ที่เรือนตงเซียง มีกลิ่นดอกไม้หอมอบอวล
เวลาว่าง3วันผ่านอย่างรวดเร็ว ลู่ฝานอยู่ในห้องไม่ออกมาเลย3วันเต็มๆ เพื่อรอการประลองแบ่งห้อง
มีเสียงระฆังดังเข้ามา ลู่ฝานค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากการฝึกวิชา
เจ้าดำที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นขึ้นมาด้วย จากการพักผ่อนไปหลายวันเจ้าดำก็ฟื้นฟูพลังกลับมาแล้ว
จากนั้น ก็มีเสียงดังเข้ามาจากทุกด้าน
“นักเรียนใหม่ทุกคน ไปรวมตัวกันที่ลานประลองบู๊”
ลู่ฝานลุกขึ้นเปิดประตูออก ก็เห็นนักเรียนเป็นกลุ่มรีบเดินกันออกไปข้างนอก ลู่ฝานก็พาเจ้าดำเดินตามหลังไป
เรือนตงเซียงขนาดใหญ่ มีห้องเป็นหมื่นห้อง มองสุดสายตา
นักเรียนใหม่มีจำนวนมากมาย ใช่คำว่าผู้คนมืดฟ้ามัวดินยังได้ ทุกคนล้วนเดินตามการนำทางของอาจารย์ไปยังลานประลองบู๊
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็มารวมกันยังลานประลองบู๊
ลานประลองบู๊ที่กว้างขวาง ไม่เล็กกว่าเมืองเมืองหนึ่งเลย
นักเรียนนับหมื่นยืนอยู่ในลานประลองบู๊ แต่ก็ยังไม่กินพื้นที่ของลานประลองบู๊ได้เลยแม้แต่มุมเดียว
ไกลออกไป ก็เห็นว่ามีเงาคน10คนลอยอยู่บนอากาศ ล้วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีรัศมีแผ่ออกมาเหมือนดวงอาทิตย์
ไม่ต้องสงสัย 10คนนี้ก็คืออาจารย์เก้าท่านของสถาบันสอนวิชาบู๊บวกกับท่านผู้อำนวยการ
ลอยขึ้นจากพื้นไปบนชั้นเมฆ 10คนนี้อย่างน้อยมีพละกำลังถึงระดับแดนปราณฟ้าขึ้นไป
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ปล่อยพลังปราณออกมา แต่ท่าทางที่น่าเกรงขามเหมือนแพร่ไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทำให้พวกของลู่ฝานรู้สึกหายใจลำบาก
“นักเรียนใหม่ทุกคนมารวมตัวกันพร้อมแล้ว เปิดค่ายกล”
เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้น ลู่ฝานก็รู้สึกว่าทั้งลานประลองบู๊เริ่มเคลื่อนไหว
พื้นด้านล่างลอยขึ้นแล้วมีเสียงดังสนั่น
ลานประลองบู๊ขนาดใหญ่เป็นเหมือนพื้นดินที่ลอยอยู่กลางอากาศ สายลมก็พัดขึ้น ลอยสูงขึ้นไปกว่าพื้นด้านล่าง300กว่าเมตร ในที่สุดก็หยุดลง
นักรเรียนใหม่ทุกคนก็มีเสียงตื่นตกใจ ไม่กล้าขยับ
พื้นกระดานหินก็แยกออกจากกัน แต่ละแผ่นห่างออกไประยะเท่าๆ กัน มีแต่พื้นที่พวกเขายืนอยู่ที่ไม่ได้แยกออกจากกัน ยังคงเป็นสภาพเดิม
ทั้งลานประลองบู๊ถูกแบ่งเป็นเกาะลอยได้หลายร้อยเกาะ จากนั้น แสงสว่างหลายสายก็พุ่งออกมาจากทั่วสารทิศ
มีใบหน้าคนแปลกหน้ามากมายปรากฏขึ้นในเกาะลอย ประมาณ100กว่าคน ทุกคนสวมชุดเผาบู๊สีเงิน ปักอักษรคำว่า วิชาบู๊
ในตอนนี้ บนท้องฟ้าก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
“นักเรียนใหม่ทุกคน เลือกสถานที่ แล้วสู้กันสองคน เริ่มการประลองได้ จนกระทั่งเหลือ10คน”
พอสิ้นเสียง ลู่ฝานก็เห็นคนข้างมากมายบุกออกไป เริ่มแย่งกันไปยึดเกาะลอยไว้ ถึงแม้ลู่ฝานจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่ก็ยังบุกออกไปเหมือนกัน
ด้วยความเร็วของลู่ฝาน ไม่นานก็บุกไปยังเกาะลอยหนึ่งได้ แล้วยืนอย่างมั่นคง ตรงหน้าของเขาก็มีอีกคนบุกมาเหมือนกัน
เกาะหนึ่งสามารถยืนได้2คน คนที่มาทีหลังก็จากไปพร้อมกับสายตาเย็นชาของชายชุดเงินที่อยู่ตรงกลาง
อีกเดี๋ยวพอสู้กัน ถ้ายอมแพ้ ตกลงไป หรือสลบไป ให้ถือว่าแพ้การประลอง ห้ามใช้ยาพิษ หรือยาอะไรที่เกี่ยวข้อง ห้ามลงมือหนัก
ลู่ฝานกับอีกคนก็พยักหน้าเบาๆ
ครูเจียงชิ่นยิ้มพูดว่า “ดีมาก นักเรียนคนนี้กรุณาวางสัตว์เลี้ยงไว้ข้างๆ ด้วย”
ลู่ฝานลูบหัวของเจ้าดำ เจ้าดำก็เดินไปยังตรงเท้าของครูเจียงชิ่นอย่างรู้ความ ครูเจียงชิ่นมองเจ้าดำแล้วก็ยิ้มเบาๆ
เพียงแค่เวลาไม่นาน เกาะลอยทั้งหมดก็มีคนครอบครองหมด แต่ยังมีคนบางส่วนหาเกาะลอยไม่ได้ และกำลังมองไปรอบๆ อย่างร้อนรน
ตอนนี้ก็มีเสียงพูดแข็งๆ ดังขึ้นมา
“คนที่ไม่ได้มายืนบนเกาะลอย จะถูกคัดออก ให้ไปเรือนซีเซียง เพื่อรออาจารย์คัดเลือก”
พอพูดออกมาแบบนี้ นักเรียนพวกนี้ก็อึ้งกันไปหมด ที่แท้นี่ก็คือการทดสอบด่านแรก
ลู่ฝานเห็นดังนั้นก็ยกคิ้วสูงขึ้น ในใจก็รู้สึกโชคดี ยังดีที่ตอบสนองได้ไว วิชากายก็เร็วพอ
เกาะที่ใหญ่ที่สุดค่อยๆ ลงต่ำมา นักเรียนกลุ่มนั้นก็ก้มหน้าเดินจากไปอย่างเสียดาย ลู่ฝานก้มลงไปมอง ก็เห็นว่ามีนักเรียนเก่ามากมายโผล่มาตอนไหนไม่รู้
เห็นได้ชัดว่านักเรียนเก่าพวกนี้มาดูความสนุก พอเห็นนักเรียนที่แย่งพื้นที่ไม่ได้จนต้องออกไปจากที่นี่ ต่างก็พากันหัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ ดูพวกนั้นสิ แค่พื้นที่แค่นี้ก็ยังแย่งมาไม่ได้”
“อย่างน้อยกูก็ยังได้สู้กับคนอื่นเขาอยู่นะ”
……
เสียงหัวเราะที่แสบหู ทำให้นักเรียนที่ถูกคัดออกรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม นักเรียนคนหนึ่งตะโกนออกมาว่า “นี่มันไม่ยุติธรรม ยังไม่ได้บอกกติกาให้ชัดเจนเลย พวกเราแค่ช้าไปก้าวเดียว หรือไม่ก็ยังฟังไม่เข้าใจ ทำไมถึงคัดพวกเราออกแบบนี้ พวกเราก็ต้องการโอกาสทดสอบเหมือนกัน!”
การตะโกนพูดของนักเรียนคนนี้ ได้รับการเห็นด้วยจากคนอื่นๆ ไม่น้อย กลุ่มนี้ก็ลุกฮือตะโกนกันออกมา
ตอนนี้ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้นมา ในสายฟ้าที่พาดผ่านไปมา หัวคนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พูดเสียงดังเหมือนสายฟ้า “เดิมทีในโลกนี้มันก็ไม่มีความยุติธรรม ช้าก้าวเดียว ก็ช้าต่อไปทุกก้าว ต่อให้พวกเธอมีเหตุผลมากมายแค่ไหน ก็เป็นแค่ข้ออ้างจากการพ่ายแพ้ ถ้ายังพูดเอะอะโวยวายอีก จะลงโทษด้วยสายฟ้า”