งเทพมารอันไร้เทียมทานที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวหลินสวิน ทำให้ฟ้าดินต้องแปรเปลี่ยน!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ราวกับไม่อาจเอาชนะได้ อาบชโลมเลือดศัตรู เคลื่อนขวางกลางฟ้าดิน!

“เร็วเข้า ลงมือพร้อมกัน!”

ในลานมีคนร้องขึ้น

ไม่ว่าใครล้วนดูออกว่าหลินสวินกำลังสร้างความน่าเกรงขาม หมายใช้วิธีนองเลือดข่มขวัญเหล่าผู้กล้า ทำลายจิตต่อสู้ของทุกคน จะต้องหยุดยั้งโดยทันที

“อันที่จริงข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้า แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาขวางการแย่งชิงวาสนาของข้า ฉะนั้นจึงต้องตาย!”

เสียงถอนหายใจแผ่วเบาดังก้องฟ้าดิน ไป๋หลงถิงในชุดขาวทั้งตัวก็เคลื่อนไหวในที่สุด

คิ้วตาเขาราวกับสายฟ้า เงาร่างเหยียดตรงดุจดั่งหอกทวน ยามเขาก้าวย่างไอสังหารดุจพลิกฟ้าก็แผ่ขยายออกมาด้วย โหมซัดสาดทั่วฟ้าดิน ทำเอาห้วงอากาศบิดเบี้ยวส่งเสียงครั่นครืนอยู่เนืองๆ ประหนึ่งก้มหัวคำนับให้

……………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท