Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่949 ทะลวงอีกครั้ง
เย่เซิ่งเทียนเริ่มเร่งทำการฝึก ตั้งใจทะลวงเปิดเสินฉางธาตุไฟกับเสินฉางธาตุทอง
หัวใจเป็นธาตุไฟ เสินฉางธาตุไฟจะอยู่ที่หัวใจ
ปอดเป็นธาตุทอง เสินฉางธาตุทองจะอยู่ที่ปอด
หัวใจคือส่วนที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ แม้แต่เย่เซิ่งเทียนเอง ก็ไม่กล้าทดลองง่าย ๆ
ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจเปิดเสินฉางธาตุทองก่อน
ได้มีประสบการณ์จากการทะลวงเปิดเสินฉางมาสามธาตุแล้ว การทะลวงเปิดเสินฉางธาตุทองในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามีความเร็วขึ้นอีกมาก
บวกกับตำราที่เซียวเทียนเฉิงให้มานั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เทียบกับตำราที่ตระกูลจงให้มานั้นห่างกันไปหลายระดับ
“เป็นความจริง ‘กลางคืนม้าไม่ได้กินหญ้าไม่อ้วน คนไม่ได้ลาภลอยไม่รวย’ คิดจะได้ตำรามาให้เร็ว ก็ต้องหลอกเอามา คุณพวกตระกูลลี้ลับพวกนี้มีพื้นฐานลึกล้ำมาก หลักวิชาหลากหลาย ฉันต้องไปหลอกเอามาไว้บ้าง การทำเป็นคนซื่อสัตย์เถรตรงนั้นคงจะไม่ได้ดีแน่”
หลังจากเปิดเสินฉางธาตุทองแล้ว เย่เซิ่งเทียนได้ประมวลผลสรุปเองมาได้
ก็ไม่ถูกนะ เรียกว่าหลอกลวงไม่ได้สิ ต้องเป็นการวางแผน
เรื่องของการศึกษา จะเป็นการหลอกลวงได้ยังไง?
ใช้เวลาพักผ่อนไปไม่กี่นาที เย่เซิ่งเทียนใคร่ครวญดู จะแปรสภาพเสินฉางธาตุน้ำ、เสินฉางธาตุไม้กับเสินฉางธาตุดินไปใช้ตามแบบตำราที่เซียวเทียนเฉิงให้มาก่อนดี หรือจะทะลวงเปิดเสินฉางธาตุไฟก่อนดี?
ตำราที่ตระกูลจงให้มานั้นมันประเภทกากจริง ๆ แค่ขั้นยังเข้าไม่ได้เลย
“อย่าทำการไปโดยเร่งร้อนเกินไป น่าจะเปลี่ยนใช้หลักวิชาของตำราใหม่มาแทนที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เย่เซิ่งเทียนตัดสินใจเป็นแน่ชัด คิดว่าถ้ากำลังทำการทะลวงเปิดเสินฉางธาตุไฟอยู่นั้น ส่วนที่เปราะบางจากหลักวิชาในตำราที่ตระกูลจงให้มา อาจเป็นไปได้ที่จะทิ้งผลร้ายเอาไว้ให้
คิดได้มาถึงจุดนี้ เย่เซิ่งเทียนไม่มีอะไรต้องลังเล เริ่มจัดการเปลี่ยนหลักวิชาใหม่
กระบวนการนี้ใช้เวลาต่อเนื่องไปถึงหนึ่งชั่วโมงจึงสำเร็จ
หลังจากนั้น เย่เซิ่งเทียนทะลวงเปิดเสินฉางธาตุไฟทันที
การทะลวงเปิดเสินฉางธาตุไฟ ต้องใช้เวลาไปถึงสามชั่วโมงจึงจะสำเร็จ
ในทันทีที่เสินฉางธาตุไฟได้ถูกทะลวงเปิดออก เย่เซิ่งเทียนรู้สึกขึ้นได้อย่างชัดเจน เสินฉางห้าธาตุมีความเสถียรเป็นอย่างมาก เขาเองจึงได้เริ่มขับเคลื่อนมันขึ้น
ห้าธาตุที่เป็นคู่ให้แก่กัน ไฟให้เกิดดิน ดินให้เกิดทอง ทองให้เกิดน้ำ น้ำให้เกิดไม้ ไม้ให้เกิดไฟ
เสินฉางห้าธาตุทำให้เกิดการวนเวียนครบวงจรภายในร่างกาย
“แดนลอยเมฆห้าชั้น”
เย่เซิ่งเทียนลืมตาขึ้น ตามที่เหล่าเฟิงบอกไว้ว่า การเปิดเสินฉางหนึ่งจุดก็คือแดนลอยเมฆหนึ่งชั้น
ตอนนี้เสินฉางทั้งห้าของเขาถูกเปิดแล้วทั้งหมด ก็คือแดนลอยเมฆห้าชั้น
เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่งวัน เขาก็ทะลวงเปิดเสินฉางได้ทั้งห้า เรื่องนี้ถ้าแพร่ออกไป ต่อให้ตระกูลลี้ลับ น่ากลัวจะบ้ากันถึงคลั่งได้
แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีปรากฏ ภายในเวลาวันเดียวทะลวงเปิดเสินฉางทั้งห้าธาตุได้สำเร็จ!
แต่สำหรับเย่เซิ่งเทียน ไม่ได้ดีใจ และก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแม้แต่น้อย
เพราะว่าศัตรูของเขานั้น แข็งแกร่งมากเกินไป
เพียงแค่หนึ่งแดนลอยเมฆ ไม่พอจะให้มองเลย
ภาระที่หนักอึ้งทั้งทางที่ยาวไกล
“อื๋อ?”
ในขณะนั้นเอง เย่เซิ่งเทียนรู้สึกมีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในตัวในทันใดนั้น จึงรีบตรวจสอบ
กลับทำให้เขาต้องตกใจ
นี่เป็นพลังวิชาอมตะที่ปู่หอคอยให้มาหรือ?
เย่เซิ่งเทียนให้รู้สึกอัศจรรย์ใจอยู่หน่อย ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะฝึกอย่างไร วิชาอมตะก็ไม่เคยได้เห็นมีก้าวหน้า
เดิมก็ได้คิดจะกลับไปถามปู่หอคอย ปรากฏว่าปู่หอคอยได้พาเย่ว์อิ่นหลง ไม่รู้ไปกันที่ไหนแล้ว
ไม่คิดว่าในทันทีที่เสินฉางห้าธาตุสำเร็จครบวงจร วิชาอมตะ กลับเข้ามาแทนที่หลักวิชาแดนลอยเมฆห้าเล่มที่ตระกูลเซียวให้มา
เดิมทีต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง เสินฉางห้าธาตุจึงจะสามารถเสร็จการครบวงจร!!
“ฉันรู้แล้ว การฝึกวิชาอมตะ จำเป็นต้องทะลวงเปิดเสินฉางห้าธาตุ มิน่าที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะฝึกอย่างไร วิชาอมตะนี่ก็ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า ทว่า ปู่หอคอยนั่นมีที่มาที่ไปยังไงกัน?วิชาอมตะนี้พอได้ขับเคลื่อนขึ้นมา ยังคล่องโล่งสมบูรณ์กว่าหนึ่งฉางหนึ่งหลักวิชา”
“รอให้เขากลับมากันแล้ว ฉันจะต้องถามกันให้ชัด ๆ”
ขณะเดียวกัน เย่เซิ่งเทียนก็ได้พบว่าวิชาอมตะมีดีอีกอย่าง ก็คือยังสามารถปิดบังพลังฝีมือแท้ ๆ ของตัวเอง ทำให้คนอื่นไม่สามารถทดสอบสืบหาได้
นี่สำหรับเย่เซิ่งเทียนแล้ว เป็นผลดีอย่างมาก ๆ
เมื่อครู่นี้เขายังรู้สึกเจ็บปวดใจอยู่ในการที่ต้องคิดหลอกเซียวเทียนเฉิง ตอนนี้เขาจะได้ไม่ต้องคิดแล้ว
กับเซียวเทียนเฉิง แน่นอนว่าจะให้เขารู้ถึงพลังฝีมือแท้จริงของตัวเองไม่ได้ จะต้องเก็บงำไว้