เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 431
ห้าวันต่อมา หน้าประตูของตระกูลลู่
“ลู่เฮ่าหราน พาทุกคนในตระกูลลู่ออกมาตายได้แล้ว”
“ลูกหลานเต่าหัวหดของตระกูลลู่ รีบๆออกมาจากกระดองได้แล้ว วันนี้ฉันจะเหยียบพวกแกให้ตายทุกคน”
“ตระกูลลู่ของพวกแกเก่งมากไม่ใช่เหรอ?ลู่ฝานของพวกแกอยู่ไหนเหรอ ให้เขาออกมาเดี๋ยวนี้ เป็นสุดยอดอัจฉริยะได้ยังไง ตอนนี้ตระกูลตัวเองกำลังจะถูกฆ่าล้างแล้ว แต่เขายังไม่กล้าปรากฏตัวเลย ฉันคิดว่ามันก็เป็นแค่เศษสวะเท่านั้น!”
……
ตั้งแต่เช้า มีแต่เสียงคนด่าทอดังเข้าในคฤหาสน์ของตระกูลลู่ตลอดเวลา
ลูกหลานตระกูลโม่สิบกว่าคนออกมาท้าทายก่อน เมื่อพวกเขามาถึงก็ทำลายคฤหาสน์ของตระกูลลู่ทันที
มีลูกหลานหลายคนของตระกูลลู่ พวกเขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเขาจับดาบเอาไว้และพุ่งออกไปต่อสู้กับลูกหลานของตระกูลโม่
แต่เวลาผ่านไปสักพัก ลูกหลานของตระกูลลู่โดนโจมตีจนลงไปนอนกับพื้น ตายไปยังดีกง่ามีชีวิตอยู่
จากนั้น โม่เทียนกับโม่หยุนเฟยก็ปรากฏตัว
ข้างๆของพวกเขาสองคน มีนักบู๊รูปร่างกำยำตามอยู่ นักบู๊พวกนี้ใส่ชุดสีเลือด เข็มขัดมีลวดลายของกะโหลกสีเลือดอยู่ สองคนที่เป็นผู้นำ เข็มขัดมีสีเงินเล็กน้อยอยู่ ส่วนสามคนที่อยู่ด้านหลัง เข็มขัดมีสีบรอนต์ทองอยู่
โม่หยุนเฟยพูดกับนักบู๊เหล่านั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ใช่แล้ว นักบู๊เหล่านี้คือคนที่เขาพามาด้วย และเป็นอาจารย์ซิงยวนให้ยันต์กับเขา เพื่อให้เขาไปเชิญนักบู๊พวกนี้มาช่วย
ห้าคนนี้ พวกเขาเป็นคนของสำนักโลหิตพิฆาต
ตอนที่โม่หยุนเฟยไปเชิญห้าคนนี้มา เมื่อเขาเจอห้าคนนี้ ทำให้เขาตกใจกลัวมากๆ
ถ้าไม่มียันต์ของอาจารย์ซิงยวนอยู่ในมือ เขาคงโดนคนของสำนักโลหิตพิฆาตสังหารไปแล้ว
เขาอาศัยนักบู๊ห้าคนนี้ ทำให้ตระกูลโม่สามารถบีบบังคับตระกูลลู่ได้ถึงขนาดนี้
ตอนที่ตระกูลโม่กับตระกูลลู่เริ่มต่อสู้กันนั้น ตระกูลโม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอด
“ผู้อาวุโสเมิงซัน วันนี้คงต้องรบกวนพวกคุณอีกแล้ว ถ้าจัดการตระกูลลู่ได้แล้ว พวกเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับพวกคุณสักสองสามวันในเมืองเจียงหลินอย่างแน่นอน”
คนที่ชื่อเมิงซันนั้น เขาคือหัวหน้าของนักบู๊จากสำนักโลหิตพิฆาต
เมิงซันสะบัดมือและพูด:”ไม่ต้องจัดงานเลี้ยงฉลอง แค่หาผู้หญิงสวยๆสักสองสามคนมานอนกับฉัน แค่นี้ก็พอแล้ว ฮ่าๆๆๆ……”
โม่หยุนเฟยหัวเราะออกมา แต่ในใจด่าบรรพบุรุษของคนๆนี้ไปหลายชั่วโคตรแล้ว ไม่รู้จริงๆว่าคนๆนี้ฝึกฝนถึงยอดแดนปราณนอกได้ยังไง
อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเมิงซันนั้น เป็นชายวัยกลางคนที่ชื่อเหมาอี เขาพูด:”ผู้เฝ้าเมืองของเมืองเจียงหลินมีกฎระเบียบเยอะมากๆ พูดกันตามตรง วันแรกที่พวกเรามาถึงที่นี่ พวกเราช่วยนายฆ่าล้างตระกูลลู่ให้สิ้นซากก็ได้แล้ว ทำไมยังต้องสร้างเวทีประลองชีวิตด้วย ค่อยๆสู้กันทีละคน ค่อยๆฆ่าทีละคน มันลำบากจริงๆ”
โม่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม:”พี่เหมา กฎระเบียบนี้ไม่ได้มีแค่ในเมืองเจียงหลินของพวกเราเท่านั้น ทั้งทั่วเขตตงหวา แม้แต่ครึ่งประเทศของประเทศอู่อานก็มีกฎระเบียบนี้อยู่เหมือนกัน ทั้งสองตระกูลมีความแค้นแค่ไหน จะต้องชำระความแค้นอย่างเปิดเผย จำเป็นต้องสร้างเวทีประลองขึ้นมาและต้องต่อสู้ทุกๆห้าวัน ฆ่าจนอีกฝ่ายยอมแพ้หรือตายไปทั้งหมด ถ้าไม่ทำตามกฎระเบียบละก็ อาจจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็ได้ อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากถูกจับไปเป็นทหารในจวนผู้เฝ้าเมืองและกลายเป็นทหารตัวเล็กๆด้วย
เหมาอีเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก
จู่ๆเมิงซันที่อยู่ข้างๆก็พูดกับเหมาอีเบาๆ:”เหมาอี วันนี้พวกเราไม่ควรลงมือแล้ว ผู้อาวุโสซิงยวนมีคำสั่งลงมาให้พวกเรากลับไปได้แล้ว”
เหมาอีถามด้วยความตกใจ:”คำสั่งลงมาเมื่อไหร่?ถ้ากลับไปตอนนี้?ไม่ได้นะ”
เมิงซันพูด:”ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พวกเราต้องทำตามคำสั่ง ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่า วันนี้พวกเรามาออกหน้าเฉยๆก็พอและพยายามไม่ลงมือประลอง ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ส่งเฟ่ยซิงและคนอื่นๆลงไปประลองก็พอแล้ว”