Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1399 ทัพใหญ่เคลื่อนขบวน

ตอนที่ 1399 ทัพใหญ่เคลื่อนขบวน

“เฮอะ! ไม่รู้จักกลัวตาย!”

ราชันค้างคาวดำแค่นเสียงหัวเราะ สีหน้าเปี่ยมแววเหยียดหยาม

หากเป็นก่อนหน้าที่จะกางค่ายกลคุกโลหิตกลืนมาร เขาอาจกริ่งเกรงต่อการมาของหลินสวินอยู่สามส่วน แต่ยามนี้เขาแทบรอให้หลินสวินมาตายจนทนไม่ไหว

“มาๆๆ เจ้า หลินสวิน มาตายให้พวกเราดูหน่อย”

“สวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าดันโร่มาเองซะจริงๆ ในเมื่ออยากตายนัก วันนี้ก็จะทำให้เจ้าสมหวัง!”

ราชันอสูรมารคนอื่นๆ ต่างหัวเราะผสมโรงไม่สิ้น

ทั้งบนล่างเขาผีเผ่นอันกว้างใหญ่ อสูรมารบำเพ็ญพวกนั้นล้วนระเบิดหัวเราะลั่นตามมาด้วย ต่างพากันมั่นใจหายห่วง สายตาที่มองทางหลินสวินราวกับจ้องคนตาย

ถึงขนาดมีราชันอสูรมารเริ่มกังวล “เจ้าเด็กนั่นคงไม่หวาดกลัวจนหนีเตลิดไปหรอกกระมัง”

“ทุกคนเบาเสียงหน่อย เดี๋ยวทำลายความบ้าดีเดือดของเด็กนั่นเข้า”

ราชันค้างคาวดำโพล่งเอ็ดเสียงดัง กลับเรียกเสียงหัวเราะครืนระลอกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่เกรงกลัวสิ่งใดและหยิ่งผยองอย่างที่สุด

พวกชีชานที่อยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้ ทุกคนสังหรณ์ใจถึงความไม่เข้าที

อสูรมารพวกนั้นมั่นใจเกินไป เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ แค่รอให้หลินสวินโจนเข้าไปในกับดักเอง!

“ครูฝึก ต้องเตือนผู้อาวุโสหลินสักหน่อยหรือไม่”

มีคนเป็นกังวล

คนอื่นๆ ต่างพากันเอ่ยปากเช่นกัน นั่นเป็นกับดักที่เตรียมไว้ดิบดีอย่างหนึ่งชัดๆ พวกเขาไม่อยากเห็นหลินสวินเอาชีวิตไปทิ้ง

“ของที่แม้แต่พวกเจ้ายังมองออก เขาจะมองไม่ออกเชียวหรือ”

คำตอบของชีชานเรียบง่ายยิ่ง กลับทำให้ความตึงเครียดและร้อนรนในใจทุกคนคลายลงไม่น้อย

ใช่แล้ว จากฝีมือและความฉลาดของผู้อาวุโสหลิน มีหรือจะมองเรื่องแค่นี้ไม่ออก

ในเมื่อเขากล้าทำเช่นนี้ ก็ต้องมั่นใจอย่างแน่นอน!

“พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าค่ายกลใหญ่นี่จะคุ้มกะลาหัวพวกเจ้าได้”

ไกลออกไปหลินสวินหยุดเท้า นัยน์ตาดั่งสายฟ้า ริมฝีปากเหยียดแสยะ

“โง่งม! รอให้เจ้าลิ้มรสชาติค่ายกลนี้ก่อนเถอะ จะดูว่าเจ้ายังพูดจาโง่เง่าเบาปัญญาเช่นนี้อีกหรือไม่!”

ราชันค้างคาวดำแค่นเสียงเย็น เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

วู้ม!

เหนือเวิ้งฟ้า จันทร์เพ็ญสีเลือดพลันแผ่แสงสีแดงฉานหาใดเปรียบออกมา ตามมาด้วยพยับหมอกสีเลือดคละคลุ้งพุ่งกระหน่ำออกไปบนภูผาธาราพันลี้

ชั่วพริบตาเดียวไอชั่วร้ายพวยพุ่ง เสียงร้องคำรามมารอสูร ประกายแสงสีเลือดไหลเวียนกลางฟ้าดิน สะท้อนลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงมากมายอย่างภูเขาศพทะเลเลือด กระดูกกองพะเนิน เทพมารโหยไห้เป็นต้น

ก็เหมือนนรกสีเลือดปรากฏสู่โลกหล้า!

