Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1378 สามกระบี่ฟันฉิน

ตอนที่ 1378 สามกระบี่ฟันฉิน

พลังของกลุ่มคนเบื้องบนตระกูลจั่วถูกกวาดล้าง ก็อยู่ห่างจากการดับสูญไม่ไกลแล้ว!

สามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลหนึ่งสูญเสียพลังข่มขวัญสี่ทิศ อำนาจตกต่ำ จะต้องมีหมาป่าหิวโหยมากมายฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบและเหยียบย่ำ

แต่สำหรับหลินสวินนี่ยังไม่พอ

หลังจากคืนนี้ เขาจะกำราบอิทธิพล พลัง รากฐานทั้งหมดที่ตระกูลจั่วครอบครองทีละก้าว ทำให้ตระกูลนี้ไร้ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะลืมตาอ้าปากได้อีก!

“ตระกูลฉิน ตาพวกเจ้าแล้ว…”

หลินสวินเก็บสายตากลับมา เงาร่างลอยขึ้นและแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนออกไป

หากตอนนี้คนใหญ่คนโตอย่างจักรพรรดิ ราชันกระหายเลือดจ้าวไท่ไหลยังอยู่ จะต้องห้ามการกระทำอันบ้าคลั่งเช่นนี้ของหลินสวินแน่

แต่บางทีทุกอย่างอาจถูกฟ้ากำหนดไว้แล้ว

นครต้องห้ามในคืนนี้ ไม่มีใครสามารถห้ามหลินสวินได้!

……

ภูเขาแสงมรกต

อาณาเขตของตระกูลฉินผู้เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง

“หลังจากคืนนี้ตระกูลหลินจะต้องสิ้นแน่ สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ก็ไม่พ้นความช่วยเหลือของทุกคน มา ข้าดื่มให้ทุกคนสักจอก”

ในตำหนักหรูหรางดงาม แขกผู้มีเกียรติมากันมากมายเต็มงาน ฉินเป่าจี้ผู้นำตระกูลฉินลุกขึ้น ชูจอกพูด

“เชิญ”

ภายในโถงใหญ่มีเหล่าคนใหญ่คนโตที่ถูกเชิญมานั่งอยู่ ต่างชูจอกขึ้นแล้วดื่มหมดในรวดเดียว

“หลังจากสิ้นตระกูลหลิน กิจการในครอบครองของมัน ตระกูลฉินของเรากับตระกูลจั่วจะแบ่งกันฝั่งละสามส่วน อีกสองส่วนถวายให้ราชวงศ์จักรวรรดิ ส่วนที่เหลืออีกสองส่วน ให้ขุมอำนาจแต่ละฝ่ายแบ่งกัน”

ฉินเป่าจี้พูดสบายๆ “เชื่อว่านี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทุกคนอยากเห็น”

“’นั่นก็จริงๆ”

แขกที่นั่งอยู่ต่างพยักหน้า ยิ้มอย่างปลื้มปลิ่ม

หลายปีมานี้ขุมอำนาจที่พวกเขาอยู่ล้วนเคยร่วมเคลื่อนไหวเล่นงานอิทธิพลตระกูลหลิน ถึงขั้นที่ขุมอำนาจซึ่งเดิมทีเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลินยังขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์อย่างชัดเจน

และตอนนี้ ตระกูลหลินกำลังจะดับสิ้น ก็ถึงเวลาที่จะแบ่งทรัพย์หลังศึกแล้ว นี่จะไม่ให้ตัวแทนขุมอำนาจเหล่านี้ดีใจได้อย่างไร

“พี่ฉิน ขอถามสักหน่อยว่าหากภูเขาชำระจิตว่าง ใครจะครอบครอง”

ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้น

บรรยากาศในโถงเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเนื้อชิ้นใหญ่ที่สุดของตระกูลหลิน ก็คือภูเขาชำระจิตที่พวกเขาครอบครอง

ในฐานะหนึ่งในเจ็ดสิบสองภูเขาแห่งอำนาจของนครต้องห้าม หลายปีมานี้พร้อมๆ กับที่เกิดฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ภูเขาชำระจิตก็กลายเป็นถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่หายากแห่งหนึ่ง ความเข้มข้นของไอวิญญาณ เพียงพอจะทำให้ขุมอำนาจใหญ่ใดๆ หมายปอง

อีกอย่าง หากสามารถช่วงชิงภูเขาชำระจิตได้ ยังมีนัยถึงฐานะและอำนาจ!

ฉินเป่าจี้ยิ้มพูด “เรื่องใหญ่เช่นนี้แน่นอนว่าต้องให้องค์ชายสามตัดสินใจ ตระกูลฉินและจั่วทำได้เพียงปฏิบัติตามบัญชา”

ทุกคนได้ยินเช่นนี้ในใจต่างกระตือรือร้นขึ้นมา รู้ว่าหากเกลี้ยกล่อมองค์ชายสามจ้าวจิ่งเหวิน บางทีอาจสามารถครอบครองภูเขาชำระจิตได้

เหนือห้วงอากาศสูงขึ้นไป ภายใต้ท้องฟ้ารัตติกาล หลินสวินยืนอยู่เงียบๆ

จิตรับรู้ของเขาปกคลุมทั้งตระกูลฉินนานแล้ว แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโถงก็อยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด

มุมปากของเขาเผยแววเยียบเย็นออกมาอย่างอดไม่ได้ “ใจร้อนจริงๆ เริ่มฉลองกันเสียแล้วหรือ”

ประโยคเดียวราวกับฟ้าผ่า ระเบิดในห้วงอากาศเหนือภูเขาแสงมรกต เสียงก้องสะท้อนสะเทือนไปทั่วในชั่วขณะ

ในตำหนักที่บรรยากาศคึกคัก เสียงจอแจทั้งหมดล้วนถูกหยุด เหล้าชั้นเลิศบนโต๊ะระเบิดแหลกภายใต้เสียงปึงปัง เป็นระลอก

“ใคร?”

ในโถงสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ต่างลุกขึ้นยืน

สีหน้าของฉินเป่าจี้มืดทะมึน ลุกขึ้นตามมาด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้กลับมีคนมาป่วน เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้หน้าตระกูลฉินของพวกเขา!

จากนั้นในสายตาของพวกเขาก็มองเห็นเงาร่างหล่อเหลาร่างหนึ่งยืนอยู่บนท้องฟ้าไกลห่างออกไป สีหน้าเรียบเฉย กำลังมองลงมายังพวกเขาราวกับเทพก็ไม่ปาน

“คนเดียวหรือ”

ทุกคนอดอึ้งไม่ได้

ในนครต้องห้ามแห่งนี้ ยังมีคนกล้าวางท่าสูงส่งเช่นนี้มาท้าทายตระกูลฉินอีกหรือ

คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่

“เป็นเขา หลินสวิน!”

มีคนร้องด้วยความตกใจ จำฐานะของหลินสวินได้

ทันใดนั้นทั้งโถงต่างกระสับกระส่าย ฮือฮาไม่หยุด ราวกับเห็นผีตัวเป็นๆ อย่างไรอย่างนั้น

ใครก็คิดไม่ถึง ว่าคนหนุ่มที่ทุกคนนึกว่าไม่สามารถกลับออกมาจากดินแดนรกร้างโบราณได้แล้ว กลับปรากฏตัวที่นี่ในคืนนี้!

“หลินสวิน?”

ฉินเป่าจี้เองก็นัยน์ตาหดรัดลง จากนั้นพลันยิ้มเยาะ “มาได้จังหวะพอดี ตอนนี้อิทธิพลตระกูลหลินสิ้นแล้ว เด็กนี่มาก็จะได้ฆ่าซะ ถอนรากถอนโคนให้สิ้น!”

ทันใดนั้น สายตาของคนในโถงต่างวาบวาวขึ้นมา

หลินสวินในการรับรู้ของพวกเขา ยังคงหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มซึ่งอำนาจทั่วนครหลวงเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ตอนนี้แม้จู่ๆ เห็นเขาปรากฏตัวที่นี่ ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อใจเย็นลงต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของฉินเป่าจี้

เป็นความจริงที่ว่าหลินสวินตัวคนเดียวเท่านั้น กลับมาตอนนี้ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้แล้ว!

และที่นี่คือตระกูลฉิน การปรากฏตัวของเขาไม่ต่างอะไรกับการโยนตนเองเข้ามาในแห

“ฟ้ามีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับเข้ามา หลินสวิน หากเจ้ามาเพื่อขอความเมตตาให้ตระกูลหลินของพวกเจ้า ข้าพูดได้แค่ว่า เป็นไปไม่ได้!”

ฉินเป่าจี้พูดเสียงเรียบๆ ย่ามใจอย่างมาก

“หลินสวิน อิทธิพลตระกูลหลินสิ้นแล้ว เจ้ายอมแพ้โดยดีเถอะ ที่นี่คือตระกูลฉิน เจ้ามาคนเดียวย่อมทำอะไรไม่ได้แน่”

แขกคนอื่นๆ ก็พูดขึ้น

หลินสวินเห็นเช่นนี้แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะราวกับฟ้าร้อง กึกก้องภายใต้ม่านรัตติกาล

สารเลวพวกนี้ถึงกับไม่รู้ความถึงขนาดนี้ พวกเขาคิดว่าตนวู่วามมารนหาที่ตายหรือ

“พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว คืนนี้ตระกูลฉินจบสิ้นเพียงเท่านี้แน่ ส่วนพวกเจ้า…”

หลินสวินเก็บสายตา ดวงตาดำเย็นเยียบ กวาดผ่านร่างของทุกคนในโถง “ข้าจะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว!”

