บทที่ 296
วันต่อมา อาทิตย์ส่องแสง
ที่คณะหนึ่งเดียว ทั้งเจ็ดคนนั่งล้อมโต๊ะอาหาร กำลังทานอาหารเช้าวันนี้อย่างเพลิดเพลิน
ตั้งแต่มีเจ้าดำ ตอนนี้อาหารของคณะหนึ่งเดียว ดีขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีอาหารเช้าที่ง่ายๆ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอาหารที่ประณีต ตอนนี้แม้แต่โจ๊กหม้อหนึ่ง เจ้าดำยังทำให้มีรสชาติ
ลู่ฝานนั่งข้างศิษย์พี่หานเฟิง กินอาหารของตัวเองเงียบๆ
เขารู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศแปลกๆ ทำไมศิษย์พี่ทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
โดยเฉพาะศิษย์พี่หานเฟิง รอยยิ้มมีเลศนัยบนหน้าเขาคืออะไร เหมือนลูกค้าเจอแม่เล้า ส่งซิกเข้าใจกัน
มีเพียงศิษย์พี่ใหญที่เหมือนเดิม กินข้าวเสร็จไม่กี่คำ ก็นั่งหลับอยู่ตรงนั้น
ลู่ฝานวางชามและตะเกียบลง มองศิษย์พี่หานเฟิงแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า”
ศิษย์พี่หานเฟิงหัวเราะคิกคัก “ไม่มี ฉันจะมีอะไรได้ล่ะ”
ศิษย์พี่ฉู่สิงกับศิษย์พี่ฉู่เทียนหัวเราะอยู่ข้างๆ ทำให้ลู่ฝานงงไปหมด
พวกเขาเป็นอะไรกัน
อาจารย์อี้ชิงกระแอมสองที “พอแล้ว มาพูดเข้าเรื่องกันดีกว่า ต่อไปเราต้องเจอกับคณะกำแหง ไม่เหมือนกับคณะก่อนหน้านี้ คณะกำแหงเป็นตอแข็งอย่างแท้จริง สืบทอดเคล็ดวิชาบู๊ฝึกร่าง ได้ทั้งสู้และต้านทาน จัดการยากมาก ฉันต้องเตือนพวกนายไว้ก่อน อย่าคิดว่าผ่านคณะก่อนหน้านี้มาได้ แล้วจะประมาทคณะกำแหง”
หานเฟิงตบไหล่ลู่ฝาน “กลัวอะไร เรามีศิษย์พี่ใหญ่ มีศิษย์น้องลู่ฝานอยู่ ต้องชนะได้แน่นอน”
อาจารย์อี้ชิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันต้องการพูดสิ่งนี้แหละ ตั้งแต่นี้อู๋เหวยศิษย์พี่ใหญ่ของพวกนาย จะไม่ลงมืออีก จนพวกนายสู้ไปถึงคณะหยินหยาง เพราะฉะนั้นพวกนายไม่ต้องหวังพึ่งอู๋เหวย”
ฉู่สิงขมวดคิ้วพูดว่า “อาจารย์ ทำไมครับ ศิษย์พี่ใหญ่บาดเจ็บเหรอครับ”
อาจารย์เต้ากวงพูดว่า “ไม่ได้บาดเจ็บ ตอนนี้ศิษย์พี่พวกนายจำเป็นต้องสะสมพลัง ไม่ใช่ปล่อยพลังออกมา อู๋เหวย ตื่น นายพูดกับพวกเขาเองละกัน”
เต้ากวงตีหนังท้องของศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่จึงตื่นขึ้นมา
“เรื่องอะไรเหรอ”
อาจารย์เต้ากวงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นายอย่าเอาแต่กินข้าวแล้วหลับทุกครั้งได้ไหม พูดกับพวกเขาสิ ทำไมการต่อสู้ครั้งต่อไป นายถึงลงมือไม่ได้”
ศิษย์พี่ใหญ่หัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องนี้เหรอ ง่ายมาก เพราะร่างทองครองธรรมที่ฉันฝึก กำลังอยู่ในขั้นหัวเลี้ยวหัวต่อ หลังจากสู้ที่คณะสงบใจเมื่อวาน อาจารย์อู๋โฉวแนะนำฉันมา ให้ฉันทำความเข้าใจ ตอนนี้ฉันอยากข้ามขั้นอย่างสงบ ต้องสะสมพลังปราณเอาไว้ จนกระทั่งพลังปราณเต็มทุกส่วนของร่างกาย จากนั้นพยายามทำให้ร่างทองครองธรรมถึงขั้นสูงสุดในเร็ววัน”
หานเฟิงพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “แบบนี้นี่เอง งั้นก็ได้ คงต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดว่า “ดังนั้นการต่อสู้ต่อไป ฉันจึงไม่ลงมือก่อน รอให้ถึงตอนสู้กับคณะหยินหยาง ฉันค่อยไปสู้กับพวกนาย”
ฉู่สิงพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เราพูดกันไว้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพี่ต้องช่วยเรา”
ศิษย์พี่ใหญ่พยักหน้าแล้วหัวเราะ
อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “อืม เรื่องก็เป็นแบบนี้ พวกนายไม่ต้องกังวลเรื่องของอู๋เหวย ระยะเวลาหลังจากนี้ เขาจะเก็บตัวที่คณะหนึ่งเดียว สองสามวันนี้พวกนายศึกษาดูว่าจะจัดการกับคณะกำแหงยังไง ถือโอกาสฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเองด้วย พยายามให้หายก่อนไปคณะกำแหง”