เพียงชั่วอึดใจเงาร่างของหลินสวินก็ถูกกลืนหายเข้าไปในนั้น ถูกพยับหมอกสีเลือดที่เดือดพล่านแผ่ครอบ ไม่อาจมองเห็นได้อีก

แม้ว่าพวกชีชานจะมั่นใจในตัวหลินสวินเต็มเปี่ยม แต่เมื่อภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าแปรผันปุบปับ ในใจก็ยังบีบรัด หน้าเปลี่ยนสีทันควัน

ส่วนบนเขาผีเผ่น ราชันค้างคาวดำพ่นเสียงหัวเราะเยาะออกมาคราวหนึ่ง “ดูเหมือนว่าการฆ่าราชันเกราะทองได้จะทำให้เจ้าเหลิงไปหน่อย แต่ว่าได้ตายภายใต้ค่ายกลนี้ก็ไม่ถือว่าเสียศักดิ์ศรีเจ้าแล้ว”

ราชันอสูรมารคนอื่นๆ ต่างหัวเราะครืน ในใจก็มั่นใจอย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้ตอนที่เผชิญหน้ากับหลินสวิน บอกว่าพวกเขาไม่หวาดเกรงคงโกหก อย่างไรเสียแม้แต่ราชันเกราะทองยังถูกฆ่าทิ้ง นี่ก็สามารถทำให้พวกเขาเกิดความหวาดหวั่นได้แล้ว

แต่ยามนี้จู่ๆ พวกเขาก็ค้นพบว่าข่าวลือไม่เป็นความจริงอย่างเห็นได้ชัด เพียงชั่วพริบตาเจ้าคนบ้าดีเดือดนั่นก็ถูกขังในค่ายกลใหญ่ ช่างง่ายดายเกินไปแล้ว!

“เป็นเพราะเจ้าหมอนี่อ่อนแอเกินไปอย่างนั้นหรือ”

มีราชันอสูรมารคลางแคลงใจ

“ไม่ ได้แต่พิสูจน์ว่าค่ายกลใหญ่ที่บรรพจารย์อสูรมารมอบให้นี้แข็งแกร่งเกินไป ในค่ายกลนี้ ปราณต่ำกว่าระดับอริยะหน้าไหนก็ไม่มีทางรอด นี่มีหรือที่ของทั่วไปจะเทียบชั้นได้”

ราชันค้างคาวดำสีหน้าเหยียดหยัน อิ่มอกอิ่มใจ

เขาถึงขั้นที่คิดไว้เสร็จสรรพ รอให้สังหารหลินสวินเสร็จค่อยปล่อยข่าวออกไป อยากให้ผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ทั่วหล้าได้เห็น ว่าหลินสวินที่พวกเขาฝากความหวังกันนักหนานั้นอ่อนปวกเปียกปานใด!

ครืน!

ภูเขาแม่น้ำพันลี้ แสงโลหิตระฟ้ากู่ก้องกระหึ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง พริบตาเดียวฟ้าดินแถบนั้นพลันมืดสลัว ภูตผีโหยไห้หมาป่าเห่าหอน สัญลักษณ์สีเลือดแปลกประหลาดแน่นขนัดนับไม่ถ้วนไหลเวียน กลิ่นอายน่าสะพรึงที่แผ่กว้างออกมาทำให้พวกอสูรมารบนเขาผีเผ่นต่างใจหล่นวูบ เนื้อหนังกระตุก

พวกชีชานเองก็หายใจไม่ทั่วท้อง ในใจเกิดความหวาดกลัว จิตวิญญาณบีบรัด มองไม่เห็นภาพเหตุการณ์ภายในค่ายกลใหญ่นั่นเลยสักนิด

นี่ทำให้พวกเขาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจยังร่วงไปอยู่ตาตุ่ม

ราชันค้างคาวดำสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือ “หลอมกันเถิด หลังจากสังหารเด็กนั่นได้ บรรพจารย์อสูรมารต้องตกรางวัลให้ข้าอย่างงามแน่ จะบรรลุอริยะเป็นบรรพจารย์ในภายภาคหน้าก็แค่รอเวลาเท่านั้น!”

ราชันอสูรมารคนอื่นๆ ต่างก็ตั้งตาคอยเช่นกัน

ตูม!

ทันใดนั้นกลางค่ายกลใหญ่พลันเกิดเสียงกึกก้องรุนแรง

ตามมาด้วยภาพสะท้านสะเทือนปรากฏขึ้นในสายตาพวกอสูรมารทั้งหมดที่อยู่บนเขาผีเผ่น

เงาร่างสีเขียวอ่อนสายหนึ่งก้าวออกมาจากแสงโลหิตท่วมฟ้า ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ราวกับเทพมารเยือนโลก รอบกายแผ่แสงเจิดจ้านับไม่ถ้วน

“นี่…”

พริบตาที่ได้เห็นเงาร่างสายนั้น ดวงตาของพวกราชันค้างคาวดำเกือบกลิ้งหลุดออกมา แทบไม่อยากจะเชื่อ

หลินสวินนี่ยังไม่ตายเชียวหรือ

……

หลินสวินเงยหน้าขึ้น ส่วนลึกกลางนัยน์ตาดำเจือไอสังหารน่าสะพรึง

อยู่ในค่ายกลใหญ่ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งเข้าใจกลไกที่สร้างค่ายกลนี้ ถึงกับใช้เลือดพิสุทธิ์ของผู้ฝึกปราณจำนวนหลายแสนหลอมสร้างขึ้นมา!

หลายแสนเชียว!

นี่เป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้!

“พวกเจ้าทุกคนสมควรตายให้หมด!”

มองพื้นที่มืดทึบทะมึนบนเขาผีเผ่น

ไอสังหารในใจหลินสวินคุกรุ่น แสงมรรคบนร่างพุ่งกระฉูด พาดขวางกลางฟ้าราวกับแสงเทพสายหนึ่ง

……

“เขาถึงกับยังไม่ตายจริงๆ!”

“หนำซ้ำยังไม่ได้รับบาดเจ็บด้วย!”

“นี่เป็นไปได้อย่างไร”

บนเขาผีเผ่น พวกราชันอสูรมารอย่างราชันค้างคาวดำต่างยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ไม่อาจทำใจเชื่อ และไม่อาจยอมรับได้ แม้แต่พลังค่ายกลทั้งหมดยังเริ่มสั่นคลอนขึ้นมา

ค่ายกลคุกโลหิตกลืนมาร!

นี่เป็นถึงของที่บรรพจารย์อสูรมารมอบให้ อานุภาพน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด เพียงพอที่จะผลาญผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะ แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนจะสิ้นฤทธิ์เสียแล้ว…

นี่เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไป!

น่าเสียดาย พวกเขาต่างไม่รู้ว่าจากความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณในปัจจุบันของหลินสวิน ก็สามารถวางกระบวนผนึกลายมรรคที่แท้จริงได้แล้ว แค่คุกโลหิตกลืนมารขี้ปะติ๋วเท่านั้น ในสายตาเขาก็เป็นเหมือนของเลียนแบบ!

“สมควรตาย! หรือใต้เท้าบรรพจารย์อสูรมารจะโกหกพวกเรา”

มีราชันอสูรมารเดือดคลั่ง

“ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ เตรียมต่อสู้เถอะ จากศักยภาพของพวกเราจะต่อกรกับหลินสวินคนเดียวไม่ได้เชียวหรือ”

ราชันค้างคาวดำกัดฟัน สีหน้ามืดทะมึน

ที่พึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาถึงกับไม่สัมฤทธิผล นี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกคนเอากระบองหนักๆ มาอัดใส่ อัดอั้นใจอย่างบอกไม่ถูก

“ฆ่า!”

บนเวิ้งอากาศ ผมดำของหลินสวินปลิวไสว ย่างเท้าก้าวออกมาหนึ่งก้าวก็มาถึงห้วงอากาศเหนือเขาผีเผ่นแล้ว เงาร่างลงมาดั่งรุ้งเทพโรยตัวจากเวิ้งฟ้า

ปึง!

ราชันอสูรมารคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกหลินสวินเหยียบร่างกระจุยอย่างจัง เลือดสดสาดกระเซ็น

“เข้าไปพร้อมกัน!”

ราชันค้างคาวดำคำราม ราชันอสูรมารตนอื่นๆ มีหรือจะกล้ารีรอ ต่างก็ลงมือพร้อมกันโดยไม่ลังเลใดๆ

“ฟัน!”

ชั่วขณะเดียวการต่อสู้ดุเดือดก็ปะทุขึ้น

ทอดสายตามองจากระยะไกล เห็นแต่เงาร่างเจิดจ้าสายหนึ่งดุจดั่งอาวุธเทพคมกริบเล่มหนึ่ง ก่อฝนเลือดลมคาวขึ้นบนเขาผีเผ่น

เขาพุ่งสังหารตลอดทาง อานุภาพดุจผ่าลำไผ่ ไม่อาจขวางกั้น

สัตว์อสูรมารที่เรียงรายกลายเกลื่อนราวกับวัชพืช ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกอานุภาพน่าสะพรึงที่แผ่ออกมาจากตัวหลินสวินซัดตายทั้งเป็น ร่วงกราวลงพื้น

เลือดสดย้อมเขาผีเผ่นเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว Aileen-novel

ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับราชันอสูรมารก็ยังต้านพลังต่อสู้ของหลินสวินไม่ไหว เพียงการโจมตีเดียวก็ซัดพวกเขาแต่ละคนกระจุย

เสียงโหยหวนก็พลอยดังก้องสะท้อนทั่วฟ้าดิน!

ฟาดฟันจนเหิมฮึก ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่หล่อเลี้ยงในชุดชีพจรภายในกายหลินสวินออกมาพร้อมเสียงครวญ แน่นขนัดดุจดั่งฝนกระบี่ คมกริบไร้เทียมทานสะท้านโลก ห้วงอากาศราวกับกระดาษเปื่อย ถูกกรีดเฉือนอย่างง่ายดาย

ทุกที่ที่ปราณกระบี่เคลื่อนผ่าน ไม่มีหน้าไหนเหลือรอด!

สัตว์อสูรมารนับไม่ถ้วนต่างหนีเตลิด แต่ทุกตนล้วนถูกกระหน่ำสังหาร ต่อให้เป็นราชันอสูรมารก็ยังต้านอานุภาพปราณกระบี่ของหลินสวินไม่ได้

ไกลออกไปพวกชีชานที่หัวใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม คราแรกที่เห็นหลินสวินปลดเปลื้องพันธนาการได้ก็ตื่นเต้นแทบจะร้องออกมา

แต่เมื่อเห็นหลินสวินบุกฆ่าบนเขาผีเผ่น ห้ำหั่นทะลวงค่ายกลลงอย่างง่ายดายด้วยตัวคนเดียวประหนึ่งเทพมารไร้ทัดเทียม พวกเขาต่างก็พากันยืนอึ้ง

แกร่ง!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

เมื่อก่อนพวกเขาได้ยินเพียงวีรกรรมในคำเล่าลือส่วนหนึ่งของหลินสวินเท่านั้น อย่างไรเสียก็ไม่เคยประจักษ์กับตาตัวเอง แต่ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าหลินสวินแข็งแกร่งเพียงใด

ท่าทางเหยียดหยันใต้หล้า ใครเล่าจะทัดเทียมนั้น ปานข่มสยบสรรพสิ่ง ทำให้พวกเขาตื่นตะลึง สะท้านสะเทือน ถึงกับจิตวิญญาณไหวสั่น!

ฟึ่บ!

ปราณกระบี่สายหนึ่งแล่นผ่าน โฉบเฉือนร่างราชันค้างคาวดำที่คืนร่างเป็นค้างคาวยักษ์ตัวหนึ่ง ผ่าเขาออกเป็นสองท่อน

จนถึงตอนนี้ ราชันอสูรมารทั้งหมดที่ครองพื้นที่บนเขาผีเผ่นต่างถูกสังหารเรียบ!

และตั้งแต่หลินสวินสำแดงการโจมตีเรื่อยมาจนจบ ใช้เวลาเพียงสิบเก้าลมหายใจเท่านั้น

ในวันนี้ทั้งบนล่างบนเขาผีเผ่น เลือดไหลนองเป็นสายน้ำ ซากศพเกลื่อนนับไม่ถ้วน ราชันค้างคาวดำและพวกอสูรมารถูกฆ่าล้างบ้างอย่างไร้ปรานี!

เมื่อข่าวแพร่ออกไป จักรวรรดิต่างฮือฮา

หลายวันก่อนเหล่าราชันอสูรมารต่างโผล่ออกมา ประกาศตัวแกร่งกร้าวหมายจะสังหารหลินสวิน มอบการโจมตีอันหนักหน่วงที่สุดให้แก่จักรวรรดิ

ตอนนั้นพวกอสูรมารน่าสะพรึงทั้งหลายอย่างราชันมังกรดินที่ยึดพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจักรวรรดิ ราชันผึ้งขาวที่ชื่อเสียงดุร้ายคับฟ้า ราชันหลอมเพลิงที่ยึดอาณาเขตทะเลทรายกว้างใหญ่ ราชันแพะดำแห่งมณฑลเว่ยสุ่ยต่างมีไอสังหารพลุ่งพล่าน เพ่งเล็งหมายหัวหลินสวินคนเดียว

ส่งผลให้ทั้งบนล่างทั่วจักรวรรดิต่างสั่นคลอน ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนแตกตื่น รู้สึกเป็นกังวลแทนหลินสวิน รับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

แม้แต่ในส่วนลึกของราชวังก็ยังอยู่ไม่สุขเพราะเรื่องนี้

กล่าวว่าผู้คนแตกตื่น ใต้หล้าโกลาหลก็ไม่เกินจริง

ตอนที่ทุกคนต่างหวั่นวิตกว่าหลินสวินจะสลายเคราะห์หนนี้อย่างไร ก็มีข่าวน่าตกใจดุเดือดหาใดเปรียบเช่นนี้แพร่สะพัดออกมา จะไม่ให้ผู้คนสะท้านสะเทือนได้อย่างไร

“ราชันค้างคาวดำนั่นรวมถึงขุมอำนาจสัตว์อสูรมารใต้บัญชาถูกจัดการในคราเดียว เหมือนตอนที่สังหารราชันเกราะทองไม่มีผิด”

“คุณชายหลินกร้าวแกร่งเกินไปแล้ว ใช้วิธีฆ่าล้างบางมาตอบโต้การคุกคามของราชันอสูรมารพวกนั้น วิธีนี้มีหรือใช้แค่คำว่าเผด็จการได้”

ผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิต่างโห่ร้องยินดี เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รู้ข่าวนี้ ต่างวิ่งเต้นไปบอกเล่าต่อๆ กัน ยินดีราวกับเสียสติ

สะใจ!

สะใจเหลือเกินจริงๆ!

……

“สมควรตาย หลินสวินนี่คร้านจะมีชีวิตอย่างสิ้นเชิงแล้ว?”

“ราชันค้างคาวดำเป็นพวกเจ้าแผนการที่สุด เขาก็ยังตายหรือ หลินสวินนี่น่ากลัวปานนั้นจริงๆ หรือ”

“ดูเหมือนว่าคำขู่ของพวกเราจะไม่ได้ผล กลับเป็นการยั่วโทสะเจ้าเด็กแซ่หลินนี่”

ในขุมอำนาจสัตว์อสูรมารประหนึ่งมีสายฟ้าฟาดลงมา ล้วนถูกข่าวนี้เขย่าขวัญ

เริ่มจากฆ่าราชันเกราะทองก่อน แล้วสังหารราชันค้างคาวดำ หลินสวินคนเดียวก็จะประกาศตัวเป็นศัตรูกับอสูรมารทั้งหมดในโลกหรือ

“ทุกท่าน ถึงคราวต้องเตรียมพร้อมตอบโต้ให้ดีแล้ว จะต้องกำจัดหลินสวินนี่ให้สิ้นซาก!”

“ฆ่า! ไปฆ่าล้างเมือง! หลินสวินตัวคนเดียวยังจะต้านการบุกโรมรันของพวกเราทั่วจักรวรรดิได้เชียวหรือ”

ราชันอสูรมารส่วนหนึ่งร้องตะโกนเจือความเดือดดาล ทำให้เมฆลมในใต้หล้าแปรปรวนอีกครั้ง สถานการณ์ทั่วทั้งจักรวรรดิก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

ชั่วขณะนั้นขุมอำนาจสัตว์อสูรมารที่ครองถิ่นต่างๆ ในจักรวรรดิ ก็เริ่มยกทัพใหญ่เคลื่อนขบวน!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท