Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1344 เหล่าอริยะออกโรง

ตอนที่ 1344 เหล่าอริยะออกโรง

มหายุคสิบปี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่เพียงดินแดนรกร้างโบราณ ยังเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของผู้แข็งแกร่งมากมายด้วยเช่นกัน

ที่เห็นชัดมากที่สุดในนั้นก็คือ สิบปีมานี้ทั่วหล้าปรากฏผู้แข็งแกร่งระดับราชันจำนวนมหาศาล!

และสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่แต่เดิมอยู่บนมรรคาอมตะ ก็อาศัยโอกาสมหายุคครั้งนี้ ทำให้ปราณแห่งตนบังเกิดการเปลี่ยนแปลงรุดหน้าแบบก้าวกระโดด

แต่สุดท้ายก็แค่สิบปีเท่านั้น

สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอูจินหวน ฮวาซิงฉวี่ ก็เป็นบุคคลที่เสมือนเจ้าเหนือหัวในดินแดนรกร้างโบราณตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว

บนมรรคาอมตะ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นผู้อาวุโสยอดฝีมือ!

ทว่าตอนนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าสองคนอย่างอูจินหวน ฮวาซิงฉวี่ ต่างถูกบั่นหัวหลุดจากบ่าในชั่วอึดใจ เลือดสาดกระเซ็นระฟ้า

ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ทันต่อต้านและตอบสนอง!

ทั่วลานเงียบกริบ

ในสนามรบโบราณอันกว้างใหญ่ ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนเย็นวาบในใจ หน้าเปลี่ยนสีอย่างที่สุด นี่ก็คือพลังของขอบเขตมกุฎระดับราชัน?

เพียงแต่ จะพลิกฟ้าเกินไปแล้วกระมัง

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ภายใต้สถานการณ์ที่อริยะไม่ออกโรง ก็เพียงพอจะอาละวาดตามพื้นที่ใดๆ ก็ตามในดินแดนรกร้างโบราณ ถูกเชิดชูเป็นราชันเจ้าเหนือหัว!

แต่ภายใต้น้ำมือหลินสวิน กลับเหมือนไก่ดินสุนัขกระเบื้อง ไม่อาจขวางกั้นการโจมตีเดียว!

มีเพียงพวกบุคคลขอบเขตมกุฎในที่นั้นที่รู้ดี หลินสวินในตอนนี้หาใช่มกุฎราชันธรรมดาทั่วไป ปราณของเขาก็อยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดด้วยเช่นกัน!

อย่าว่าแต่ฆ่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ปราณเท่ากันพวกนี้เลย ต่อให้ข้ามระดับสังหารศัตรูก็ง่ายดายสบายมือ

อันดับหนึ่งแดนมกุฎ อันดับหนึ่งกระดานทองคำผู้กล้า ตำแหน่งระดับนี้ล้วนครองอำนาจทั่วทั้งแดนเก้าบน ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้มีหรือจะถูกคนอื่นท้าทายได้ง่ายๆ

อูจินหวน ฮวาซิงฉวี่อาจมากล้นประสบการณ์ จัดเจนกว้างขวาง

แต่ที่น่าเสียดายคือ พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคำว่ามกุฎนี้!

“อ๊า!”

ซางฮูหยินส่งเสียงร้องแหลมออกมา ประหนึ่งได้รับแรงกระตุ้นยิ่งใหญ่ เงาร่างพุ่งพรวดทะยานขึ้น หมายจะหนีไปให้ไกลสุดกำลัง จวนจะเสียสติ

ถึงขั้นที่แม้แต่อาวุธราชันประจำตัวนางยังไม่เอาแล้ว!

และพร้อมกันนั้นทั่วเฉิงจื่อก็สีหน้าแตกตื่นเช่นกัน เลือกจะเผ่นหนี

การตายของพวกอูจินหวนสองคนก็เหมือนค้อนหนักเต้าหนึ่ง ทุบที่พึ่งทางจิตใจของพวกเขาแหลกเป็นจุณอย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของคนหนุ่มตรงหน้าอย่างสมบูรณ์

คนหนุ่มเช่นนี้ ไม่ใช่ ‘เด็กรุ่นหลัง’ ที่พวกเขาสามารถกัดเซาะ เหยียบย่ำ ปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจได้ตั้งนานแล้ว หากแต่สามารถนั่งทัดเทียมกับพวกเขา ถึงขั้นเป็นบุคคลที่สามารถกดข่มความน่ากลัวของพวกเขาได้!

หากเป็นเพียงเท่านี้พวกเขาก็พอฝืนยอมรับได้ ถึงอย่างไรต่อให้พวกเขาสู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็สามารถพึ่งพาขุมอำนาจใหญ่เบื้องหลังมาทำการข่มขู่ได้

แต่ที่ทำให้พวกเขาพังทลายคือ หลินสวินไม่กลัวการข่มขู่เลยสักนิด!

ดังนั้น จึงมีแต่หนี

พรวด!

ดาบบินเขียวมรกตขยับไหว พุ่งโฉบออกไปกลางห้วงอากาศ

จากนั้นอีกหนึ่งหัวก็ถูกตัด เป็นซางฮูหยินจากเผ่าวิญญาณสมุทร

หัวของนางลอยคว้าง ร่างไร้หัวยังคงเผ่นหนีกลางห้วงอากาศเพราะแรงเฉื่อย ไม่กี่อึดใจต่อมาจึงร่วงตุ้บจากห้วงอากาศเสียงกึกก้อง

หัวกับตัวแยกห่างกันแปดพันจั้ง!

ภาพเหตุการณ์แปลกพิลึกนั่น ทำเอาคนทั่วลานมองดูจนเย็นวาบไปทั่วร่าง

และพร้อมกันนั้นเงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิม ขวางอยู่ด้านหน้าทั่วเฉิงจื่อด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

ทั่วเฉิงจื่อแข็งทื่อไปทั้งร่าง ฝีเท้าชะงักกึกโดยพลัน หัวใจล้วนจมสู่ก้นเหวลึก

เขาเอ่ยปากอย่างขมขื่น “หลินสวิน เหลือทางรอดให้กันบ้างได้หรือไม่”

สิ่งที่ตอบเขา คือการโบกแขนเสื้อหนึ่งคราของหลินสวิน

ตูม!

ทั่วเฉิงจื่อคำรามเดือด ต่อต้านเต็มกำลัง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เป็นผล ความแตกต่างห่างชั้นกันเกินไป

ก็เห็นเงาร่างของเขาแตกสลายฉับพลัน กลายเป็นเถ้าธุลีสาดพรมกลางห้วงอากาศ

ดีดนิ้วโบกแขนเสื้อหนึ่งครา ฝุ่นผงลอยคลุ้งมอดดับ!

ฟ้าดินเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง เหล่าผู้กล้าต่างสีหน้าแข็งทื่อกันถ้วนหน้า แม้แต่บุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านั้นก็ยังอดจิตใจสั่นไหวไม่ได้

ตั้งแต่ต้นจนจบเวลาเพียงชั่วอึดใจ สัตว์ประหลาดเฒ่าคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร เข่นฆ่าประหนึ่งฉีกภาพวาด ราบเรียบและง่ายดาย!

เมื่อมองกลับไปยังหลินสวิน เขายังคงสงบเยือกเย็นเหมือนก่อนหน้า บุคลิกงามสง่าไร้มลทิน

“ยังมีใครอยากแก้แค้นแทนศิษย์และลูกหลานตัวเองอีกก็ออกมาได้เลย”

หลินสวินกวาดสายตามองทั่วลาน อาภรณ์โบกพลิ้ว ยืนเหนือห้วงอากาศ ถึงแม้กลิ่นอายจะราบเรียบดุจเมฆเอื่อย แต่บุคลิกกลับผงาดกร้าวกลืนกินภูผาธารา!

ทั่วลานยิ่งเงียบกริบมากขึ้น ไม่มีใครกล้าขานรับ

ในใจทุกคนล้วนผุดคำถามข้องใจนับไม่ถ้วน หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันแน่

ช่วงสิบปีในแดนมกุฎนี้ บนตัวเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้มากน้อยเท่าไหร่กัน

“ทุกท่าน ขอลา!”

