Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 598 ตระกูลซ่งแห่งเมืองโมตู
เย่เซิ่งเทียนรีบไปที่เมืองโมตู
ใครเป็นคนเล่นงานซีเอ๋อร์?
มันเป็นการต่อสู้ในธุรกิจหรือการต่อสู้ที่ลึกล้ำ?
หรือจะเป็นศัตรูของตนเอง?
ความคิดทุกประเภทแวบเข้ามาในสมองของเย่เซิ่งเทียน องครักษ์เงาที่เขาส่งไปคุ้มครองหวางซียังไม่ได้ส่งข่าวใด ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุม
และการที่องครักษ์เงายังไม่ลงมือเคลื่อนไหว แสดงว่าเป็นคนในพื้นที่ และองครักษ์เงาไม่สะดวกที่จะลงมือเคลื่อนไหว
หากเป็นคนในพื้นที่ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่การต่อสู้ทางธุรกิจจะเข้ามาเกี่ยวข้อง และจำเป็นต้องเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองกำลังอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการต่อสู้ทางธุรกิจ
หลังจากค้นหาเบาะแสทั้งหมดแล้ว เย่เซิ่งเทียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากเป็นเพียงการต่อสู้ทางธุรกิจก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
หากมีกองกำลังอื่นอยู่เบื้องหลัง…
เย่เซิ่งเทียนพ่นลมออกมาอย่างเย็นชาและกล่าวกับตนเองว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงพวกคุณกล้าแตะต้องญาติของผม ผมจะทำให้พวกคุณตายไร้ที่ฝัง!”
ประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้ญาติกลายเป็นหัวใจของเย่เซิ่งเทียน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นปีศาจที่อยู่ในใจ
ดังนั้น เขาจึงใส่ใจญาติพี่น้องของตนเองเป็นพิเศษ และอาจกล่าวได้ว่าสุดโต่ง
ด้านหนึ่ง เขาจะไม่มีวันให้อภัยตระกูลเย่และตระกูลหมิง และอีกด้านหนึ่งก็ต้องปกป้องญาติของตนเองจากคนชั่วพวกนั้น!
ขณะนี้ เย่ว์อิ่นหลงซึ่งเป็นหัวหน้าองครักษ์เงาส่งข่าวมา
หลังจากเกาเจี๋ยออกไปจากองครักษ์เงาแล้ว เย่ว์อิ่นหลงก็กลายเป็นคนที่รับผิดชอบดูแลองครักษ์เงา ช่วงที่ผ่านมาเขาอยู่ต่างประเทศตลอด และสั่งงานองครักษ์เงาด้วยตนเอง และเพิ่งกลับมาที่ประเทศเมื่อไม่นานมานี้
หลายเดือนก่อน ตอนที่เย่เซิ่งเทียนไม่ได้สติ เย่ว์อิ่นหลงก็เป็นคนสั่งงานองครักษ์เงาในประเทศอเม
ซึ่งงานประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และทำให้ประเทศอเมเกิดความโกลาหลวุ่นวาย
และความแข็งแกร่งของเย่ว์อิ่นหลงนั้นไม่ได้เหนือกว่าเกาเจี๋ย ซึ่งเขาอยู่ในระดับสี่ราชาสงคราม
เย่เซิ่งเทียนมองรายงานที่เย่ว์อิ่นหลงส่งมาอย่างละเอียด เจตนาฆ่าที่รุนแรงค่อย ๆ ปะทุออกมาจากดวงตาของเขา
คราวนี้คนที่เล่นงานหวางซีคือตระกูลซ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งเมืองโมตู
สามยักษ์ใหญ่แห่งเมืองโมตูอย่างตระกูลซ่ง ตระกูลไป๋ และตระกูลหลี่ พวกเขาสามตระกูลแข่งขันกันมานานแล้ว
เนื่องจากตระกูลโจว ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในเมืองโมตูถูกทำลายลงอย่างกะทันหัน สามตระกูลนี้ต่างก็ต้องการตำแหน่งสูงสุดและกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของเมืองโมตู
เพียงแต่ตำแหน่งผู้นำของเมืองโมตูมีเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นช่วงที่ผ่านมา สามตระกูลได้ต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลังมาโดยตลอด
เพียงแต่ตระกูลหลี่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบการปรากฏตัวของเซี่ยหมิงหลี่ ทำให้เกิดความเสียหาย และท้ายที่สุดหวางซีก็กลายเป็นคนที่มีอำนาจบริหารหลี่ซื่อกรุ๊ป
ทางฝั่งของตระกูลไป๋ เนื่องจากเป็นเพราะเฉินซือเลี่ยง ทำให้ไป๋เหวินเซวียนผู้นำตระกูลไป๋รู้สึกหวาดกลัวกับสถานะของเย่เซิ่งเทียน และไม่กล้าแข่งขันกับตระกูลหลี่อีกต่อไป และช่วงนี้พวกเขาก็ถ่อมตนมาก
ทำให้ตระกูลซ่งมองเห็นโอกาส
ดังนั้นตระกูลซ่งจึงใช้โอกาสนี้โจมตีตระกูลหลี่ทันที ต่อหน้าซ่งจื่อหลิน ผู้นำตระกูลซ่งที่เป็นคนเจ้าเล่ห์แล้ว นักธุรกิจใหม่อย่างหวางซีจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?
ดังนั้นภายในเวลาเพียงวันเดียว หลี่ซื่อกรุ๊ปถูกตรวจสอบและอายัด แม้แต่บริษัทหัวหยวนที่เป็นของหวางซีก็ถูกตรวจสอบและอายัดเช่นกัน หวางซีก็ถูกคนของหน่วยงานที่รับผิดชอบนำตัวไปแล้ว
เหตุผลของเรื่องนี้ง่ายมาก จากข่าวของเย่ว์อิ่นหลงว่ากันว่าในงานบุคคลหัวกะทิของวงการธุรกิจเมื่อตอนเช้า หวางซีปฏิเสธคำเชิญของซ่งหยวนลี่ลูกชายคนโตของตระกูลซ่ง
ซ่งหยวนลี่ประกาศว่าต้องให้หวางซีคุกเข่าอ้อนวอนเขา เป็นเพื่อนนอนเขาหนึ่งคืน มิฉะนั้นหวางซีจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง…
หลังจากอ่านข่าวจบแล้ว เย่เซิ่งเทียนหรี่ตาลงอย่างช้า ๆ
ตระกูลซ่ง ช่างทำตัวน่าเกรงขามจริง ๆ
กล้ามารังแกภรรยาของเขาแบบนั้น
ตรวจสอบและอายัดบริษัทที่เป็นของหวางซีทั้งหมดภายในวันเดียว คิดจะแข่งพลังอำนาจเหรอ?
เอาล่ะ ถ้าพวกคุณจะแข่งพลังอำนาจ งั้นก็มาเทียบกันว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน!
เขาจะทำให้คนของตระกูลซ่งได้รู้ว่าภรรยาของเขาเป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถล่วงเกินได้!
……
ขณะนี้ที่เมืองโมตู
ซ่งหยวนลี่กำลังสนุกกับกลุ่มลูกเศรษฐีอยู่ในบาร์
ห้องเต็มไปด้วยควันบุหรี่ ไม่อาจทนดูได้
ผู้หญิงนั่งดริ้งต่างก็บิดสะโพกไปมา แทบไม่สวมอะไรบนร่างกาย
นี่คือความบันเทิงของลูกเศรษฐี
ซึ่งเรียกว่า “คัดเลือกพระสนม”!
ผู้หญิงที่นั่งดริ้งเหล่านี้ไม่ใช่โสเภณี สำหรับลูกเศรษฐีเหล่านี้แล้ว โสเภณีมันต่ำต้อย ไม่มีคุณสมบัติเข้าการคัดเลือก
ผู้หญิงเหล่านี้เป็นเน็ตไอดอลที่สามารถเสียสละได้ทุกอย่างเพื่อเงิน และแน่นอนว่ามีบางคนถูกหลอกมา
ซ่งหยวนลี่กอดหญิงสาวที่หน้าตาสวยบริสุทธิ์ และกวักมือเรียก มีชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ซ่งหยวนลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หวางซีตกลงที่จะอยู่เป็นเพื่อนผมหรือยัง?”