เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 384
หานเฟิงมองมู่ซั่วนิ่งๆ “ถ้าไม่ยอมแพ้อีก ฉันจะดูดเลือดสารจำเป็น นายจะให้ฉันทำลายผลการฝึกตนของนายที่นี่เหรอ”
ใบหน้าของมู่ซั่วกระตุก สุดท้ายพูดอย่างจนปัญญาว่า “ฉันยอมแพ้!”
ทันใดนั้น หานเฟิงถอนหายใจออกมา โยนมู่ซั่วออกไป
สระเลือดกลายเป็นกระบี่ฟ้าคราม หล่นลงบนพื้น เลือดหนึ่งหยดไหลลงมาจากกระบี่ฟ้าคราม หลังจากนั้น ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แสงสีแดงในตาหานเฟิงหายไป เขาค่อยๆ ดึงกระบี่สองเล่มออกจากตัว
พูดไปก็ประหลาด กระบี่สองเล่มแทงทะลุเขาแล้ว แต่ตอนดึงออกมา กลับไม่เปื้อนเลือดสักหยด และไม่มีเลือดไหลออกจากบาดแผล
หานเฟิงสะบัดกระบี่สองเล่มลงพื้น ยกมือตัวเองขึ้นมา “หานเฟิงคณะหนึ่งเดียวชนะ!”
นักเรียนทุกคนพากันเงียบ จากนั้นตามมาด้วยเสียงเชียร์และเสียงปรบมือ
ศิษย์พี่ม่านเหยียนคณะสงบใจ เห็นแล้วอึ้งไป ตอนนี้เพิ่งตั้งสติได้ ปรบมือไปพลางพูดไปพลางว่า “นี่วิชาอะไรกัน ฆ่าไม่ตาย หานเฟิงเขา……ทำไมหานเฟิงถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ ดูแล้วรู้สึกปลอดภัยมาก……”
เมื่อพูดจบ ม่านเหยียนรู้สึกผิดปกติ
หลินเสี่ยวอวิ๋นกับหลิงเหยาที่อยู่ข้างๆ มองเธอด้วยสายตาประหลาด
หลิงเหยาหัวเราะแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ม่านเหยียน……”
ม่านเหยียนหน้าแดงถึงหู “ห้ามยิ้ม มีอะไรน่าขำ ถ้าขำจะไม่สนใจแล้วนะ หึ!”
ที่คณะกำแหง เสี่ยวเหวินกับศิษย์พี่หวัง เห็นแล้วพูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปนาน ศิษย์พี่หวังพูดว่า “นี่เป็นนักเรียนของคณะหนึ่งเดียวเหรอ ดูมีพลานุภาพมาก”
เสี่ยวเหวินพยักหน้าเบาๆ
อาจารย์คณะนานา คณะศิงขรทั้งสองคน มีรอยยิ้มบนใบหน้า
ยิ่งคณะหนึ่งเดียวแสดงออกแข็งแกร่ง เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา ในเมื่อนักเรียนคณะกระบี่ร่วมมือกับนักเรียนคณะบังเหินยังสู้นักเรียนคณะหนึ่งเดียวไม่ได้ งั้นถ้าพวกเขาแพ้ จะมีอะไรน่าแปลกล่ะ คิดว่าทุกคนคงเข้าใจ
อาจารย์ทั้งสองคณะปล่อยวางแล้ว ดูเหมือนคณะหนึ่งเดียวมีลู่ฝานที่แข็งแกร่งเพียงคนเดียว อันที่จริงนักเรียนทุกคนเก่งมาก ดูหานเฟิงก็รู้แล้ว ตอนคณะหนึ่งเดียวสู้กับพวกเขา ยังออมมือไว้
สีหน้าหลัวตานคณะฟ้าร้องซีดลงอีก
อาจารย์ฮั่วซานพูดเบาๆ ว่า “หลัวตาน ตอนนี้นายกล้าหมิ่นยอดฝีมือคนอื่นอีกไหม”
หลัวตานส่ายหน้าเบาๆ เขาแอบพิจารณาครู่หนึ่ง ถ้าไม่ใช่ที่ผาเหลยถิง เจอกับกระบวนท่าอันน่ากลัวของหานเฟิงอยู่ที่อื่น เขาคงไม่มีรู้ซึ้งหรอก
“สถาบันสอนวิชาบู๊ ยอดฝีมือคนเยอะมาก”
อาจารย์ฮั่วซานพยักหน้าพูดว่า “นายรู้ก็ดีแล้ว”
ลู่หลินกับมู่ซั่วโดนนักเรียนคณะตัวเอง ลากออกไปรักษาอย่างรวดเร็ว
ลู่หลินสีหน้าสลด ไม่กล้ามองอาจารย์เมิ่งอวิ๋นอีก
อาจารย์เมิ่งอวิ๋นปรายตามองเขา แต่ไม่พูดอะไรซักคำ ทำแค่เพียงโบกมือเบาๆ
มู่ซั่วกลับมาข้างอาจารย์เสวียนเจิน กัดฟันพูดว่า “ทำให้อาจารย์อับอายแล้ว”
อาจารย์เสวียนเจินส่ายหน้าเบาๆ “คนที่ควรพูดประโยคนี้คือฉัน ฉันไม่เห็นความแข็งแกร่งของคณะหนึ่งเดียว ต่อไปนายจะรู้ แพ้ให้กับคนตระกูลหาน ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอาย”
มู่ซั่วสีหน้าสับสน แม้ฟังไม่เข้าใจ แต่เขาจำตระกูลหานได้ขึ้นใจ
ต่อไปเขาต้องกู้หน้ากลับมาให้ได้
หานเฟิงยังยืนอยู่บนแท่นวงกลม มือหนึ่งชี้ไปบนฟ้า ยังคงรักษาท่าทางสุดเท่เอาไว้
เรียกได้ว่าแค่ท่าทางของเขาในวันนี้ ก็น่าจะทำให้นักเรียนหญิงเอนเอียงมาทางเขาไม่น้อยแล้ว จินตนาการได้เลยว่า หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้จบ หานเฟิงต้องได้รับจดหมายรักจากนักเรียนหญิงไม่น้อยแน่ๆ
“เขาจะลงมาตอนไหน จะยืนแอ็คอีกนานไหม!”
ลู่ฝานหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น
ฉู่สิงพูดว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ รอให้เขาแอ็คจนพอใจค่อยว่ากัน กว่าจะได้แอ๊คแบบนี้ ให้เขาได้หน้าหน่อย”
ศิษย์พี่ฉู่เทียนก็พยักหน้า ขณะนั้นมีเสียงดังขึ้นข้างหูลู่ฝาน
“ศิษย์น้องลู่ฝาน รีบขึ้นมาแบกฉันลงไป ฉันขยับไม่ได้แล้ว เอวฉัน ฉันขยับไม่ได้แล้ว”
น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ลู่ฝานเกือบขำออกมา
ลู่ฝานรีบขึ้นไปแบกหานเฟิงลงจากลานประลอง เหมือนแบกท่อนไม้
ฉู่สิงพูดว่า “ที่แท้นายฝืนนี่เอง”
ฉู่เทียนเงยหน้ามองฟ้า แล้วถอนหายใจออกมา นักเรียนรอบๆ พากันหัวเราะออกมา
โอเค แอ็คได้ไม่นานจริงๆ
ฉู่สิงเดินช้าๆ เอากระบี่ตัวเองออกมา “รอบต่อไปฉันเอง ในเมื่อหานเฟิงสู้สุดใจแบบนี้แล้ว งั้นฉันต้องจริงจังหน่อยแล้ว”
ฉู่สิงหันไปหยักคิ้วหลิ่วตาให้ฉู่เทียน
ฉู่เทียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า
ฉู่สิงหัวเราะเบาๆ แล้วกระโดดขึ้นไปบนลานประลอง
“ฉู่สิงคณะหนึ่งเดียว ท้าประลองคณะบังเหินและคณะกระบี่ เชิญนักเรียนทั้งสองคณะออกมา!”
ยังคงเป็นการสู้แบบหนึ่งต่อสอง!