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ หลินสวินกวาดสายตามองพวกบุคคลขอบเขตมกุฎที่เคยมีวาสนาพบหน้าค่าตากันสองสามครั้งพวกนั้น ก่อนประสานมือให้จากไกลๆ

จากนั้นเงาร่างก็ขยับไหว จากไปอย่างผ่าเผย

ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครกล้าขัดขวาง!

เนิ่นนานบรรยากาศเงียบสงัดในที่นั้นถึงถูกทำลายลง ผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนักใหญ่ที่มุ่งหน้ามาต้อนรับเหล่านั้น ต่างพากันเริ่มถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในแดนมกุฎช่วงสิบปีมานี้

สิ่งที่ได้รับการจับจ้องจากผู้คนมากที่สุดก็คือ วีรกรรมเกี่ยวกับหลินสวิน

“ศิษย์ละอายใจนักที่ไม่สามารถเข้าสู่แดนเก้าบน ไม่รู้เรื่องราวของหลินสวินแน่ชัด แต่ที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ เขาเหยียบย่างระดับมกุฎราชันแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย”

ผู้แข็งแกร่งที่กลับจากแดนมกุฎในที่นั้น ส่วนใหญ่แทบจะติดอยู่ในแดนเผาเซียนและไร้วาสนาเข้าสู่แดนเก้าบน

พวกเขาย่อมไม่รู้แน่ชัดถึงท่วงท่างามสง่าของหลินสวินในแดนเก้าบน

“แดนเก้าบน หลินสวินเริ่มจากกวาดล้างอาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกเผ่าอีกาทอง เผ่าวิญญาณสมุทร…”

คำถามเหล่านี้ ได้รับคำตอบจากบุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านั้นแล้ว

“หลังจากนั้นนานหลายปี เขาฆ่าบุคคลแห่งยุคคนแล้วคนเล่าอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นบุตรนรก ไป๋หลงถิง กู่ฝอจื่อ…”

ยิ่งรับรู้วีรกรรมเกี่ยวกับหลินสวินมากขึ้น บรรยากาศในที่นั้นก็พลอยเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบมากขึ้นทุกที

สัตว์ประหลาดเฒ่าส่วนหนึ่งยิ่งเหงื่อกาฬท่วมหัว จิตผวาขวัญแขวน หายใจยังยากลำบาก

ที่แท้หลินสวินไม่ใช่ระดับมกุฎราชันธรรมดาจริงๆ ด้วย บนมรรคาอมตะ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นตัวตนระดับเทพมารเจ้าเหนือหัวก็ไม่ปาน!

“อะไรนะ อวิ๋นชิ่งไป๋… ถึงกับตายด้วยน้ำมือหลินสวิน?”

และเมื่อได้รู้ถึงศึกที่หลินสวินสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋ในสังเวียนพิฆาตมาร บรรยากาศทั่วลานที่แต่เดิมก็กดดันมาเนิ่นนาน บัดนี้ระเบิดปะทุดุเดือดเหมือนภูเขาไฟที่สะสมพลังมาช้านาน

ทั่วลานฮือฮา เสียงร้องอุทานดังทั่วสี่ทิศ กึกก้องสะท้อนชั้นเมฆ

สีหน้าแต่ละคนล้วนเปี่ยมแววสั่นสะท้าน

……

และเวลาเดียวกันนั้น ในสถานที่นำทางสองพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแห่งอื่นๆ ในดินแดนรกร้างโบราณต่างก็เดือดปะทุอย่างสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน

“นะ นะ นี่… เป็นไปได้อย่างไรกัน”

สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่รู้ตั้งเท่าไรร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ หวาดผวาไม่ว่างเว้น

ก็ไม่รู้มีผู้แข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหนที่จมสู่ภวังค์ เหม่อลอยเพราะข่าวนี้

ข่าวนี้สะท้านโลกมากเกินไป

อวิ๋นชิ่งไป๋ บุคคลแห่งยุคที่เหมือนตำนานในมรรคกระบี่คนหนึ่ง กลับร่วงหล่นในแดนมกุฎทั้งอย่างนี้ ไม่อาจหวนกลับมาได้อีก

ใครจะกล้าเชื่อ

นี่ก็เสมือนอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ควรลอยสูงทะยาน สาดส่องดินแดนรกร้างโบราณเพียงหนึ่งเดียว จู่ๆ ก็ร่วงตกจากฟากฟ้าไม่มีผิด

ความสะท้านสะเทือนที่บังเกิดขึ้นแค่คิดก็รู้ว่ายิ่งใหญ่ปานใด

“เจ้าเด็กนี่ ถึงกับผงาดเหนือสุดไร้ศัตรูแล้วหรือ”

และยามที่ทำความเข้าใจว่าหลินสวินใช้สถานะอันดับหนึ่งกระดานทองคำผู้กล้าเข้าสู่แดนยอดมรดก หนำซ้ำท้ายที่สุดยังเอาชนะเหล่าผู้กล้าเพียงลำพัง กลายเป็นอันดับหนึ่งแดนมกุฎที่ชื่อเสียงสมคำเล่าลือ

ทุกคนต่างก็พากันอึ้งงัน

ตัวคนเดียว อยู่ในแดนมกุฎสิบปี สร้างตำนานไร้พ่ายปราศจากศัตรู!?

……

ในวันนี้ ดินแดนรกร้างโบราณสั่นสะเทือน

ไม่เจอกันสิบปี เด็กหนุ่มที่เคยถูกสำนักโบราณนับไม่ถ้วนดูถูกไม่เห็นในสายตาในปีนั้น ยามนี้ได้ผงาดเป็นยักษ์ใหญ่ขอบเขตมกุฎบนมรรคาอมตะแล้ว!

ส่วนบุคคลแห่งยุคที่ตายด้วยน้ำมือเขา ยิ่งนับจำนวนไม่หวาดไม่ไหว

ในนั้นยังมีพวกโดดเด่นไร้ใดเปรียบเช่นอวิ๋นชิ่งไป๋ บุตรนรก กู่ฝอจื่อ ไป๋หลงถิง

ข่าวสารทั้งหมดนี้ก็เหมือนลมมรสุม ภายใต้พื้นหลังแห่งมหายุคนี้ ได้ตลบม้วนทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ!

“เจ้าเด็กนี่ ผงาดง้ำสำเร็จแล้ว!”

ยามที่สำนักโบราณส่วนหนึ่งรู้ข่าวเหล่านี้ ล้วนตกสู่ความสะท้านสะเทือน ทอดถอนใจไม่สิ้น

นี่ก็คือศุภโชค!

สิบปี เพราะแดนมกุฎจึงสร้างบุคคลขอบเขตมกุฎที่ประหนึ่งปีศาจคนหนึ่งขึ้นมา การดำรงอยู่ของเขาจะต้องได้รับการจับจ้องจากใต้หล้าอย่างแน่นอน

“ฆ่าลูกหลานขุมอำนาจใหญ่ตั้งมากมายขนาดนี้ เรื่องนี้ยังจะปรานีได้อีกหรือ”

“ปีนั้นมีอริยะหญิงลึกลับคนนั้นคอยหนุนหลังให้เขา ยามนี้อริยะหญิงลึกลับคนนั้นยังจะบังแดดบังฝนให้เขาได้อีกหรือ”

“ผิดแล้ว แค้นฝังลึกระดับนี้ ต่อให้อริยะหญิงลึกลับคนนั้นยังอยู่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขวางการแก้แค้นของขุมอำนาจใหญ่มากมายไว้ได้!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วนดังก้องอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ

แดนมกุฎปิดม่านแล้วจริงๆ แต่ใครต่างก็รู้ดี หลินสวินที่ถูกเชิดชูเป็นอันดับหนึ่งในแดนมกุฎ ต้องรับคลื่นลมระลอกใหญ่ครั้งหนึ่ง!

……

“ปีนั้น เพราะอริยะหญิงลึกลับคนนั้น สำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเราจึงเลือกก้มหัว แต่ครั้งนี้ไม่แล้ว!”

นครหยกขาว ในสำนักกระบี่เทียมฟ้าเสียงแก่ชราหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น

“ขู่หยา อวี๋ซิว พวกเจ้าออกไปสักเที่ยว เอากระบี่เทียมฟ้ากับหัวของเจ้าเด็กนี่กลับมาด้วย!”

วันนั้น พื้นที่หวงห้ามตรงภูเขาด้านหลังสำนักกระบี่เทียมฟ้า เฒ่าชราสองคนที่ปิดด่านไม่รู้ตั้งกี่กาลเวลาก้าวย่างออกจากประตูภูเขา

……

“ฝอจื่อถึงกับประสบเคราะห์เหมือนกัน…”

อารามกษิติครรภ์ ในอารามที่เก่าแก่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง ภิกษุเฒ่าที่เงาร่างผอมแห้งนั่งปัทมาสนะ (นั่งท่าดอกบัว) สายหนึ่งส่งเสียงถอนหายใจเบาๆ ออกมา

“คนนอกรีตนี่ปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆ!”

ภิกษุเฒ่าหยิบปลาไม้ข้างกายขึ้นมา ก่อนเคาะเบาๆ คราหนึ่ง

ตึง!

เสียงธรรมไร้รูปเสี้ยวหนึ่งดังกึกก้องภายใน ‘เขตหวงห้ามวิบาก’ ในอารามกษิติครรภ์

เขตหวงห้ามวิบาก เป็นสถานที่ปิดด่านบำเพ็ญทุกรกริยาของอริยะทุกยุคในอารามกษิติครรภ์ และเป็นหนึ่งในเขตหวงห้ามของอารามกษิติครรภ์ด้วย

“ศิษย์พี่ฝ่าเจิ้ง มีเรื่องหนึ่งอยากขอให้ท่านไปด้วยตัวเองสักเที่ยว”

ภายในอาราม ภิกษุเฒ่าเอ่ยปากเนิบนาบ

……

“เจ้าเด็กนี่ต้องกำจัด!”

“หากอริยะหญิงลึกลับนั่นบุกโจมตี จะต้องเป็นศัตรูกับขุมอำนาจใหญ่ทั้งหมดแน่ ผลที่ตามมาเช่นนี้เกรงว่าแม้แต่นางก็ยังแบกรับไม่ไหว”

“แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน พวกเจ้าอย่าได้เปิดเผยฐานะ”

“ในฐานะอริยะ การฆ่ามกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่ง คิดดูแล้วก็เป็นเรื่องง่ายดาย”

“ไปเถิด”

ในวันนี้ขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าวิญญาณสมุทร สำนักยุทธ์นครนิล เขาวิญญาณหมื่นอสูร ลัทธิบูชาจันทร์เป็นต้น… ต่างก็เริ่มเคลื่อนไหว

ในวันนี้

ดินแดนรกร้างโบราณทั่วทิศ เหล่าอริยะออกโรง

……

“เคราะห์สังหารใกล้ทะยานแล้ว!”

แดนเร้นอริยะ หอฤทธิ์เทพ

มีอริยะที่ใจเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมากะทันหัน ทำนายไว้หนึ่งอย่าง

ในคำทำนายกล่าวว่า เลือดนองดุจสายรุ้ง ครอบคลุมจักรวาล

“มหายุคปีที่สิบ แดนมกุฎปิดม่าน เพราะหลินสวินเด็กคนนี้ ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณสะท้านสะเทือน งูมังกรโผล่ผุดจากแผ่นดิน หายนะตกจากฟากฟ้า เหล่าอริยะออกโรง ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”

“ภายใต้เคราะห์นี้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว เด็กนี่ก็เรียกได้ว่าเป็นคนกล้าแห่งยุค ฝากชื่อไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์”

ภายในหอฤทธิ์เทพ อริยะจับพู่กันขีดเขียน ทุกถ้อยคำทุกประโยคต่างอบอวลแสงมรรค ประหนึ่งบันทึกประวัติศาสตร์แห่งกาลเวลาหลอมประทับอยู่ในนั้น

พู่กันนาม วสันตสารท

กระดาษนาม บันทึกประวัติศาสตร์

ด้วยผลงานแห่งอริยะ จับพู่กันแห่งวสันตสารท ประพันธ์หนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ เรื่องราวที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะต้องเป็นเรื่องใหญ่สามารถสะเทือนนิรันดร์กาล บันทึกไว้เพื่อชนรุ่นหลังทั้งสิ้น

และวันนี้ ชื่อของหลินสวินก็ปรากฏอยู่บนหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ ภายใต้พู่กันวสันตสารท!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท