บ้า แม่เสียสติไปแล้ว!
ความหวาดกลัวที่อยู่ก้นบึ้งหัวใจขอหลี่เซียงหลัน กำลังกัดเซาะเธอ!
หลี่เซียงหลันมองไปที่แม่ของเธออย่างหวาดกลัว ไม่กล้าเชื่อว่าคนชั่วร้ายแบบนี้จะเป็นแม่ของตัวเอง แต่แม่กลับไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด พูดราวกับเหตุผลถูกต้องและวาทะเต็มไปด้วยสัจธรรม!
ระหว่างเธอกับหลี่หลาน เป็นเพียงแค่ความอิจฉาริษยาเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดเป็นอื่น
ถึงจะลักพาตัวหลี่เย็นหราน เธอก็แค่อยากต่อกรกับหวางซีและเย่เซิ่งเทียนเท่านั้น และไล่หลี่หลานออกจากตระกูลหลี่
แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะทำลายตระกูลหลี่เลย!
“แม่คะ นะ นี่แม่พูดจริงหรอคะ?”
หลี่เซียงหลันขาสั่นแข้งขาอ่อนแรงไปหมด เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่สายตาอันชั่วร้ายของแม่เธอด้วยซ้ำ
ใบหน้าของเจี่ยงหมิ่นเต็มไปด้วยสีหน้าแห่งชัยชนะ เธอกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัยว่า”แน่นอนว่าสิ่งที่ฉันพูด เป็นเรื่องจริง ของที่เราไม่ได้ทำไมเราจะไม่ทำลายแล้วเหลือไว้ให้คนอื่นด้วยล่ะ?คนที่ผิดก็คือหลี่กั๋วหรง ทำไมฉันจะต้องมารับผิดชอบกับความผิดของเขาด้วยล่ะ?ทำไมฉันจะต้องมาทนกับเรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ?”
“นังโง่ แกมันไม่คู่ควรกับการเป็นลูกสาวฉัน หึ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อน แต่จากนี้ไปถ้ายังไร้ประโยชน์อยู่อีก ฉันก็จะตัดแม่ตัดลูกกับแก!และอีกอย่าง ผ่านไปอีกสักพักแกค่อยไปขอร้องหลี่กั๋วหรงดูอีกครั้ง เขาดูเหมือนจะเป็นคนใจแข็ง แต่ความจริงแล้วเขามันขี้ใจอ่อน ขอแค่แกไปขอร้องเขา หลี่กั๋วหรงจะต้องให้อภัยแกแน่นอน และแก ก็หาโอกาส จัดการฆ่าหลี่กั๋วหรงซะ หลังจากนั้นก็โยนความผิดไปให้หวางซี เข้าใจไหม?”
หลี่เซียงหลันไม่กล้าพูดอะไร ไม่กล้ามองสายตาของแม่
“ไปกันเถอะเซี่ยหมิงหลี่กลับมาวันนี้ ครอบครัวของเราควรได้เจอกันสักที!ถ้าไม่เป็นเพราะหลี่กั๋วหรงตาแก่นั่นไม่ยอมตายสักที เราคงได้อยู่เป็นครอบครัวกันตั้งนานแล้ว”
เจี่ยงหมิ่นรู้สึกผิดหวังกับหลี่เซียงหลันเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
หลี่เซียงหลันก้าวตามหลังไปทีละก้าว คำพูดของแม่เมื่อสักครู่ ทำให้โลกทั้งใบของเธอถึงกับพังทลาย
ก้นบึ้งจิตใจของเธอเหลือเพียงเสียงเดียวเท่านั้น:หลี่เซียงหลัน แกสิที่เป็นลูกของชู้ แกซิที่เป็นลูกชู้ที่แท้จริง
และอีกด้านหนึ่ง หวางซีกำลังพูดกับเย่เซิ่งเทียนว่า”เมื่อกี้เราหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ตอนนี้สิ่งที่คุณตาต้องการก็คือความสุขของครอบครัวที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เราน่าจะเกลี้ยกล่อมคุณตาอีกสักหน่อย อย่าไล่คุณยายออกไป ญาติพี่น้องต่อสู้กันภายในครอบครัวแบบนี้ ตอนนี้สภาพจิตใจของคุณตาจะต้องแย่มากแน่ๆเลยค่ะ”
หวางซีดีทุกอย่าง แต่เธอใจดีเกินไป
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างปลอบใจว่า”อย่าเป็นกังวลไปเลย ในเมื่อนายท่านตัดสินใจมาแบบนี้ เขาจะต้องคิดรอบคอบแล้วล่ะ ช่วงนี้ ขอแค่หลี่เซียงหลันพวกเธอสำนึกผิด จะต้องไม่เป็นอะไรแน่”
หวางซีหัวเราะพลางพูดอย่างขมขื่น”คุณรู้สึกว่าฉันต่างออกไปจากเมื่อก่อนไหมคะ ฉันคิดว่าฉันเปลี่ยนเป็นคนใจร้ายไปแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนค่อยๆกอดเธอเบาๆพลางกล่าวว่า”คุณไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก เป็นเพราะจิตใจของพวกเขาชั่วร้ายเท่านั้นเอง ถ้าแบบนี้เรียกว่าใจร้าย อย่างนั้นในโลกนี้คงไม่มีคนดีแล้วล่ะ”
หวางซีครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า”ฉันคิดว่าเรื่องนี้ประเด็นยังคงอยู่ที่พวกเรานะคะ คุณตาจะต้องรอเราไปพูดให้แน่ๆ คุณตาท่านอายุมากแล้ว ควรจะต้องให้ท่านใช้ชีวิตมีความสุขกับการอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตานะคะ เรายังวัยรุ่นกันอยู่ ถึงจะทนลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้อยู่ที่นี่บ่อยอยู่แล้ว”
เย่เซิ่งเทียนถอนหายใจอย่างหน่ายใจ ไม่ได้ห้ามปรามอะไร
นี่คือธรรมชาติของหวางซี มักจะมองคนอื่นในแง่ดีเสมอ
แต่ทว่า ถ้าไม่ใช่เพราะหวางซีมีจิตใจดีขนาดนี้ เขาจะมีชีวิตอยู่จนถึงปานนี้ได้อย่างไร?
สิ่งที่เขาเฝ้าดูแลทะนุถนอมอยู่ ไม่ใช่ความโอบอ้อมอารีของหวางซีหรอกหรือ?
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าอาจจะทำผิดไป ธรรมชาติของหวางซีก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อก่อนถูกตระกูลหวางรังแกก็เป็นเช่นนี้ ไม่เคยเห็นเธอไปรังแกใคร
เขาอยากให้หวางซีเข้มแข็งขึ้น เปลี่ยนเป็นคนที่ไม่ต้องใจดีขนาดนี้ ตอนนี้เขาพึ่งตระหนักได้ว่าอาจจะคิดผิดไป
ความใจดี เป็นธรรมชาติของหวางซี เปลี่ยนไปได้หรอก!
“ซีเอ๋อร์ คุณใจดีเกินไปแล้ว ถ้าคุณอยากทำก็ไปทำเถอะ”
เย่เซิ่งเทียนเปลี่ยนการตัดสินใจบางอย่างของเขา
หวางซีครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า”ความโอบอ้อมอารีนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องเสมอ ความเมตตาและกรุณา เป็นสิ่งที่ฉันเลือกเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น แล้วอีกอย่าง ฉันคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข”
สมองของเย่เซิ่งเทียนถึงกับตกตะลึง
ราวกับก้าวข้ามผ่านกุญแจไปโดยปริยาย
แต่ในเมื่อทำความดี ก็อย่าได้หวังผล!