ลู่ฝานมองสุนัขแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่ฆ่าแกหรอก พูดขึ้นมา ครั้งก่อนแกช่วยฉันไว้ครั้งหนึ่ง เหอะๆ ถ้าครั้งก่อนแกพ่นไฟเหมือนครั้งนี้ ฉันคงตายไปแล้ว แกเป็นสุนัขหรือเป็นมังกรกันแน่เนี่ย!”
เหมือนสุนัขเข้าใจคำพูดของลู่ฝาน กลอกตามองบน ขณะนั้น เสียงโครกครากดังออกมาจากท้องสุนัข
ลู่ฝานหัวเราะเสียงดัง
“แกหิวแล้วใช่ไหม”
ลู่ฝานพลิกมือ เอาเนื้อย่างที่เตรียมไว้ในแหวนออกมา ส่งให้สุนัข
สุนัขดมก่อนสองสามที แล้วมองลู่ฝาน เหมือนกับกำลังดูว่ามียาพิษหรือเปล่า
ลู่ฝานเพิ่งเคยเห็นสัตว์อสูรฉลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก เขายิ้ม แล้วฉีกเนื้อย่างยัดใส่ปาก เคี้ยวและกลืนลงท้อง
สุนัขเห็นดังนั้น จึงกัดคำใหญ่อย่างโล่งใจ
แม้จะขยับตัวไม่ได้ แต่ยังขยับปากกินได้ ไม่รู้เคี้ยวอย่างไร สุนัขกินอย่างตะกละ จนเนื้อย่างหมดไปหนึ่งชิ้นจากนั้นลู่ฝานเห็นสายตาของสุนัขเปลี่ยนไป เหมือนสัตว์อสูรที่หิวโหยมาก มีแสงสีเขียวสว่างขึ้นมา
ลู่ฝานไม่ต้องพูดอะไรอีก สุนัขกินเนื้อย่างอย่างเอาเป็นเอาตาย กินไปพลาง แรงของมันเริ่มกลับมา ขาหน้าสั้นๆ สองข้าง จับเนื้อย่างแล้วเริ่มกิน
ลู่ฝานมองมัน แล้วยิ้มบางๆ
ไม่นาน สุนัขกินเนื้อย่างชิ้นใหญ่จนหมด ลู่ฝานเอามันวางลงพื้น แล้วพูดว่า “โอเค ถ้าแกเดินได้แล้ว ก็เดินสิ แกไม่ต้องพ่นไฟใส่ฉัน วันนี้โดนแกพ่นจนน่าเวทนาพอแล้ว”
สุนัขฉีกปาก ราวกับกำลังมีความสุข ในปากมีเปลวไฟดำอยู่เล็กน้อย ลู่ฝานรีบเตือนมัน สุนัขก้มหัวลงอย่างว่าง่าย
“ไปเถอะ ไปใช้ชีวิตสัตว์อสูรที่สงบของแก จากความสามารถของแก ไม่แน่ต่อไป อาจเป็นเจ้าแห่งเขาซีซานก็ได้”
ลู่ฝานยิ้มมองสุนัข แล้วพูดกับสุนัข แต่สุนัขกลับไม่มีท่าทีว่าจะไป เบิกตาโตมองลู่ฝาน
ทันใดนั้น สุนัขกัดแขนของลู่ฝาน
ลู่ฝานร้องอย่างตกใจ “อีกแล้วเหรอ ฉันให้แกกิน แกมากัดฉันเนี่ยนะ!”
ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้น ลู่ฝานเห็นภาพมากมาย ผุดขึ้นมาในหัว
ล้วนเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับสุนัขตัวนี้ มันเติบโตอย่างไร ในโพรงถ้ำอันมืดสนิท เอาชีวิตรอดด้วยการอาศัยดอกไม้ทิพย์ดิน
จนกระทั่งเขาเลื่อนแผ่นหินออก เอาดอกไม้ทิพย์ดินไป สุนัขจึงออกมาในป่าลึก โดนสัตว์อสูรต่างๆ นานารังแก หลังจากหลบซ่อนไปทั่ว มันเดินไปตามกำแพงหินอันราบเรียบ แอบเข้าไปในรังมังกร หกล้มคลุกคลานนับไม่ถ้วน แต่กลับลุกขึ้นมาได้หลายต่อหลายครั้ง
ช่วงที่อยู่ในรังมังกร นับว่าสงบสุข เหมือนมังกรฟ้าหกปีกตัวนั้นไม่ค่อยกลับมาเท่าไรนัก มันอาศัยการกัดกินแก้วหินสัตว์อสูร ในการเอาชีวิตรอด เพราะกินแก้วหินไปเยอะ มันจึงมีความสามารถในการพ่นไฟ
สุนัขตัวนี้ใช้วิธีนี้ ในการทำให้ลู่ฝานรู้ว่ามันผ่านอะไรมาบ้าง ลู่ฝานไม่เคยรู้เลยว่าสัตว์อสูรมีความสามารถระดับนี้ด้วย
เมื่อเห็นตอนที่สุนัขออกจากโพรงถ้ำ แล้วโดนสัตว์อสูรต่างๆ นานารังแก ไม่รู้ทำไม ลู่ฝานรู้สึกสะเทือนใจ สัตว์อสูรทุกตัวที่เจอสุนัขจะกลั่นแกล้ง แต่ไม่ทำให้ตาย แกล้งจนเกล็ดทั้งตัวของมันบาดเจ็บไปทั้งตัว จากนั้นจึงปล่อยมัน แล้วก็มาแกล้งอีก
เหมือนสุนัขรับรู้ความรู้สึกของลู่ฝานได้ น้ำตาเม็ดใหญ่ ไหลออกมาจากตาสุนัข ร่วงลงบนพื้น
ภาพสุดท้ายคือช่วงที่สุนัขกินเนื้อย่าง ช่วงเวลานี้ เหมือนเรื่องที่ดีที่สุด ในหลายวันที่ผ่านมา
ลู่ฝานคิดไม่ถึง เนื้อย่างเพียงชิ้นเดียว คือทุกสิ่งทุกอย่างที่มันต้องการ แค่เนื้อย่างเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
สุนัขค่อยๆ ปล่อยออกช้าๆ ลู่ฝานไม่ได้สนใจตรงที่ตัวเองโดนกัด หันไปมองสุนัขแล้วพูดว่า “ที่แท้แกมันก็น่าสมเพช”
สุนัขต้องไม่รู้ความหมายของคำว่าน่าสมเพชแน่นอน แต่มันก็ยังพยักหน้าอย่างสุดชีวิต
ลู่ฝานลูบหัวสุนัข แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ครั้งแรกถือว่าบังเอิญ ครั้งที่สองถือว่าเป็นโชคชะตา แกกับฉันถือว่าเป็นโชคชะตา ฉันเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบแกเอาไว้ดีกว่า ไปกับฉัน ฉันไม่รับรองว่าแกจะอยู่อย่างสบาย แต่มีเนื้อย่างให้กินทุกวันแน่นอน”
สุนัขยังคงพยักหน้าอย่างสุดชีวิต เหมือนมันทำเป็นแต่ท่านี้
ลู่ฝานยิ้มแล้วมองมัน เอาเนื้อย่างออกมาอีก ครั้งนี้ เขากินด้วยกันกับสุนัข
เวลาหยุดนิ่งอยู่ในช่วงนี้ ภาพค้างอยู่ในเวลานี้
สำหรับลู่ฝานแล้ว เขาเพียงแค่ตัดสินใจรับสัตว์อสูรตัวเล็กๆ มาเลี้ยงเท่านั้น
แต่สำหรับสุนัข ช่วงเวลานี้เป็นนิรันดร์