Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1415 เงาดำแห่งความตายกำลังลุกลาม

ตอนที่ 1415 เงาดำแห่งความตายกำลังลุกลาม

ฝ่ามือหนึ่ง อานุภาพทรงพลังเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม ทำให้เกิดเสียงอึงอลระลอกหนึ่ง

หากหลินสวินเป็นคนธรรมดาที่ไม่ผ่านการฝึกปราณมาจริงๆ ฝ่ามือนี้ตบลงไปไม่ตายก็สาหัส

แต่หลินสวิน แน่นอนว่าไม่ใช่คนธรรมดา

ปัง!

ครู่ต่อมาฝ่ามือนี้ก็ร่วงลง แต่กลับตบลงบนใบหน้าของผู้คุ้มกันคนนั้นเสียเอง อีกทั้งพลังก็เปลี่ยนไปจนน่ากลัวอย่างที่สุด

ทั้งศีรษะของผู้คุ้มกันถูกตัวเขาเองตบจนแหลกละเอียด!

ภาพนี้ดูแล้วแปลกประหลาดอย่างที่สุด ความรู้สึกนั่นเหมือนตบตัวเองจนตายในฝ่ามือเดียว นองเลือดน่าอนาถ

ผู้คุ้มกันคนอื่นล้วนตื่นตะลึง เหมือนยากจะเชื่อ หรือไม่ก็สงสัยว่าตนตาฝาดไป

แต่ตอนนี้หลินสวินได้เดินไปทางประตูใหญ่แล้ว

“หยุด!”

เสียงชิ้งดังขึ้นคราหนึ่ง ผู้คุ้มกันคนหนึ่งชักดาบข้างตัวฟันลงไปอย่างเดือดดาล

นี่เป็นการตอบสนองโดยจิตสำนึก

ฟุ่บ!

แต่ครู่ต่อมาดาบนั่นพลิกกลับแล้วแทงเข้าลำคอของผู้คุ้มกันคนนั้น เลือดสดพุ่งออกมาราวกับน้ำตก

ผู้คุ้มกันคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างสั่นไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ท่าทางเหมือนเห็นผี ถูกภาพอันนองเลือดนี้ซัดสะเทือน

และตอนนี้หลินสวินก็ก้าวเข้าไปในประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลหวังแล้ว

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยหันหลังกลับเลยแม้แต่แวบเดียว

ผู้คุ้มกันเหล่านั้นช่างสมกับที่เป็นคนคุ้มกันมือฉมังของตระกูลหวัง หลังจากตระหนักได้ถึงความผิดปกติก็ส่งเสียงตะโกน เตือนว่ามีศัตรูบุกรุก

แต่ตอนที่พวกเขาอ้าปากหมายจะตะโกน ก็รู้สึกเพียงว่าในหัวมีเสียงวิ้งดังขึ้นคราหนึ่ง ราวกับถูกฟ้าผ่า

ครู่ต่อมาหน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลหวัง ศพล้มเกลื่อนพื้นกระจัดกระจาย ต่างเบิกตาโพลงหยุดหายใจ ร่างกายแม้จะครบถ้วนสมบูรณ์ จิตวิญญาณกลับถูกบดขยี้เป็นฝุ่นผงโดยพร้อมเพรียงกัน

ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยลงมือเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงขั้นไม่เคยหันกลับไปมองแม้สักครั้ง

แต่ภาพการตายแปลกประหลาดแต่ละภาพกลับทำให้เสี่ยวเฉ่าที่อยู่ห่างออกไปตกใจจนหนังหัวชาวาบ จิตวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง

ใช่ว่านางไม่เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกปราณ แต่กลับไม่เคยเห็นการฆ่าคนที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน

หลินสวินราวกับเทพแห่งความตายที่มาจากนรก ทุกที่ที่ผ่านล้วนถูกเงามืดแห่งความตายปกคลุม ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!

นี่น่ากลัวเกินไป!

“ไม่มีทาง… เขาไม่มีทางรอดออกไปได้…”

เสี่ยวเฉ่าขวัญหนีดีฝ่อ นางก้าวเท้าไปตามสัญชาตญาณ พุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหวังอย่างโซซัดโซเซ

……

คฤหาสน์ตระกูลหวังในวันนี้แขกผู้มีเกียรติมากันมากมายเต็มงาน คึกคักอย่างที่สุด เต็มไปด้วยโคมไฟหลากสี

ข้ารับใช้ สาวใช้เดินขวักไขว่อยู่ในพื้นที่ต่างกัน รับรองแขกเหรื่อที่มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

และมีผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งกระจายอยู่ภายใน ห่างกันห้าก้าวสิบก้าว วางกำลังอย่างแน่นหนา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ

“เจ้าเป็นใคร ใครให้เจ้าเข้ามา”

เห็นคนหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าอย่างหลินสวินเดินเข้ามา ดึงดูดสายตาระแวงจำนวนหนึ่งได้ทันที

น่าเสียดาย ไม่รอให้พวกเขาตอบสนองแต่ละคนก็ทรุดลงพื้น ตายไปอย่างไร้สุ้มเสียง

หากมองลงมาจากท้องฟ้าก็จะสามารถมองเห็นว่า บริเวณที่หลินสวินเดินไป ข้ารับใช้และผู้คุ้มกันตระกูลหวังแต่ละคนล้วนล้มลงราวกับหญ้าที่ถูกตัด

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครทันส่งเสียงเตือน!

ตอนที่เสี่ยวเฉ่าเดินตามฝีเท้าของหลินสวินเข้าไป ระหว่างทางเงียบสงัดและเย็นยะเยือก เห็นเพียงศพมากมายที่นอนขวางอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ

ในใจนางบีบรัดขึ้นมา ริมฝีปากซีดขาว จิตใจสั่นสะท้านเพราะความตระหนก ไม่กล้าเชื่อและไม่สามารถเชื่อได้

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

ไม่เห็นเลือด ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้อง ไม่เห็นการปะทะดุเดือด ก็มีคนตายอย่างไร้สุ้มเสียงมากขนาดนี้แล้วหรือ

นี่ยังใช่ตระกูลหวังที่ถูกมองว่าเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งของเมืองนครหยก มีอำนาจล้นฟ้าที่นางรู้จักอยู่หรือไม่

ไม่นานเสียงหัวเราะร่าเริงก็ดังมาแต่ไกล

เสี่ยวเฉ่าเพิ่งจะพบว่ามาถึงใจกลางของตระกูลหวังโดยไม่รู้ตัว บริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกลนักก็คือ ‘โถงรับแขก’

ตอนนี้ที่ตรงนั้นโคมไฟสว่างไสว เสียงพูดคุยหัวเราะดังขึ้นไม่ขาดสาย

เห็นได้ชัดว่าเหล่าคนใหญ่คนโตที่รวมตัวกันอยู่ในโถงรับแขกยังไม่สังเกตเห็นว่า มีบุคคลที่ประหนึ่งเทพแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!

นี่ทำให้เสี่ยวเฉ่าเย็นเยียบไปทั้งตัวอย่างพูดไม่ออก

ตระกูลหวังมียอดฝีมือมากมายเท่าไร ยามคุ้มกันหนาแน่นเพียงใด แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินบุกรุกราวกับสถานที่ที่ไม่มีคน!

นี่น่ากลัวเกินไป และเหลือเชื่อเกินไป!

……

โถงรับแขก

ผู้นำตระกูลหวังหวังเทียนสิงนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน ใบหน้าแดงฝาดประสาคนสุขภาพจิตดี เจือรอยยิ้มภาคภูมิ

ในห้องโถงเต็มไปด้วยคนใหญ่คนโตซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาในเมืองนครหยก วันนี้ล้วนมารวมตัวกันที่นี่อย่างพร้อมเพรียง

บนใบหน้าทุกคนล้วนเผยรอยยิ้มแฝงความถ่อมตัว ถึงขั้นเจือแววประจบเอาใจ

นี่ทำให้หวังเทียนสิงสบายใจอย่างมาก

สิบกว่าปีที่แล้วตระกูลหวังของเขายังเป็นเพียงแค่ขุมอำนาจธรรมดาๆ ตระกูลหนึ่งในเมืองเท่านั้น ตอนนั้นเขาหวังเทียนสิงยามพบหน้าเหล่าคนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่พวกนั้น ทำได้เพียงแค่แสร้งถ่อมตัว ยิ้มประจบเอาใจคอยฟังพวกเขาพูด

แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว!

เมืองนครหยกในตอนนี้ ขุมอำนาจตระกูลหวังของเขาสามารถบดบังท้องฟ้าด้วยมือข้างเดียวแล้ว!

จุดพลิกผันของทุกสิ่ง อยู่ที่บุตรสาวของเขาแต่งงานกับลูกเขยที่ดี

คิดถึงตรงนี้สายตาของหวังเทียนสิงเหลือบไปไกลๆ ตรงนั้นมีชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดคลุมหยก สวมเกี้ยวประดับขนนก คาดเข็มขัดมังกรท่าทางสง่างามคนหนึ่ง

หวงฝู่เซ่าอวี่!

ศิษย์สายในแกนหลักแห่งสำนักเมฆาเขียว ด้วยพรสวรรค์ฝึกปราณที่น่าทึ่งไร้เทียมทาน ตอนนี้ถูกกำหนดให้เป็นผู้สืบทอดต่อไปของสำนักเมฆาเขียวแล้ว!

พูดได้ว่าเพราะหวงฝู่เซ่าอวี่ จึงทำให้ตระกูลหวังของเขามีอำนาจอิทธิพลและฐานะในวันนี้

‘อีกไม่กี่ปี พอเซ่าอวี่ครองสำนักเมฆาเขียว ตระกูลหวังของข้าก็สามารถแผ่ขยายอาณาเขตได้แล้ว…’

หวังเทียนสิงคิดอย่างรุ่มร้อน เมืองนครหยกไม่สามารถตอบสนองความทะเยอทะยานของเขาได้แล้ว!

‘ผู้นำตระกูล เมื่อครู่นี้มีข่าวมาว่าหอสุราในเมืองเกิดเหตุการณ์นองเลือด ตอนนั้นมีลูกหลานขุมอำนาจไม่น้อยถูกฆ่า’

ขณะกำลังคิดอยู่นั่นเอง คนที่ท่าทางดูเหมือนเป็นพ่อบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาสื่อจิตเสียงเบา เล่าเรื่องทั้งหมดรอบหนึ่ง ‘มีคนสงสัยว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมือของตระกูลหลิน เพราะคนรุ่นเยาว์ที่เข้าร่วมงานเลี้ยงตอนนั้นมีเพียงลูกหลานตระกูลหลินที่ไม่ถูกฆ่า’

หวังเทียนสิงขมวดคิ้ว ‘ตระกูลหลินหรือ ล่มสลายจนไม่เหลือซากตั้งนานแล้ว เหตุใดยังมีความสามารถในการทำเช่นนี้อีก’

พ่อบ้านเองก็ท่าทางไม่เข้าใจ สื่อจิตว่า ‘ข้าน้อยเองก็สงสัยมาก ทันทีที่ข่าวออกมาก็ส่งคนไปตรวจสอบทันที แต่จนตอนนี้ยืนยันได้เพียงเรื่องเดียว’

‘เรื่องใด’

‘ตอนที่คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นโดนฆ่า เคยมีคนเห็นกับตาว่านายน้อยหลินสวินที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลินปรากฏตัวนอกหอสุรา’

‘เจ้าคงไม่ได้สงสัยว่าเจ้าโง่นั่นเป็นคนร้ายหรอกนะ’

หวังเทียนสิงหลุดขำออกมาทันที เหมือนได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก ‘เจ้าสืบต่อไป งานเลี้ยงวันนี้มีความหมาย อย่าทำให้เรื่องนี้รบกวนความสนุกของทุกคน’

พ่อบ้านพยักหน้ารับคำสั่งแล้วออกไป

หวังเทียนสิงจมสู่ภวังค์ความคิด ในเมืองนี้มีใครกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ฆ่าคุณชายตระกูลใหญ่ทั้งกลุ่ม นอกจากนี้ยังไว้ชีวิตเฉพาะลูกหลานตระกูลหลิน

หรือเป็นฝีมือของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินจริงๆ

ในจิตใต้สำนึกเขามองข้ามหลินสวินไปโดยตรง เจ้าโง่เช่นนั้น ในมือไร้ซึ่งพลัง จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร

ในเวลาเดียวกันหวงฝู่เซ่าอวี่เองก็คุยกับหวังจื่อหลวนภรรยาสาวที่อยู่ข้างๆ

“จัดการเรื่องราวได้เป็นอย่างไรบ้าง”

“เรื่องอะไร” หวังจื่อหลวนตะลึง

“เจ้าลืมแล้วหรือ” หวงฝู่เซ่าอวี่ขมวดคิ้ว

หวังจื่อหลวนใคร่ครวญคร่าวๆ ถึงนึกขึ้นได้ พลันอดยิ้มเอ่ยไม่ได้ว่า “เรื่องเล็กแค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้ท่านมาเป็นกังวล หากไม่มีอะไรผิดพลาด ชาตินี้เจ้าโง่นั่นจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว”

หวงฝู่เซ่าอวี่ดูเหมือนไม่พอใจนัก พูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าได้รับข่าวว่า เมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้วในเมืองเกิดเรื่องใหญ่ฮือฮาเรื่องหนึ่ง ลูกหลานตระกูลใหญ่ในเมืองหลายคนถูกฆ่า และมีคนเห็นกับตาว่าเจ้าโง่นั่นปรากฏตัวนอกหอสุรา”

“นี่เป็นไปไม่ได้!”

หวังจื่อหลวนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ท่านคงไม่ได้สงสัยว่าเจ้าโง่นั่นเป็นคนฆ่าคุณชายเหล่านั้นกระมัง ข้ารู้ดีว่าเจ้าหมอนี่ไม่เคยฝึกปกราณด้วยซ้ำ”

หวงฝู่เซ่าอวี่ขมวดคิ้วพูด “แต่เขาไม่ได้ตาย ทั้งยังปรากฏตัวในเมือง ไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงอย่างที่เจ้าพูด”

เมื่อหวงฝู่เซ่าอวี่ไม่พอใจทำให้หวังจื่อหลวนลนลานเล็กน้อย พลันเรียกสาวใช้ข้างกายคนหนึ่งมาถาม “บ่าวต้อยต่ำอย่างเสี่ยวเฉ่าเล่า กลับมาหรือยัง”

สาวใช้คนนั้นส่ายหน้า “ยังเจ้าค่ะ”

หวังจื่อหลวนอึ้งไป ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วกลับยังไม่กลับมา หรือจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ

“เซ่าอวี่ ท่านรอสักครู่ ข้าจะไปสืบด้วยตัวเอง”

หวังจื่อหลวนลุกขึ้น เดินออกจากห้องโถงอย่างเร่งรีบ

นางลอบกัดฟัน เสี่ยวเฉ่านางคนไร้ประโยชน์ เรื่องเล็กเรื่องเดียวยังทำไม่ได้ ยังอยากได้ความเชื่อใจจากข้าหรือ ฝันไปเถอะ!

นางเดือดดาล ตอนที่เดินออกจากโถงใหญ่เกือบชนกับเงาร่างที่เดินเข้ามา

“เจ้าตาบอดหรือ ไสหัวไป!”

นางอดด่าว่าไม่ได้

ตอนที่เงยหน้าขึ้นก็เห็นชายหนุ่มในชุดขาวตัวบางขวางทางอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะถอยเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้นางยิ่งโมโห

“หวังจื่อหลวน?”

ชายหนุ่มชุดขาวพูดพร้อมสีหน้าราบเรียบเหมือนต้องการยืนยัน

ถึงอย่างไรเขาเพียงแค่เคยเจออีกฝ่ายเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หวังจื่อหลวนในตอนนั้นเป็นเพียงแค่เด็กสาวอายุสิบสามสิบสี่เท่านั้น

“เจ้าเป็นใคร ถึงกับกล้าเรียกชื่อข้าตรงๆ ผู้คุ้มกันล่ะ ตายหมดแล้วหรือ ให้คนแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร”

หวังจื่อหลวนขมวดคิ้ว เดือดดาลยกใหญ่ หลายปีมานี้ในฐานะฮูหยินของหวงฝู่เซ่าอวี่ นางใช้ชีวิตอย่างทรงเกียรติ เดินไปถึงไหนก็ถูกเคารพและประจบสอพลอ

มีใครกล้าเรียกชื่อนางตรงๆ เช่นนี้บ้าง

ชายหนุ่มชุดขาวสีหน้านิ่งสงบ มองสาวงามที่เดือดดาลตรงหน้า หากไม่เห็นกับตาเขาก็ไม่กล้ามั่นใจนัก ว่านี่คือผู้หญิงที่ตอนนั้นวิ่งมาอยู่ต่อหน้าตนและถอนหมั้นตนด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

แม้ว่ารูปลักษณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก แต่หลายปีผ่านไป อุปนิสัยของอีกฝ่ายเหมือนจะยิ่งกำเริบเสิบสานกว่าเดิม

“ฮูหยิน เขา… เขา… คือหลินสวิน”

ห่างออกไปเสี่ยวเฉ่าปรากฏตัวแล้ว พูดด้วยริมฝีปากสั่นระริก

“หลินสวินอะไร…”

พูดถึงตรงนี้หวังจื่อหลวนก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เบิกตาโพลง “เจ้าบอกว่าเขา… เขาคือหลินสวินหรือ”

เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี ความเปลี่ยนแปลงในรูปลักษณ์ของหลินสวินทำให้นางจำไม่ได้

หลังจากตกตะลึงนางก็พลันถามโดยจิตใต้สำนึก “เจ้าโง่นี่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เสี่ยวเฉ่าเจ้าเป็นคนพาเขามาใช่หรือไม่ บอกแล้วมิใช่หรือว่าอย่าให้ข้าเห็นเขาอีกตลอดไป!”

พูดถึงตรงนี้นางโกรธจนเกินควบคุมแล้ว เสียงดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งน้ำเสียงยังแหลมเล็กเพราะความเดือดดาล

ทันใดนั้นในโถงรับแขกด้านหลังนาง บรรยากาศที่เดิมทีครื้นเครงก็ถูกเสียงร้องของนางรบกวน หลายสายตามองมา

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท