เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 382
ขนาดอาจารย์เสวียนเจินยังยิ้มบางๆ มู่ซั่วเป็นหนึ่งในบรรดาศิษย์ของเขา เป็นคนที่มีความเข้าใจในวิชากระบี่ดีที่สุดคนหนึ่ง ไม่ถึง สิบปี แค่มู่ซั่วตั้งใจกับบู๊ ต้องเข้าใจวิชากระบี่นี้อย่างลึกซึ้งแน่นอน
ไม่นาน มีรอยแผลปรากฏขึ้นบนตัวหานเฟิง
แม้ลู่หลินกับมู่ซั่วร่วมมือกันครั้งแรก แต่เข้ากันได้อย่างงดงาม
วิชากระบี่ของลู่หลิน ทำให้การเคลื่อนไหวของหานเฟิงช้าลง วิชากระบี่ของมู่ซั่วเหมือนพิษที่เข้าไปในกระดูก ทำให้หานเฟิงทำอะไรไม่ได้
เพียงพริบตา หานเฟิงเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ
ขยับซ้ายขวา สะบัดกระบี่อย่างต่อเนื่อง หานเฟิงดิ้นไม่หลุดจากตังเมสองคนนี้
หานเฟิงกัดฟัน โดนกดดันจนลนไปหมด
“วิชากระบี่ชิงสวรรค์ท่าที่สอง ทำลาย!”
กระบี่ฟ้าครามหายไปจากมือเขา มู่ซั่วใช้กระบี่ไม้ท้อกันไว้ข้างหลังโดยไม่ต้องมอง แต่ลู่หลินตั้งสติได้ช้า จึงโดนแสงกระบี่โจมตี
ลู่หลินตัวโงนเงน เกือบจะล้มลงบนพื้น
เกิดเสียงดังชิ้ง มู่ซั่วกันแสงด้านหลังของเขาได้ พลิกกระบี่แทงไปบนตัวลู่ฝาน
ตอนนี้หานเฟิงยังสามารถพลิกตัวเตะมู่ซั่วได้ ทั้งสามคนแยกออกจากกันทันที
รอบๆ เงียบๆ ทุกคนเห็นแล้วตะลึง ใครจะคิดว่าการต่อสู้รอบแรก เพิ่งสู้กันได้ไม่เท่าไร ก็โหดเหี้ยมขนาดนี้แล้ว
มุมปากของลู่หลินมีเลือด มู่ซั่วโดนเตะจนร้องโอดโอย เตะของหานเฟิง ไม่ด้อยไปกว่าพลังทะลุทะลวงของวิชากระบี่ชิงสวรรค์
หานเฟิงน่าเวทนามาก กระบี่ฟ้าครามโดนโจมตีจนตกอยู่ข้างๆ ทั้งตัวเต็มไปด้วยแผล
หานเฟิงโงนเงนยืนขึ้นมา
“สะใจ!”
หานเฟิงพูดออกมา กระบี่ฟ้าครามลอยกลับมาในมือเขาอีกครั้ง
มู่ซั่วกับลู่หลินเดินขึ้นมาช้าๆ พลังปราณปกคลุมร่างกาย พลานุภาพมหาศาล
“หานเฟิง ฉันจะทำให้นายรู้ ที่นายพูดว่าหนึ่งต่อสอง แค่การต่อสู้ตลกๆ เท่านั้น”
บนกระบี่ไม้ท้อของมู่ซั่ว มีแสงสว่างขึ้นมา ดอกท้อปรากฏขึ้นมาเลือนลาง
นี่เป็นวิชากระบี่ที่ไม่ได้รับความนิยมของคณะกระบี่ กระบี่ดอกท้อสามพันที่ชำนาญมือ
ตัวของลู่หลินเริ่มเลือนลาง ทำให้เห็นไม่ชัด ราวกับทั้งตัวกลายเป็นสายลม
“คณะหนึ่งเดียวน่าขำ!”
ทั้งสองคนจงใจพูดเสียงดัง ทำให้นักเรียนในที่นี้ได้ยินอย่างชัดเจน
ตอนนี้ขนาดศิษย์พี่ฉู่สิงกับฉู่เทียน ยังขมวดคิ้วเป็นปม
ในความคิดของพวกเขา จากพละกำลังของหานเฟิงในตอนนี้ จะเอาชนะสองคน เป็นเรื่องยากมาก ตอนนี้ลู่ฝานก็รู้สึกว่าโอกาสชนะของหานเฟิงน้อยมาก วิธีนี้ดูบุ่มบ่ามจริงๆ
แต่หานเฟิงไม่ได้คิดแบบนี้ เขายังคงยิ้มอย่างมีความดีใจ
“ลูกหลานตระกูลหาน มีเพียงพินาศไปด้วยกัน นองเลือด ไม่มีทางถอยและยอมแพ้”
ทันใดนั้นหานเฟิงยกกระบี่ฟ้าครามขึ้นมา กรีดลงบนแขนตัวเองอย่างแรง
เลือดเปื้อนลงบนกระบี่ฟ้าคราม ต่อมากระบี่ฟ้าครามบิดอย่างแปลกประหลาด
เสียงของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรดังขึ้นในตัวลู่ฝาน
“ของดี มีของดีปรากฏขึ้นอีกแล้ว เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ เจ้านายเป็นคนหาเจอเหรอ”
ลู่ฝานไม่ได้สนใจไอ้เก้า จ้องหานเฟิงเขม็ง
เจดีย์เสวียนเก้ามังกร “เห็น” เหตุการณ์อย่างชัดเจน อดพูดอย่างหดหู่ไม่ได้ “โอ๊ย เป็นของคนอื่นอีกแล้ว เอามาได้ก็ดี ไอ้เด็กนั่นเป็นคนของตระกูลหานสินะ สืบทอดมาหลายปีขนาดนี้ ตระกูลหานยังไม่พังทลายลง ก็ใช่ ตระกูลวิปริตแบบนี้ จะพังทลายลงได้ยังไง เหอะๆ ฉันจะสนใจคนตระกูลหานไปทำไมกัน ตระกูลบ้าบอ พวกบ้าที่กวนบาทา”
เสียงของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรหายไป
บนเวทีประลองทรงกลม ทั้งตัวของหานเฟิงดูมีออร่าน่ากลัวเกิดขึ้น
เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าแผลบนตัวหานเฟิง สมานกันอย่างรวดเร็ว ในดวงตาทั้งสองข้างมีแสงสีแดงทอง
ลู่หลินกับมู่ซั่วเห็นว่าผิดปกติ จึงยกกระบี่เดินเข้ามา กระบี่ในมือทั้งสองคน แทงลงบนตัวหานเฟิงอย่างไม่ลังเล เร็วจนไม่สามารถสังเกตได้