เพราะในแดนฝึกร่าง ชั้นหนึ่งถึงสาม ถูกเรียกว่าเป็นระดับต่ำ ชั้นสี่ถึงหกเรียกว่าระดับกลางชั้นเจ็ดถึงเก้าถือเป็นระดับสูง
สำหรับคนที่อยู่ในแดนฝึกร่างระดับกลาง จะปราบปรามแดนฝึกร่างส่วนล่างสามชั้นนั้นมันไม่มีปัญหาอะไรเลย
ลู่ฝานชกเข้าไปที่หินฝึกซ้อมวิชาอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ เมื่อรู้สึกถึงพลังที่พุ่งออกมาจากหมัดของเขา เขาก็ได้ทุบหินฝึกซ้อมวิชาที่อยู่ตรงหน้าเขาให้เป็นรอยหมัดอีกครั้ง ในที่สุดลู่ฝานก็มั่นใจแล้วว่า ความแข็งแกร่งของเขาได้มาถึงแดนฝึกร่างชั้นสี่แล้วจริงๆ
ลู่ฝานตื่นเต้นจนเล่นหมัด ตราบใดที่ยังมีความคืบหน้า งั้นก็แสดงว่าเขายังคงมีทางออกทางด้านการฝึกวิชาบู๊
แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงพัฒนาขึ้นมาได้ล่ะ ลู่ฝานจำได้ว่าตอนที่เขาฝึกสามระดับแรก เขารู้สึกเจ็บปวดจนหัวใจแทบวายทุกครั้งที่เพิ่มระดับขึ้นหนึ่งชั้น ราวกับว่ากล้ามเนื้อของเขาฉีกขาดออกจากกัน
แต่ในครั้งนี้ไม่มี ซึ่งแปลกเกินไปจริงๆ
ทันใดนั้น ในสมองของลู่ฝานนึกถึงเหล้าของลุงเฒ่าหวูขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่า……
ในขณะที่ลู่ฝานกำลังคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากที่ไกลมาใกล้ และชายวัยกลางคนร่างท่วมๆ ก็เดินเข้ามา ผู้ชายที่อายุเพียงสี่สิบปีมีผมสีขาวเล็กน้อย และดูซีดเซียวเล็กน้อย
เมื่อเห็นบุคคลนี้ ลู่ฝานก็เลิกแสดงสีหน้าทันที และกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านพ่อ”
คนที่มาคือพ่อของลู่ฝาน ชื่อว่าลู่หาว
“ลู่ฝาน พ่อมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอสักหน่อย”
ลู่หาวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ สีหน้าของลู่ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพอจะเดาได้แล้วว่าพ่อจะพูดอะไรกับเขา
ลู่ฝานกัดฟัน และพูดว่า “พูดมาเถอะ ท่านพ่อ”
ลู่หาวกล่าวอย่างช้าๆ ด้วยความเศร้าใจในสายตา “ลู่ฝาน ทางตระกูลมีการประชุมแล้ว หลังจากเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีนี้ ผู้ที่มีการฝึกฝนไม่เพียงพอทั้งหมดจะถูกปล่อยออกไปข้างนอก ส่งไปยังเมืองเล็กๆ เพื่อจัดการธุรกิจของตระกูล”
ลู่ฝานพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องโทษตัวเอง ลูกเองที่ไม่เอาไหน ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว”
ไม่ใช่ความผิดของเธอ เป็นเพราะพ่อไม่ได้ทำหน้าที่พ่อให้ดี สุขภาพของเธอไม่ดีมาตั้งแต่ยังเด็ก ขาดพลังชี่และเลือด และป่วยเป็นโรค ดังนั้นไม่ควรที่ให้เธอฝึกวิชาบู๊อยู่แล้ว พ่อเองที่เอาความคิดตัวเองเป็นหลัก ปล่อยให้เธอฝึกวิชาบู๊ แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอกลายเป็นเรื่องตลกของตระกูล ความผิดอยู่ที่พ่อทั้งหมด ความพยายามของเธอ
ลู่ฝานรู้สึกว่าขอบดวงตาของเขาเปียกเล็กน้อย และกำหมัดแน่น
ลู่หาวกล่าวต่อไปว่า “ลู่ฝาน พ่ออยากได้ยินทางเลือกของเธอในตอนนี้ ถ้าเธอเลือกที่จะออกจากตระกูล พ่อจะรับประกันให้เธอไปที่เมืองที่ดีที่สุด ดูแลธุรกิจหลักของตระกูล และร่ำรวยและปลอดภัยตลอดชีวิต มันไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว”
ลู่ฝานส่ายหัวช้าๆ ตาแน่น
“ไม่ครับ ท่านพ่อ ผมขออยู่ต่อ”
“เธอแน่ใจหรือ?”
ลู่หาวถามด้วยเสียงเบาๆ
ลู่ฝานพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “ผมจะทำให้ดีที่สุด”
“โอเค สมกับที่เป็นลูกชายของฉันแล้ว พ่ายแพ้แต่ไม่ท้อแท้ แข็งแกร่งดั่งก้อนหิน ลู่ฝาน พ่อก็จะพยายามเท่าที่พ่อจะทำได้ เพื่อช่วยเธออีกแรง”
เมื่อพูดจบ ลู่หาวก็หยิบขวดพอร์ซเลนสีน้ำเงินและสีขาวขวดเล็กๆ จากที่หน้าอกของเขา แล้วยื่นให้ลู่ฝาน “รับไปซะ นี่คือยารวมพลังเธอเอามันไปกินในคืนนี้ อย่างน้อยก็จะสามารถช่วยเพิ่มพลังให้เธอได้บ้าง”
ลู่ฝานตกตะลึงอยู่กับที่ เม็ดยา ท่านพ่อให้ยาเม็ดหนึ่งขวดแก่เขางั้นเหรอ
ลู่ฝานรู้ดีว่าเม็ดยาเป็นของที่หายากเพียงใด และก็มีค่าเพียงใด นี่คือสิ่งที่สามารถกลั่นได้โดยผู้ฝึกชี่ที่หายากอย่างยิ่งในทวีปปราณบู๊เท่านั้น
ผู้ฝึกชี่ที่เรียกว่า เป็นอาชีพที่มีเกียรติสูงส่ง พวกเขามีพลังเท่านักบู๊ มีวิธีการและความสามารถที่แข็งแกร่งกว่านักบู๊ สิ่งที่โดดเด่นที่สุด ก็คือพวกเขาสามารถกลั่นสมุนไพรชนิดต่างๆ ด้วยวัสดุยา ซึ่งแต่ละอย่างมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เมื่อเทียบกับวัสดุยาทั่วไป ซึ่งดีกว่ากันมามายยิ่งนัก
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีผู้ฝึกชี่น้อยเกินไป และเกณฑ์ก็สูงเกินไป เกรงว่าทวีปนี้ก็จะไม่ถูกเรียกว่าทวีปปราณบู๊แล้ว
ลู่ฝานรับขวดพอร์ซเลนสีน้ำเงินและสีขาวอย่างระมัดระวัง ซึ่งรู้สึกหวั่นไหวเกินความบรรยายได้เลยทีเดียว
แม้แต่เม็ดยาระดับต่ำสุด ราคาทางตลาดก็ยังสูงกว่าร้านค้าที่มีทำเลดีหลายแห่งอย่างแน่นอน และยังจะหาได้ยากมาก ในเมืองทั่วไปอย่างเมืองเจียงหลิน มีการกล่าวกันว่าจะมีการขายเพียงหนึ่งถึงสองเม็ดในการประมูลทุกปีเท่านั้น
ลู่ฝานไม่รู้ว่าคุณพ่อของตัวเองจ่ายไปเท่าไหร่ถึงจะซื้อเม็ดยานี้มาได้ แต่เมื่อมองดูผมสีขาวของพ่อ ลู่ฝานก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงตัวเองอย่างยิ่ง
ลู่ฝานพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านพ่อ ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”
ลู่หาวพยักหน้าเบาๆ และเดินออกไปอย่างช้าๆ
ลู่ฝานมองไปที่ด้านหลังของพ่อที่กำลังเดินจากไป และบีบขวดยาในมืออย่างแน่นๆ