กล่าวจบ เขารวบนิ้วกรีดวาดออกมา

ปราณกระบี่เทียมฟ้าสายหนึ่งโฉบออกไป เรืองรองดุจรุ้งเทพ ฉีกท้องฟ้ายามราตรี สว่างไสวบาดตา

“ฟัน!”

ปราณกระบี่ร่วงลงมา กลับเหมือนธารดาราที่พาดขวางท้องฟ้า ใช้อานุภาพที่ไม่อาจต้านทานฟันผ่าลงบนกระบวนค่ายกลปกป้องภูเขาแสงมรกต

ตอนที่หลินสวินพูด ทุกคนต่างคิดว่าหลินสวินบ้าไปแล้ว ตัวคนเดียวยังคิดจะกำราบตระกูลฉิน นี่ไม่ใช่บ้าแล้วจะเป็นอะไร

และเมื่อหลินสวินลงมือ หลายคนยิ่งหัวเราะออกมา นี่คือตระกูลฉิน เขาคิดว่าด้วยพลังของเขาจะสามารถสะเทือนที่แห่งนี้ได้หรือ

แต่ตอนที่ปราณกระบี่สายนี้ของหลินสวินตกลงมา ทุกคนต่างหัวเราะไม่ออกอีก แต่ละคนอึ้งงันราวกับรูปปั้น ในใจเกิดความหวาดกลัว!

นี่เป็นกระบี่อะไรกัน

รุนแรง ยิ่งใหญ่ ควบรวมขนาดนั้น เต็มไปด้วยอานุภาพที่สามารถกำราบทุกชีวิต!

ความแข็งแกร่งของพลังที่แฝงอยู่ในกระบี่นี้ ถึงขั้นเหนือจินตนาการทั้งหมดของพวกเขา ทำให้พวกเขาแค่มองก็แทบจะหายใจไม่ออก

ตูม!

พื้นดินสะเทือนภูเขาสั่นคลอน ฟ้าดินเปลี่ยนสี

กระบี่นี้ผ่ากระบวนค่ายกลปกป้องภูเขาของตระกูลฉิน ปราณกระบี่หลายพันจั้งผ่าออกเป็นรอยลึกบนภูเขาแสงมรกต

ปราณกระบี่พลุ่งพล่าน ทำให้โขดหินต้นไม้ใบหญ้าแหลกละเอียด

ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าใกล้บริเวณที่กระบี่ผ่าลง ล้วนกลายเป็นฝุ่นผงสลายไปในชั่วพริบตา!

นี่ก็คืออานุภาพหนึ่งกระบี่ของหลินสวิน

และเป็นตอนนี้ ที่เขาเพิ่งจะใช้พลังที่แท้จริงของตน

แน่นอนว่าหากไม่ใช่เพราะกลัวจะทำลายภูเขาลูกนี้ อานุภาพของกระบี่นี้ไม่จบเพียงเท่านี้แน่!

ตูม!

ตำหนักอันยิ่งใหญ่ที่พวกฉินเป่าจี้อยู่ก็ถูกปราณกระบี่ผ่าออก พังทลายอยู่ตรงนั้น

ทันใดนั้นเสียงอุทานและเสียงตะโกนตกใจดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย แขกเหล่านั้นต่างหนีอย่างสะบักสะบอม บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่า การคาดเดาก่อนหน้านี้ของตนผิดอย่างมหันต์!

“บังอาจ!” ไอรีนโนเวล

“กี่ปีมาแล้ว ถึงกับยังมีคนกล้ามาก่อนเรื่องที่ตระกูลฉินของข้า”

ความเคลื่อนไหวระดับนี้ ชั่วขณะเดียวทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันของตระกูลฉินที่พำนักอยู่บนภูเขาแสงมรกตตกตื่น ต่างทะยานอากาศเผยเงาร่างออกมา

ทอดสายตามองไป มีถึงสิบกว่าคน!

เพียงแต่ตอนที่เห็นว่าผู้มาท้าทายมีแค่หลินสวินคนเดียว สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเหล่านั้นต่างอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด ประหลาดใจอย่างมาก

ท่าทางเช่นนั้นเหมือนพวกจั่วเฉินแห่งตระกูลจั่งก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน

“ผู้อาวุโส ต้องฆ่าเจ้าสารเลวนี่ซะ!”

ฉินเป่าจี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เคียดแค้นจนแทบคลั่ง

“ฟัน!”

และตอนนี้หลินสวินยังคงมีทีท่าราบเรียบ ฟันหนึ่งกระบี่ออกมาอีกครั้ง

กระบี่นี้มีเพียงคำเดียว เร็ว!

เร็วจนเหลือเชื่อ

ราวกับทำลายข้อจำกัดและขอบเขตของห้วงอากาศ ไหววูบเพียงนิดก็หายไปจากสายตาทุกคน ไม่สามารถจับตำแหน่งได้

แต่ครู่ต่อมาทุกคนทั้งบนล่างของตระกูลฉินต่างได้เห็นอานุภาพของกระบี่นี้

พรวด!

จู่ๆ ลำคอของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งก็ปรากฏรอยเลือด จากนั้นศีรษะลอยกระเด็น เลือดสาดพรมผืนฟ้าราตรี

พรวดๆๆ!

จากนั้นศีรษะของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันแต่ละคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งอื่นๆ ก็หลุดลอยออกไปด้วย

ทอดสายตามองไปไกลๆ ศีรษะมากมายที่เปื้อนเลือดร่วงหล่นในท้องฟ้ายามราตรี นองเลือดและน่าสยดสยองเป็นพิเศษ

หนึ่งกระบี่นี้ ผู้แข็งแกร่งระดับราชันทุกคนที่ปรากฏตัว ล้วนถูกเด็ดหัว!

ภาพเหตุการณ์ตะลึงโลกระดับนี้ ทำให้ฉินเป่าจี้ที่กำลังเดือดดาลเคียดแค้นสีหน้าแข็งค้าง ร้องเสียงหลง “นี่…”

ส่วนแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงตระกูลฉินพวกนั้นต่างจิตใจล่องลอย เสียขวัญหวั่นผวา

หนึ่งกระบี่ สังหารเหล่าราชัน!

ชั่วชีวิตนี้พวกเขาเคยเห็นเรื่องน่ากลัวระดับนี้เสียที่ไหน

“หนี!”

คนพวกนั้นเลือกหนีโดยไม่ลังเลสักนิด

ตระกูลฉินในตอนนี้ ไม่ได้แข็งแกร่งมั่นคงเหมือนในความคิดของพวกเขาอีกต่อไป แต่เป็นแดนมรณะที่สามารถทิ้งชีวิตได้ตลอดเวลา!

และตระกูลฉินทั้งบนล่าง ขอเพียงเป็นคนในตระกูลและผู้แข็งแกร่งที่อาศัยอยู่ในภูเขาแสงมรกต ต่างตกใจจนลนลานทำอะไรไม่ถูก ร้องหาบุพการี

ไม่มีใครคิดว่าในค่ำคืนนี้จะเกิดมหัตภัยที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้!

ส่วนหลินสวินที่ยืนอยู่ภายใต้ม่านราตรีก็ประหนึ่งเทพที่เย็นชา มอบเงามืดชั้นหนึ่งปกคลุมลงบนภูเขาแสงมรกต นำพาความตาย… ให้กับตระกูลฉิน!

“ฟัน!”

หลินสวินสีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นเคย ในดวงตาดำสะท้อนทุกภาพฉากที่เกิดขึ้นในตระกูลฉิน สำแดงการโจมตีที่สามอย่างไม่ลังเล

ครั้งนี้มีปราณกระบี่ไท่เสวียนหนึ่งร้อยแปดสายโฉบออกมา หนาแน่นราวกับฝนรุ้งเทพทะลวงฟ้า กรีดวาดออกมามากมายและตกสู่ตระกูลฉิน

ศีรษะแต่ละศีรษะที่เปื้อนเลือดถูกเฉือนฟันขาดอย่างง่ายดาย

แขกเหล่านั้น ไม่มีใครเหลือรอด!

ก่อนตายต่างไม่กล้าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวพวกเขา ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังรอคอยว่าจะแบ่งเนื้อชิ้นใหญ่อย่างตระกูลหลินอย่างไรอยู่เลย…

ฟุ่บ!

ศีรษะของฉินเป่าจี้หลุดกระเด็น

บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่จำยอม หวาดกลัว สิ้นหวัง และงงงวย

คืนนี้เขายังจัดงานเลี้ยงแขกสหาย ย่ามใจอย่างมาก จัดแจงเรื่องแบ่งทรัพย์สินตระกูลหลิน แต่ตอนนี้…

ทั้งหมดล้วนสูญเปล่า!

คืนนี้หลังจากตระกูลจั่ว ตระกูลฉินเองก็ประสบมหาภัย

สามกระบี่ของหลินสวิน สลายกระบวนค่ายกลปกป้องภูเขาของตระกูลฉิน ฆ่าเหล่าราชัน และสังหารคนใหญ่คนโตเช่นพวกฉินเป่าจี้

เลือดย้อมภูเขาแสงมรกต

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท