เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 505
สีหน้าเซี่ยวเอ๋อร์หลากหลายไปหมด พละกำลังการต่อสู้ที่ลู่ฝานแสดงออกมา กำลังตบหน้าเธอชัดๆ อีกทั้งยังตบจนเกิดเสียงดังเพียะๆ อีกด้วย
ลู่ฝานกวาดตามองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ยังมีใครอยากลองอีกไหม”
ทันใดนั้น ทุกคนถอยหลังตามสัญชาตญาณ
ลู่ฝานเดินมาข้างเซี่ยวเอ๋อร์แล้วพูดว่า “ยืนข้างผมก็พอ ถ้านายเดินห่าง ผมปกป้องนายไม่ได้นะ”
เซี่ยวเอ๋อร์ไม่พูดอะไรสักคำ บนโลกนี้พละกำลังคือทุกสิ่งทุกอย่าง
แววตาที่เซี่ยวเอ๋อร์มองลู่ฝานกำลังวูบไหว ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ในใจเธอตกใจเป็นอย่างมาก
พวกเหอาซิงที่โดนชกจนสลบ โดนค่ายกลส่งออกไปทันที
ตอนนี้คนที่เหลือมองกันไปมา หลังจากมองกันอยู่ครู่หนึ่ง มีคนตะโกนออกมาว่า “เราเข้าไปพร้อมกัน จัดการเขาทิ้งก่อน”
น่าเสียดาย ไม่มีใครเห็นด้วยกับเสียงตะโกนของเขา
ลู่ฝานหันมามองคนที่ตะโกน ไม่ได้ขยับไปไหน
แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลังวิญญาณในตัวพุ่งขึ้นมา แสงหม่นพาดผ่าน
คนนั้นสลบลงไปบนพื้น สถานการณ์ประหลาดแบบนี้ ทำให้คนอื่นไม่กล้าขยับไปไหน
ลู่ฝานไม่พูดอะไรสักคำ แค่กวาดตามองรอบๆ
สายตาของเขาเหมือนมีดคม เมื่อเขากวาดตามอง ไม่มีใครกล้าสบตาเขาสักคน
ลู่ฝานส่งเสียงหึออกมาเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันต้องการรายชื่อแค่สองที่ อย่างอื่นแล้วแต่พวกนาย แค่ไม่ก่อกวนฉัน ฉันจะไม่ลงมืออีก”
ทุกคนพากันโล่งอก แค่สองที่เท่านั้น ยังดีๆ
พวกเขาคิดว่าลู่ฝานเพียงคนเดียว สามารถจัดการทุกคนได้
รายชื่อสิบคน ตัดไปสองคน เหลือแค่แปดคน
ทันใดนั้น ทุกคนเริ่มมองคนข้างๆ ทุกคนมีโอกาสเป็นศัตรูของตัวเอง
จู่ๆ การต่อสู้อย่างวุ่นวายเริ่มขึ้น พลังปราณพลุ่งพล่าน
ลู่ฝานพาเซี่ยวเอ๋อร์เดินมาตรงมุม เพื่อหลบการเคลื่อนไหวของพลังปราณ
ลู่ฝานมองเงียบๆ ผลการฝึกตนของคนพวกนี้พอใช้ได้ แต่กระบวนท่าไม่ต่างจากหม่าจิ่น อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ดูดีแต่ประสิทธิภาพแย่มาก
การต่อสู้แบบนี้ ถ้าอยู่ในสถาบันสอนวิชาบู๊ ต้องโดนนักเรียนสถาบันสอนวิชาบู๊ซัดจนสมองไหลแน่นอน
ลู่ฝานไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนชอบฝึกเคล็ดวิชาบู๊ที่ไร้ประโยชน์แบบนี้
จากความเข้าใจของเขา เขาไม่เข้าใจว่ากระบวนท่างดงาม มีความหมายอะไรกับคุณชายร่ำรวยพวกนี้
กลุ่มคนต่อสู้กันดุเดือดมาก มีคนที่สู้ไม่ได้ อยากจะเอาการต่อสู้มาทางลู่ฝาน ให้ลู่ฝานช่วยสู้
ลู่ฝานตอบกลับด้วยการซัดหมัดใส่คนนั้นจนกระเด็น
ทุกคนที่เข้าใกล้เขาในระยะเก้าเมตร เขาจะจัดการทิ้งอย่างไม่ปรานี
จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาอีก
เซี่ยวเอ๋อร์ดูอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา เธอคงเป็นคนที่สบายสุดในที่นี้แล้ว
แต่ตอนนี้ความคิดของเซี่ยวเอ๋อร์ ไม่ได้อยู่กับการต่อสู้ของคนพวกนั้น แต่กลับอยู่กับลู่ฝาน
“นี่ ไอ้บื้อ นายเป็นคนที่ไหน ในตระกูลยังมีใครอีก สนใจตั้งรกรากที่เมืองตงหวาไหม”
เซี่ยวเอ๋อร์ดึงปลายเสื้อลู่ฝาน แล้วถามขึ้น
ลู่ฝานตอบอย่างราบเรียบว่า “ผมชื่อลู่ฝาน ไม่ใช่ไอ้บื้อ ขอโทษด้วย ผมไม่มีความคิดตั้งรกรากในเมืองตงหวา ผมแค่มาสอบตำแหน่งผู้ตรวจการเท่านั้น”
เซี่ยวเอ๋อร์เบะปาก “ฉันไม่สนว่านายชื่ออะไร ดูท่าทางเย็นชาของนายเหมือนท่อนไม้ ไม่ใช่ไอ้บื้อแล้วจะเป็นอะไรได้อีก นายต้องเป็นคนของเขตตงหวาแน่ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่มาอยู่ที่เมืองตงหวาล่ะ ฉันมีตำแหน่งสุดเจ๋งแนะนำให้นายนะ ไม่ด้อยไปกว่าเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจการเลยล่ะ นายคิดดูก่อนไหม เพราะยังไงคนเราก็ต้องก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือไง”