เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 325
เหมือนหุ่นร้ายความฝันทั้งสี่ตัวนี้ ไม่ได้แสดงทักษะเก่งกาจอะไรออกมา ก็โดนกระบี่หนักไม่คมควบคุมเอาไว้แล้ว
อย่าบอกนะว่านี่คือการข่มกันของพลัง ที่อาจารย์หวูเฉินเคยพูดกับเขา
วันนี้ลู่ฝานได้เห็นแล้ว
จางเยว่หานทรุดลงบนพื้น แม้พลานุภาพของกระบี่เธอจะแข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถทำอะไรลู่ฝานได้
ตอนที่ปลายกระบี่พุ่งไปตรงหน้าอกลู่ฝาน จางเยว่หานเห็นเกราะต้านทานกระบี่เธอเอาไว้
หลังจากนั้นพลังอันน่ากลัวจากกระบี่หนักของลู่ฝาน กดดันเธอเอาไว้
พลังนี้เหมือนพลานุภาพจากฟ้า
ไม่ว่าจากร่างกายหรือจิตวิญญาณ ล้วนโจมตีเธออย่างสาหัสและน่ากลัว
ตอนสัมผัสกับพลังนี้ เธอรู้สึกว่าอวัยวะภายในของตัวเอง โดนโจมตีอย่างแรง ตอนนี้กำลังปั่นป่วนอยู่ในร่างกาย
เธอรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณหรือกระดูกในร่างกายตัวเอง เหมือนโดนสอดเหล็กเข้ามา หนักจนเธอไม่สามารถยืนตรงได้
นี่เป็นพลานุภาพเขตวิถีบนกระบี่หนักไม่คม กดดันพลังทุกสิ่งเอาไว้
กระบี่ในมือจางเยว่หานไม่ใช่ของธรรมดา แต่อยู่ภายใต้การโจมตีของเขตวิถีของกระบี่หนักไม่คม ก็กลายเป็นผุยผงอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้เห็นได้ว่า เขตวิถีบนกระบี่หนักไม่คม แข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดไหน
เมื่อครู่ลู่ฝานแค่กระตุ้นเขตวิถีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ราวกับโยนหินลงไปในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้าง
อีกทั้งแรงกระเพื่อมอันเล็กน้อย ทำให้จางเยว่หานไม่สามารถต้านทานได้
พลังและหุ่นร้ายความฝันทั้งสี่ตัว ที่เธอได้มาอย่างยากลำบาก หายไปราวกับฟองอากาศ ภายใต้แรงกระเพื่อมนี้
จางเยว่หานมองลู่ฝานอย่างตะลึง
หุ่นร้ายความฝันทั้งสี่ตัวยังคงดิ้นไปมา แต่การเคลื่อนไหวเบาลงเรื่อยๆ ส่วนแสงสว่างบนกระบี่หนักไม่คม สว่างขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังกะพริบอย่างไม่รู้สาเหตุ
เหมือนคนที่ทานจนอิ่ม แล้วเริ่มเรอออกมา
สุดท้ายหุ่นร้ายความฝันทั้งสี่ตัวกลายเป็นพลังสีเทา เข้าไปในกระบี่หนักไม่คม
ตอนนี้กระบี่หนักไม่คมไม่มีแสงแล้ว ตัวอักษรหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จู่ๆ ลู่ฝานโงนเงนไปมา
จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งสัมผัสได้ว่าปราณชี่ของตัวเอง ใช้ไปแบบไม่สามารถควบคุมได้
เพราะเมื่อกี้กระบี่หนักไม่คมปล่อยพลังออกมาตลอด ดังนั้นลู่ฝานจึงไม่ได้สังเกต
แต่ตอนนี้กระบี่หนักไม่คมเก็บพลังไปแล้ว ความอิดโรยจึงแผ่ซ่านไปทั้งตัวลู่ฝาน
แต่ต่อมามีพลังทะลักออกมาจากมุกเทพ เคลื่อนไหวไปตามเส้นลมปราณของลู่ฝาน
ความพิเศษที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างปราณชี่แรกของลู่ฝานออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ลู่ฝานไม่เหมือนนักบู๊คนอื่น ที่หลังจากอิดโรย ก็ไม่มีแรงเคลื่อนไหวทันที
ความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นในแววตาของลู่ฝาน
มองจางเยว่หานที่นอนแข็งทื่ออยู่ด้านหน้า ลู่ฝานมีแววตาเย็นชา
จางเยว่หานกัดฟันตะโกนออกมาว่า “ลู่ฝาน มีปัญญาก็ฆ่าฉันสิ”
ลู่ฝานมองเธออย่างแน่วแน่ จากนั้นเงยหน้ามองฟ้า หัวเราะแล้วพูดว่า “จางเยว่หาน เธอเกลียดฉันถึงขั้นนี้ ต้องกำจัดฉันให้ได้ เธอถึงจะมีความสุขใช่ไหม”
จางเยว่หานกระอักเลือดออกมาอีก แล้วกัดฟันมองลู่ฝาน
จู่ๆ เธอกระโจนเข้ามาหาลู่ฝาน ทำท่าแยกเขี้ยว ราวกับผีร้ายอย่างไรอย่างนั้น
ลู่ฝานใช้กระบี่โจมตีเธอจนล้มลงกับพื้น กระบี่นี้ลู่ฝานไม่ออมมือ เสียงดังขึ้นชัดเจน ลู่ฝานตบหน้าจางเยว่หาน ตบกระบี่ของเธอจนยุบลงไป
ลู่ฝานเดินเข้ามา ใช้กระบี่หนักวางไว้ตรงลำคอของจางเยว่หาน
ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “จางเยว่หาน เธอกำลังรนหาที่ตาย”