Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 632 คิดบัญชีแค้นย้อนหลัง
หวางซีรู้สึกโมโหมาก เมื่อสักครู่ตอนที่คุณตาอยู่ คนกลุ่มนี้ไม่กล้าพูดอะไรเลย ตอนนี้คุณตาจากไป พวกเขาก็ยืนออกมาพูดต่าง ๆ นานา
“พวกเราให้ทุกอย่างที่พวกคุณต้องการแล้ว อย่ามาบีบบังคับเรามากเกินไป เพราะอย่างไรทุกคนล้วนเป็นญาติกัน เราไม่อยากทำให้เรื่องมันเหี้ยมเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทุกคนรู้สึกเสียหน้า! ฉันขอแนะนำพวกคุณรู้จักขอบเขต!”
หวางซีกล่าวอย่างเย็นชา เธอมองคนพวกนี้ทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่ละคนล้วนเป็นคนถ่อยที่คิดแต่ผลประโยชน์ กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่าและชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แล้วยังซ้ำเติมคนอื่น
เป็นแค่ฝูงแมลงวันเท่านั้น!
เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจแม้แต่จะมองพวกเขา และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ซีเอ๋อร์ คุณไม่จำเป็นต้องโกรธสุนัขโง่เขลาพวกนี้หรอก? พวกเขากำลังรนหาที่ตาย งั้นก็ทำให้พวกเขาสมปรารถนา พวกเราไปกันเถอะ”
“หยุด ให้พวกแกไปได้แล้วเหรอ?”
ตอนนี้หลี่เผิงเฉิงยโสโอหังมาก เมื่อสักครู่ยึดอำนาจสำเร็จ ดูเหมือนว่าหลี่เฟิงจะกลายเป็นผู้นำตระกูล แต่ความจริงแล้วหลี่เฟิงเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น และสามคนที่มีอำนาจพูดอย่างแท้จริง คือคุณปู่ทั้งสามคนของเขา
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่เห็นเย่เซิ่งเทียนอยู่ในสายตา เขาคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตนเอง สามารถฆ่าเย่เซิ่งเทียนได้อย่างสมบูรณ์
และแน่นอนว่าหลี่กั๋วเฉียงและหลี่กั๋วเหว่ยจะไม่ปล่อยเย่เซิ่งเทียนจากไปเช่นนี้ ทำร้ายพวกเขาสองคนแล้ว ยังคิดจะจากไปแบบไม่บาดเจ็บเหรอ?
เป็นเรื่องที่น่าขบขันสิ้นดี
ตอนนี้คณะอาวุโสของพวกเขามีอำนาจอยู่ในมือ แล้วพวกเขาจะกลัวเย่เซิ่งเทียนได้อย่างไร?
ถึงแม้จะสู้เก่ง แล้วไงล่ะ?
ตระกูลหลี่มีนักต่อสู้มากมาย
“พวกคุณคิดจะทำอะไร?”
หวางซีโกรธอย่างสิ้นเชิง นึกไม่ถึงว่าตอนนี้กลุ่มคนไร้ความสามารถพวกนี้คิดจะโจมตีพวกเขา
พวกเขาไม่เข้าใจหรือว่าการที่คุณตายอมรับ นั่นเป็นเพราะคุณตาผิดหวังจนถึงที่สุดแล้ว?
“คิดจะทำอะไร?”
หลี่เผิงเฉิงยิ้มด้วยความดุร้าย “เรื่องที่ทำร้ายฉันนั้นช่างมันเถอะ แต่แกกล้าทำร้ายผู้อาวุโสของคณะอาวุโสของตระกูลหลี่ นี่เป็นการดูหมิ่นตระกูลหลี่! พวกเราไม่สามารถทนได้! ยิ่งไปกว่านั้น คุณปู่ของฉันและคุณปู่รองอายุมากขนาดนี้แล้ว? แต่กลับถูกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตบหน้า เรื่องนี้เคลียร์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แกต้องคุกเข่าและยอมรับการลงโทษจากตระกูลหลี่ มิเช่นนั้นก็อย่าคิดที่จะออกจากตระกูลหลี่ได้อย่างปลอดภัย!”
“พวกคุณล้วนคิดเช่นนั้นเหรอ?”
หวางซีจ้องมองหลี่กั๋วเฉียงและหลี่กั๋วเหว่ย ไอ้แก่สองคนนี้ชั่วร้ายและโง่เขลาจริง ๆ!
“แน่นอนว่าพวกเราคิดเช่นนั้น พวกเราอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่กลับถูกลูกเขยแต่งเข้าที่เป็นคนรุ่นหลานตกหน้า ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป แล้วพวกเราจะพบหน้าผู้คนได้อย่างไร”
หลี่กั๋วเหว่ยกล่าวด้วยความสงบ
ตอนนี้พวกเขายึดอำนาจสำเร็จแล้ว พวกเขาไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
ถ้าวันนี้ไม่ทำให้เย่เซิ่งเทียนพิการ แล้วจะสร้างอำนาจบารมีได้อย่างไร?
หลี่กั๋วเฉียงจิบชาด้วยความผ่อนคลายและกล่าวว่า “หวางซี เธอคิดว่าเธอมอบหลี่ซื่อกรุ๊ปที่ถูกตรวจสอบและอายัดกลับคืนมา แล้วมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้วใช่ไหม เธอต้องรับผิดชอบ! และสามีแต่งเข้าของเธอโกรธจนลงมือทำร้ายพวกเรา จะให้พวกเราละทิ้งการสอบสวนความผิดของเขาเหรอ?”
หวางซีเหลือบมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความกังวล เธอไม่ได้กังวลคนโง่เขลาเหล่านี้ แต่กังวลว่าหากเย่เซิ่งเทียนลงมือ เย่เซิ่งเทียนต้องลงมือหนักอย่างแน่นอน หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันจะทำให้เย่เซิ่งเทียนเสียชื่อเสียง
เพราะสามีของเธอเป็นตัวแทนของเจ้าเทพ หากเสียชื่อเสียงเพราะคนโง่เขลาเหล่านี้ มันจะได้ไม่คุ้มกับการสูญเสีย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวางซีด่าว่า “ฉันขอเตือนพวกคุณอย่าได้คืบแล้วจะเอาศอก ต้องรู้จักขอบเขต สามีของฉันมันไม่ใช่คนที่พวกคุณจะแตะต้องได้ ดังนั้นอย่าหาเรื่องใส่ตัวเองดีกว่า!”
“กลัวแล้วใช่ไหม เป็นพวกภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ภายในขี้ขลาดตาขาว?”
หลี่เผิงเฉิงกล่าวด้วยท่าทางแปลก ๆ “เมื่อสักครู่ตอนที่ทำร้ายพวกเรา แกจองหองมากไม่ใช่หรือ? ตอนนี้พวกเราจะคิดบัญชีย้อนหลัง รู้จักกลัวแล้วเหรอ? คุกเข่าเดี๋ยวนี้ เพื่อเห็นแก่ความเป็นญาติของพวกแกกับตระกูลหลี่ พวกเราแค่หักขาทั้งคู่ของเย่เซิ่งเทียนเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะเอาชีวิตของเขา!”