Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1404 อานุภาพดุจผ่าลำไผ่

ตอนที่ 1404 อานุภาพดุจผ่าลำไผ่

“หลินสวิน เจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานในบรรดาเผ่ามนุษย์จริงๆ เทียบเทียมกับพวกเราได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยต้องสู้กันเพื่อพวกต้นหญ้าไร้ค่าฝูงหนึ่งด้วยเล่า บรรพจารย์อสูรมารชื่นชมเจ้ามาก หากพวกเราร่วมมือกันต้องคุมฟ้าดินแถบนี้ได้โดยสมบูรณ์แน่!”

ราชันเถาวัลย์เพลิงเอื้อนเอ่ยแช่มช้า นางประดับศีรษะด้วยเกี้ยวขนนกเพลิง มือถือไม้เท้าอัคคี รูปลักษณ์ท่วงท่าทรงเสน่ห์ แต่กลิ่นอายกลับแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ราชันอสูรมาร

ไกลออกไปผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิต่างขุ่นเคืองเข้าแล้ว พวกเขาถึงกับถูกอสูรมารตนหนึ่งมองเป็นต้นหญ้าไร้ค่า จะไม่โกรธได้อย่างไร

“ในสายตาพวกเจ้าเผ่ามนุษย์เหมือนต้นหญ้าไร้ค่า แต่ไม่รู้หรือว่าในสายตาของข้า พวกเจ้าต่างอะไรกับต้นหญ้าไร้ราคา”

หลินสวินสีหน้าเย็นชา

สมัยอยู่ที่แดนมกุฎเขาเคยฆ่าผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไร ยามอยู่ที่ดินแดนรกร้างโบราณยิ่งเคยปลิดชีพอริยะกับมือด้วยซ้ำ

ราชันอสูรมารเหล่านี้ยังกล้ามาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าเขา จะน่าขันเกินไปแล้ว

“เผ่ามนุษย์เป็นพวกต่ำช้าไม่รู้เรื่องรู้ราวดังคาด ยังกล้ามองพวกเราเป็นต้นหญ้าไร้ค่า ไม่คุยโอ่เกินไปหน่อยหรือ”

ราชันเจียวสมุทรสีหน้าอึมครึม

ราชันอสูรมารเช่นนี้ต่างมีพลังพรสวรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ สามารถควบคุมลมฝน พลิกแม่น้ำคว่ำทะเลได้ง่ายดาย พลังต่อสู้น่ากลัวถึงที่สุด

สำหรับผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิ ราชันอสูรมารพวกนี้ทำให้ผู้คนครั่นคร้ามได้จริง แต่สำหรับหลินสวินแล้วก็ดูอ่อนหัดถึงที่สุด

“พวกปลาซิวปลาสร้อย ไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำยังกล้าวิจารณ์ใหญ่โต ไม่รู้สึกว่าน่าขันหรือ”

หลินสวินระบายยิ้มเย้ยหยัน เอ่ยเด็ดขาดว่า “อย่าพูดพร่ำทำเพลงอีกเลย ให้ราชันอาภรณ์ดำกับราชันพ่อมดพวกนั้นปรากฏตัวเถอะ”

“อวดดี!”

ราชันอสูรมารเหล่านั้นล้วนกราดเกรี้ยว ดวงตาปรากฏจิตสังหาร ถูกยั่วให้โมโหแล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้หลินสวินยังกล้ากำเริบเสิบสานและแข็งกร้าวเช่นนี้ นี่ทำให้พวกเขาต่างเสียหน้าอยู่บ้าง

“อวดดีหรือ”

หลินสวินยิ้มหยัน ก้าวเท้ายาวไปในอากาศ แต่ละก้าวที่เหยียบย่างลงมาทำให้ฟ้าดินไหวสะเทือน “นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าไม่รู้ว่าอย่างไรเรียกว่าพลังที่แท้จริง!”

เงาร่างของหลินสวินว่องไวยิ่งขึ้น แสงมรรคทั้งกายไหลวนประหนึ่งดวงอาทิตย์สีเขียวดวงหนึ่งเคลื่อนตัดฟ้าดิน บดขยี้ฟ้ากว้าง

และฝั่งตรงข้ามเขา

คือราชันอสูรมารทั้งสิ้นสิบหกตน!

นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่เท่าเทียมโดยสิ้นเชิง ในจักรวรรดิแห่งนี้แทบไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันคนไหนกล้าทำเช่นนี้ โดยเฉพาะราชันอสูรมารเหล่านั้นแต่ละตนยังเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา

แต่หลินสวินดันทำเช่นนี้!

ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดินับไม่ถ้วนกังวลใจขึ้นมา สะท้านเพราะท่วงท่าอาจหาญเหนือโลกาของเขา ทั้งยังเป็นห่วงและหวั่นวิตก

ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าศึกนี้ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะ แต่ภาพที่บุกเข้าไปภาพนี้ต้องประทับอยู่ในใจของทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ยากลืมเลือนได้ไปชั่วชีวิต

“ฆ่ามัน!”

แววตาราชันเถาวัลย์เพลิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาหาใดเทียบ

ตูม!

ราชันอสูรมารตนหนึ่งกระโจนออกไป

เขามีหัวเป็นเสือดาวตัวเป็นมนุษย์ ร่างกายราวกับพ่นหลอมทองแดงหล่อเหล็ก สูงหลายจั้งแข็งแรงกำยำถึงที่สุด แบกกระบองสำริดคู่หนึ่งไว้บนหลัง กลิ่นอายดุร้ายยิ่ง

ราชันเสือดาว!

ราชันอสูรมารระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด เคยล้างบางหลายสิบเมืองในจักรวรรดิ ทหารจักรวรรดิที่ตายด้วยน้ำมือเขายิ่งมีนับไม่ถ้วน

“หลินสวิน ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เงาร่างเขาดุจสายฟ้า ว่องไวราวอสนีแผลงฤทธิ์ แสงประกายไหลวนอยู่บนร่าง รวดเร็วจนน่าตกตะลึง

ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในความเร็วของตนโดยสมบูรณ์ ถึงกล้าชิงเคลื่อนตัวออกไปต่อกรกับหลินสวิน

“ตาย!”

หลินสวินไม่หยุดก้าวเดิน กดนิ้วหนึ่งลงไปลวกๆ

แสงมรรคนับไม่ถ้วนผุดออกมาจากร่างเขา รวมตัวกันที่หนึ่งดรรชนี สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังดรรชนีอันไพศาลดุจดั่งกาลสารทวสันต์ บดขยี้ห้วงอากาศฝ่าทลายออกไป

ราชันเสือดาวเลือกหลบหนีไปตามจิตใต้สำนึก แต่ภายใต้นิ้วมือที่พลังอำนาจยิ่งใหญ่ราวกาลสารทวสันต์บีบคั้นไปทั่วจักรวาลได้นี้ กลับทำให้เขาไม่อาจหลบหนีไปไหนได้ ทางหนีทั้งหมดถูกปกคลุมไว้โดยสิ้นเชิง!

ปึง!

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ได้เห็นว่าพอราชันเสือดาวเพิ่งกระโจนออกมาก็ถูกหลินสวินกดนิ้วหนึ่งลงไปบนร่าง จากนั้นร่างของเขาก็ระเบิดกระจุยฉับพลันเหมือนเศษขนม

หนึ่งดรรชนี ทำลายราชันเสือดาว!

เหล่าราชันอสูรมารต่างสะท้านในใจ นัยน์ตาหดรัด แม้แต่ราชันเถาวัลย์เพลิงยังเผยแววหวาดหวั่น พวกเขานึกถึงผลการต่อสู้ของหลินสวินในอดีต ต่างรู้สึกไม่แปลกใจที่เป็นเช่นนี้

“เข้าไปพร้อมกัน!”

ราชันอสูรมารหลายตนตะโกนแล้วกระโจนออกมา

ได้แก่ราชันหมีทอง ราชันเหยี่ยววาโย ราชันเจียวสมุทร แต่ละตนต่างทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มี ไม่ดูแคลนแต่อย่างใด

“วายุพัดโบก!”

ราชันเหยี่ยววาโยตะโกนลั่น ลมพายุสีม่วงที่แปรสภาพมาจากพลังกฎเกณฑ์ลูกหนึ่งคำรามกลางฟ้าดินเหมือนมังกรฟ้าตัวหนึ่ง

“ฆ่า!”

ราชันหมีทองตะคอก พลันแปลงร่างเป็นเขาสูงพันจั้งประหนึ่งค้ำฟ้า แขนใหญ่หนาราวเสาหินโบกสะบัด กระแทกหมัดมาที่หลินสวิน

มองจากไกลๆ นั่นมันหมัดที่ไหน อย่างกับภูเขาสีทองลูกใหญ่ลูกหนึ่งกดทับลงมาชัดๆ

สวบ!

ด้านราชันเจียวสมุทรเงาร่างไหววูบ ถือทวนวงเดือนสำริดเล่มหนึ่งพุ่งไปยังหลินสวินด้วยเหนือใคร ไร้ผู้ใดต้านทานได้

นอกจากสามตนนี้ ราชันอสูรมารตนอื่นก็ลงมือพร้อมๆ กันไปด้วย

ชั่วพริบตาฟ้าดินแห่งนี้อับแสง กลิ่นอายน่ากริ่งเกรงราวกับวันโลกาวินาศมาเยือน ภาพเหล่านั้นสามารถทำให้ผู้คนในโลกสิ้นหวังได้

“เฉือน!”

แววตาหลินสวินเย็นยะเยือก ผมดำปลิวไสว เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีรอบด้านเช่นนี้ ปราณกระบี่เจิดจ้าเฉียบคมสายแล้วสายเล่าก็เคลื่อนออกมาจากภายในร่างเขาทันที

ยามปราณกระบี่แต่ละสายเคลื่อนออกมาก็ทำให้ฟ้าดินสั่นระรัว เสียงครวญใสราวมังกรครวญสะเทือนจักรวาล

เมื่อปราณกระบี่หนาแน่นปรากฏขึ้นพร้อมกัน กลางฟ้าดินมีแต่ปราณกระบี่ไพศาล ประกายคมไม่มีที่สิ้นสุด

ครืน!

ลมพายุที่ดุจดั่งมังกรฟ้าสีม่วงถูกปราณกระบี่สายหนึ่งฟันจนละเอียด

พลังหมัดมหึมาที่ตกลงมาจากฟ้าถูกแสงกระบี่แทงทะลุจากล่างขึ้นบนอย่างราบคาบ ทุกกระเบียดระเบิดออก

ด้านราชันเจียวสมุทรที่ถือทวนวงเดือนมาสังหาร เพียงรู้สึกว่าแขนสั่นไหวอย่างรุนแรง ถูกปราณกระบี่สายหนึ่งตวัดใส่จนกระเด็นถอยหลังไป

ปราณกระบี่นั้นเหมือนแข็งแกร่งเกินต้านชัดๆ!

“อ๊าก…!”

“ไม่!”

“เป็นไปได้อย่างไร”

เสียงโหยหวนเสียงแล้วเสียงเล่าแว่วมาจากห้วงอากาศ

ที่ประสบเคราะห์ก่อนคือราชันเหยี่ยววาโยซึ่งถูกปราณกระบี่สิบกว่าสายตัดสลับกันทั้งแนวนอนแนวตั้ง ร่างกายถูกกรีดเฉือนเป็นก้อนเลือดนับไม่ถ้วนในชั่วพริบตา

จากนั้นก็เป็นราชันเจียวสมุทรที่ถูกปราณกระบี่สายหนึ่งแทงทะลุทรวงอก ตรึงแน่นอยู่กลางอากาศ ดวงใจระเบิดแหลก จิตวิญญาณสลายเป็นฝุ่นผง

ส่วนร่างสูงหลายพันจั้งของราชันหมีทอง กลับเหมือนลูกหนังที่ถูกเจาะรูรั่ว ปล่อยลมออกมาพันจั้งในคราวเดียว เมื่อพินิจดูแขนขาทั้งสี่ของเขาถึงกับถูกฟันออกทุกท่อน!

ราชันอสูรมารตนอื่นๆ ที่กำลังพุ่งมาจากที่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ต่างตกใจอย่างห้ามไม่อยู่ สีหน้าเปลี่ยนไปมาก ด้วยถูกทำให้ตระหนกตกใจ

ต่อให้โง่เขลาเพียงไหน พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าหลินสวินมีความสามารถเพียงพอจะกำราบพวกเขาได้!

สวบ!

ก็ในตอนนี้เอง ราชันเถาวัลย์เพลิงออกโจมตีแล้ว

นางชี้ไม้เท้าเพลิงในมือไปในห้วงอากาศครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นแสงเพลิงสายหนึ่งก็เคลื่อนมาแล้วแปลงเป็นโซ่เทพเปลวเพลิงเต็มฟ้า แน่นขนัดราวกับน้ำตกที่เทลงมาจากสวรรค์

ฉับพลันนั้น เงาร่างของหลินสวินก็ติดอยู่ในกรงที่สร้างขึ้นจากโซ่เทพเปลวเพลิงพันกันหลังหนึ่ง

วู้ม!

ขณะเดียวกันเกี้ยวขนนกเพลิงที่หัวของราชันเถาวัลย์เพลิงพุ่งออกมา มันหมุนคว้างยิงมีดบินเปลวเพลิงเจิดจ้าสายแล้วสายเล่า ล้วนจำแลงมาจากกฎเกณฑ์ธาตุไฟอันน่ากลัว แหลมคมพิสดารหาใดเทียบ

“ระวัง!” จ้าวจิ่งเซวียนตกใจ

ก็พบว่าหลินสวินที่ถูกขังอยู่ในกรงเปลวเพลิงเหยียบลงไปหนึ่งฝ่าเท้า แสงมรรคน่ากริ่งเกรงแผ่ออกมาจากร่างของเขาประหนึ่งภูเขาถล่มทะเลคำราม

ตูม!

กรงเปลวเพลิงนั้นพลันระเบิดออกเสียงสะเทือน

หลินสวินตบฝ่ามือตามออกมาติดๆ

แสงมรรคสีเขียวอ่อนเปล่งประกายรวมตัวกันเป็นประทับฝ่ามือหนึ่ง ดูราวกับหินโม่มหึมาลูกหนึ่ง บีบอัดให้ห้วงอากาศยุบตัว บดขยี้มีดบินเปลวเพลิงสายแล้วสายเล่าให้กลายเป็นจุณ

ตูม!

ท่ามกลางเสียงดังลั่นน่าหวาดหวั่น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงพูดไม่ออกทุกคู่

ราชันเถาวัลย์เพลิงถูกพลังฝ่ามือดั่งหินโม่ลูกนั้นตบจนกระเด็นถอยออกไปหลายพันจั้ง ผิวหนังทรงเสน่ห์เย้ายวนนั้นแตกระแหงไปทุกกระเบียด เลือดสดๆ หลั่งริน

ฟ้าดินเงียบสงัดไปหมด

แม้แต่ราชันอสูรมารเหล่านั้นยังอกสั่นขวัญแขวน สีหน้าบิดเบี้ยว

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ทุกคนคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะน่ากลัวปานนี้ ราชันอสูรมารผู้โอ้อวดแสนยานุภาพจองหองถึงที่สุดพวกนั้น เมื่ออยู่ในฝ่ามือเขาก็เหมือนตุ๊กตาดินไร้ค่า อ่อนแอรับการโจมตีไม่ได้ ถูกกำราบไปอย่างง่ายดาย

อย่างราชันเถาวัลย์เพลิงผู้นั้น เป็นถึงราชันอสูรมารกร้าวแกร่งที่ทัดเทียมกับราชันผึ้งขาว มีพลังระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด

แต่นั่นแล้วอย่างไร ในเวลาอันสั้นนางก็ถูกหลินสวินตบกระเด็น!

“มาอีก!”

เงาร่างหลินสวินเจิดจ้า สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณถั่งโถมโคจร ทำให้ตัวเขาปกคลุมไปด้วยพลานุภาพผงาดกร้าวเหนือภูผาธารา กลืนกินใต้หล้า

ดุจดั่งเทพมาร!

เขาพุ่งออกไป ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง สะบัดมือหนึ่งครั้ง ปล่อยหมัดหนึ่งหน… เคลื่อนไหวอย่างผ่อนคลาย แต่กลับเจือไปด้วยพลานุภาพกดข่มฟ้าดิน สังหารมวลชนได้

ปึงๆๆ!

แม้ราชันอสูรมารเหล่านั้นต้านทานอย่างเต็มที่ก็ยังถูกสังหารเกลื่อนกลาดดังเดิม ใช้เวลาไม่กี่อึดใจก็ฆ่าตายไปอีกหกเจ็ดตน!

ตอนนี้หลินสวินมีอานุภาพคับฟ้า กดข่มไปทั่วทะเลสาบ

ผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิที่อยู่ไกลออกไปต่างสะท้านสะเทือนจนไร้คำพูดไปนานแล้ว ล้วนไม่กล้าเชื่อตาตัวเอง พวกเขาส่วนมากเพิ่งเคยเห็นหลินสวินลงมือเป็นครั้งแรก

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ในสถานการณ์ที่คนหนึ่งคนเผชิญหน้ากับราชันอสูรมารสิบกว่าตนโดยลำพัง หลินสวินกลับเหี้ยมหาญขนาดนี้เหมือนเช่นเคย

“หนี!”

“ไป!”

ราชันอสูรมารที่ยังเหลืออยู่เหล่านั้นต่างขวัญเสีย หนีไปในทะเลสาบวาโยอสนีอย่างร้อนรน

“ฟัน!”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ร่างกายประหนึ่งกลายเป็นดวงอาทิตย์ฉายแสง เจือไปด้วยกลิ่นอายอมตะไม่แตกดับ ธำรงอยู่ชั่วนิรันดร์

ปราณกระบี่หลากสายพลันทะลวงอากาศขึ้นไป เคลื่อนตัดกลางภูผาธารา

ฟุบ!

ฟุบ!

ฟุบ!

ชั่วดีดนิ้ว ปราณกระบี่ก็ออกไปปลิดชีพราชันอสูรมารที่หนีไปไกลทีละตน ไม่มีใครรอดชีวิต

ต่อให้เป็นพญาอสูรมารที่แข็งกล้าอย่างราชันเถาวัลย์เพลิงก็ไม่อาจโชคดีหนีพ้นไปได้!

ขณะนี้ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิต่างเหม่อลอยอยู่เช่นนั้น

ก่อนหน้านี้เมื่อได้ยินว่าทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนี้มีจิตสังหารเต็มแน่น จะไม่เป็นผลดีต่อหลินสวิน พวกเขาทุกคนต่างกังวลใจ ล้วนร่วมกันมาสนับสนุนหลินสวิน

จะคิดได้อย่างไรว่าไม่ต้องให้พวกเขาช่วยสักนิด หลินสวินคนเดียวก็เข่นฆ่าจนราชันอสูรมารเหล่านั้นพ่ายแพ้แตกกระสานซ่านเซ็น ถูกสังหารคาที่!

ภาพนองเลือดนั้นทำให้พวกเขาจิตใจสั่นระรัวขึ้นมา

ใครก็รู้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่ง ทั้งยังน่ากลัวกว่าที่คาดคิดเอาไว้

ราชันอสูรมารประหนึ่งเป็นต้นหญ้าอ่อนแอไร้ค่า ถูกกำจัดไปทีละตนด้วยน้ำมือเขา ใครจะกล้าเชื่อกัน

สวบ!

และตอนนี้เงาร่างหลินสวินได้ลอยละล่อง เคลื่อนตัวไปยังส่วนลึกของทะเลสาบวาโยอสนีแล้ว

การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

ราชันอสูรมารอย่างราชันอาภรณ์ดำและราชันผึ้งขาว รวมถึงราชันพ่อมดสิบสามคนยังไม่ปรากฏตัว คราวนี้ในเมื่อได้โอกาสชั้นเลิศเช่นนี้แล้ว หลินสวินจะยั้งมือไว้ได้อย่างไร

“เจ้า…”

จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้

หลินสวินพลันหยุดลง “ทำไมหรือ”

“ระวังตัว!”

คำพูดนับหมื่นพันอยู่ในปาก แต่ก็กลายเป็นเพียงไม่กี่คำนี้

หลินสวินยิ้มกว้าง โบกมือโดยไม่หันหน้ากลับมา “อีกเดี๋ยวข้าก็กลับมา”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท