เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 372
อาจารย์อี้ชิงลูบท้องและกล่าวว่า: “ลู่ฝาน นายมีความคิดเห็นไหม?”
ลู่ฝานพยักหน้ากล่าว: “ไม่มีครับ สามารถกลั่นออกมาเป็นหุ่นเชิดได้ ดีที่สุดอยู่แล้ว”
อาจารย์เต้ากวงยิ้มกล่าว: “วางใจได้ กลั่นหุ่นเชิดออกมา จะต้องทำให้พวกนายอึ้งแน่นอน จากนั้นพวกนายออกไปต่อสู้ ก็จะมีตัวช่วยแล้ว”
ผู้คนยิ้มอย่างร่าเริง อาจารย์เต้ากวงและอาจารย์อี้ชิง ทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างคนเจ้าเล่ห์ และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ลู่ฝานไม่สนใจอะไรมากมาย ยังไงซะเขาก็ดูดซับพลังจากเหรียญทองก้อนหนึ่งมาแล้ว พลังเช่นเดียวกัน สำหรับประสิทธิภาพของเขาจะต้องไม่มากเท่าของเดิมแล้ว
มอบให้พวกศิษย์พี่ก็ดี ทำเป็นหุ่นเชิดก็ได้ ล้วนแล้วเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
“ลู่ฝาน ต่อไปก็ต้องไปคณะบังเหิน ครั้งนี้ เหล่าศิษย์พี่ไปกับนาย นายมีแผนอะไรไหม”
ลู่ฝานพูดเบาๆว่า : “ผมอยากหาทางแก้ไขการต่อสู้อย่างรวดเร็ว งั้นก็ท้าประลองกับทั้งสองคณะเลยเป็นอย่างไรด้วยทีเดียว”
หานเฟิงและคนอื่นๆได้ยินก็อึ้ง
ศิษย์พี่หานเฟิงกล่าวอุทานออกมาว่า: “อะไรนะ? ศิษย์น้องลู่ฝาน นายอยากท้าประลองกับสองคณะงั้นเหรอด้วยทีเดียว? คณะบังเหินและคณะกระบี่?”
ลู่ฝานพยักหน้ากล่าว: “ใช่แล้ว หรือว่าไม่ได้? จะต้องต่อสู้ไปทีละคณะ?”
ลู่ฝานแอบคิดในใจ ถ้าเขาไม่ลุยเดี่ยวกับทั้งสามคณะ ความมั่นใจที่จะทำสำเร็จมีไม่มาก เขาอยากทำอย่างนั้นจริงๆ ต่อสู้ทั้งสามคณะที่เหลือในคราวเดียวจริงๆ
ต่อสู้ให้เสร็จเร็ว จบเร็วๆ กลับบ้านเร็วๆไปช่วยตระกูลกำจักตระกูลโม่ นี่ก็คือความคิดของเขา
แน่นอน สิ่งเหล่านี้ไม่คุ้มที่จะบอกเล่าเรื่องราวให้คนนอกรับรู้
ฉู่สิงกลืนน้ำลาย เขาตกใจกลัวความคิดของลู่ฝานจริงๆ
สถาบันสอนวิชาบู๊ก่อนหน้านี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคณะไหนขณะที่อยู่ในศึกชิงอันดับ จะท้าประลองสองคณะพร้อมกัน
ฉู่สิงกล่าวช้าๆ: “ศิษย์น้องลู่ฝาน ทำเช่นนี้ จะมีความเสี่ยงไหม พี่รู้ว่านายสุดยอดมาก แต่ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ออกมาต่อสู้ อาศัยพวกเรา ท้าประลองสองคณะใหญ่ ประเมินดูท่าจะยากนิดหน่อยนะ”
ฉู่เทียนที่อยู่ข้างๆกล่าว: “ผมรู้สึกว่าลองดูได้ ความภาคภูมิใจที่หายากในชีวิต ศิษย์น้องลู่ฝาน ถ้านายกล้าทำ ศิษย์พี่ก็จะบ้าไปกับนาย”
หานเฟิงพูดเรื่อยเปื่อย: “ประลองกับทั้งสองคณะ สมควรแล้วที่แพ้ ถ้าชนะก็สุดยอดโดยสิ้นเชิงเลย ทำได้ อืม ทำได้”
หลังจากใจเย็นลงมา หานเฟิงก็ตบไหล่ลู่ฝานและพูดว่า: “ศิษย์น้องลู่ฝาน ทำได้ ศิษย์พี่ก็จะบ้าไปกับนาย แต่นายคิดจะไปต่อสู้กับพวกเขาที่ไหน?”
ลู่ฝานอ้าปาก เรื่องนี้เขาก็ไม่คิดมาก่อน
“ที่คณะของพวกเขาดีไหม?”
หานเฟิงรีบส่ายหน้าและกล่าวทันที: “ไม่ได้ ถ้าที่ฐานทัพของพวกเขา อัตราการชนะของเราก็จะต่ำกว่ามาก แม้ว่าเป็นการเชิญเพียงครั้งเดียวในการประลองการต่อสู้กับทั้งสองคณะ ในสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าต้องให้เราเป็นคนเลือก ไม่มีใครพูดอะไร พวกเราก็หาสถานที่ดีๆสักแห่ง ถ้าให้ดีก็เป็นที่ที่รับประกันว่าเราจะต้องชนะได้”
พูดจบ หานเฟิงกับฉู่สิง ฉู่เทียนทั้ง 3 คนพยักหน้าพร้อมกัน
ในเวลานี้ ศิษย์พี่ใหญ่ก็มาหาอย่างง่อนแง่น เมื่อนั่งก้นลงถึงเก้าอี้ลั่นดังเอี๊ยด ศิษย์พี่ใหญ่หัวเราะเหอะๆและพูดว่า: “คุยอะไรอยู่?”
หานเฟิงกล่าว: “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเรากำลังท้าประลองคณะอื่น พี่ว่าพวกเราจะต่อสู้กันตรงไหนดี”
ศิษย์พี่ใหญ่ถามด้วยความสับสนเล็กน้อย: “ท้าประลองเหรอ? นายกำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม? ไม่ใช่ว่าเราไปท้าประลองคณะอื่นหรอกเหรอ? ทำไมยังต้องมีการท้าประลองล่ะ”
ฉู่สิงที่อยู่ข้างๆอธิบายน้อย ทันใดนั้นศิษย์พี่ใหญ่มองไปที่ลู่ฝานด้วยใบหน้าแปลกๆ และกล่าวว่า: “ศิษย์น้องลู่ฝาน พี่คิดเสมอว่านายมีความกล้ามาก ไม่คิดว่านายจะมีความเด็ดเดี่ยวได้ขนาดนี้ อืม เชิญประลองสองคณะในครั้งเดียว เหตุการณ์ที่ครึกครื้นยิ่งใหญ่ เช่นนี้ พี่ก็อยากเข้าร่วมแล้ว สถานที่ต่อสู้เหรอ? พี่รู้สถานที่ดีๆแห่งหนึ่ง พวกนายจะไปดูกันหน่อยไหม”