เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 443
พอลู่ฝานส่งเสียงไม่พอใจ บรรยากาศก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ลูกหลานของตระกูลลู่ทั้งหลายที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เริ่มเอื้อมมือไปจับอาวุธแล้ว
โจวเจิ้นโส่วเดินถอยหลังไปสองก้าว ถึงแม้เขาจะเป็นผู้เฝ้าเมือง แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องนักบู๊แล้วล่ะก็ เขาก็เป็นแค่นักบู๊ที่เพิ่งฝึกถึงแดนปราณในเท่านั้น พอเผชิญหน้ากับพวกคนตระกูลลู่ที่มีรังสีอาฆาตพลุ่งพล่านทั่วตัวแบบนี้ เขาก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาเหมือนกัน
“พวกนายจะทำอะไร คิดจะกบฏหรือไง?”
โจวเจิ้นโส่วแสร้งทำเป็นตวาดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
ตอนนี้ลู่ฝานก็ค่อยๆ ลุกขึ้น “ตระกูลลู่ของเราไม่ได้คิดจะเป็นปฏิปักษ์กับทางการ โจวเจิ้นโส่ว ท่านก็เป็นผู้เฝ้าเมืองเสเพลของท่านไป ตระกูลลู่ของพวกเราก็จะเป็นตระกูลนักบู๊ต่อไป เดิมทีพวกเราก็ไม่ติดต่ออะไรกัน เป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ก็ทำตามแบบเดิมดีกว่า ส่วนคนร้ายที่ท่านขอ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เขาได้ตายในสงครามที่ต่อสู้กับตระกูลโม่ไปแล้ว เชิญกลับไปเถอะ!”
ลู่ฝานสั่งให้ส่งแขก เขาไม่กลัวผู้เฝ้าเมืองอะไรเลยด้วยซ้ำ
ประเทศอู่อาน นักบู๊เป็นใหญ่ จะว่าไปแล้ว ฐานะศิษย์สถาบันสอนวิชาบู๊ของเขา ก็เพียงพอที่จะให้เขาไม่ต้องไปสนใจผู้เฝ้าเมืองที่เป็นคนระดับนั้นของทางการ
นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผล ที่ว่าทำไมคนจำนวนนับไม่ถ้วนอยากจะเข้าไปฝึกวิชาในสถาบันสอนวิชาบู๊
ดินแดนนี้ ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ ถ้าอยากจะกดดันหัวคนอื่น ขอโทษที เอาพลังของนายออกมาสิ
ยิ่งเป็นคนของทางการ ก็ยิ่งต้องทำตามระเบียบ
ลู่ฝานไม่เชื่อ ว่าอยู่ดีๆ โจวเจิ้นโส่วจะกล้านำกำลังพลเข้ามาตระกูลลู่ของพวกเขา
คิดว่าสารวัตรของประเทศอู่อานที่มีอยู่เต็มเมืองเป็นพวกโง่หรือไง!
โจวเจิ้นโส่วถูกทำให้โมโหไม่น้อย หลายปีมาแล้ว เขาไม่เคยเจอคนที่กล้าโอหังต่อหน้าเขาแบบนี้เลย
โจวเจิ้นโส่วชี้หน้าลู่ฝาน แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กตระกูลลู่ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์สถาบันสอนวิชาบู๊แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรนาย ฉันว่านายนี่แหละที่เป็นคนฆ่าคน ตั้งลานประลองเป็นตายขึ้นไม่โดยไม่ทำตามระเบียบ พาคนไปฆ่าล้างตระกูลโม่โดยพลการ หลายสิบปีมานี้ ในเมืองเจียงหลินยังไม่เคยมีใครโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างนายมาก่อน ตอนนี้ฉันจะจับนายไปเข้าคุก ลงมือเลย!”
โจวเจิ้นโส่วสั่งการ นักบู๊สองคนด้านหลังก็ยกมือจะไปจับลู่ฝาน
พลังปราณของสองคนก็ปล่อยออกมาเป็นเสื้อปราณปกคลุมกาย ล้วนเป็นนักบู๊แดนนอก
ทางตระกูลลู่ก็จะลงมือ แต่ลู่ฝานกลับปล่อยพลังปราณออกมา ร่างกายเคลื่อนไหวดั่งเงา เข้าไปต่อยคนละหมัด จนสองคนนั้นล้มลงพื้น
ไม่ต้องใช้ทักษะวิชาบู๊อะไรเลยด้วยซ้ำ แค่ใช่พลังปราณที่ระเบิดออกมาหลายสิบส่วนก็สามารถต่อยนักบู๊แดนปราณนอกสองคนนี้สลบไปได้แล้ว
มีระดับแดนนอกเหมือนกัน ต่อให้สองคนนี้จะมีพลังปราณแข็งแกร่งแค่ไหนก็ดี หรือจะใช้วิชากายอะไรต่างๆ ก็ตาม ล้วนไม่สามารถเทียบเคียงกับนักเรียนของสถาบันสอนวิชาบู๊ได้หรอก
เป็นข้อแตกต่างของการถ่ายทอดวิชา วิทยายุทธเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเดินสายนอกรีต ฝึกวิชาที่แย่ๆ ออกมา ส่วนอีกฝ่ายตอนเริ่มต้นก็ได้สัมผัสกับวิชาระดับสุดยอด มียอดฝีมือคอยชี้แนะ ก็เลยไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา
ก็เหมือนกับพวกเมิงซัน ถึงแม้จะมีวิทยายุทธระดับยอดแดนปราณนอก ถ้าพวกเขาได้เข้าไปในสถาบันสอนวิชาบู๊ เกรงว่าแม้แต่พวกเฉียวเซวียนก็ยังสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างสบายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลู่ฝานเลย
ลู่ฝานใช้กระบวนท่าเดียวสยบศัตรู โจวเจิ้นโส่วเห็นแล้วต้องถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าก็เริ่มกลัว
“ลู่ฝาน นายคิดจะทำอะไร ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะว่า ฉันเป็นคนของทางการ เป็นตัวแทนของประเทศอู่อาน ถ้านายลงมือกับฉัน ก็จะมีโทษประหารเก้าชั่วโคตร”
ตอนนี้ ก็มีเสียงด่าดังเข้ามาเรื่อยๆ
“งั้นหรือ? ทำไมฉันรู้สึกว่าต่อให้ศิษย์น้องลู่ฝานฆ่านายตาย ก็จะไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อยล่ะ?”
คนที่ออกมากับเสียง ก็คือ หานเฟิง
แล้วหานเฟิงก็โยนป้ายแนหนึ่งมาตรงหน้าของโจวเจิ้นโส่ว แล้วพูดว่า “รู้จักไหม?”
โจวเจิ้นโส่วก้มหน้าลงไปดู บนป้ายเหล็กธรรมดาๆ นั้น เขียนอักษรไว้ว่า หาน