เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 699
ลู่ฝานรู้สึกว่าเปลือกตาของตนเองเริ่มที่จะกระตุก เจตนาสังหารในร่างกายกำลังจะปลดปล่อยออกมา
ยังดีที่ความสามารถในการควบคุมร่างกายของเขานั้นยังแข็งแกร่งมากพอ เจตนาสังหารยังไม่ทันที่จะปลดปล่อยออกมา ก็ถูกเขายับยั้งกลับเข้าสู่ภายในร่างกายแล้ว
ศิษย์หลาน!
เขาเพิ่งจะได้ยินคำว่าศิษย์หลานจากปากของอี่ว์ชิงเฉิน
ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอี่ว์และสำนักโลหิตพิฆาตแล้ว
ไม่แน่ว่า กวนหานอาจจะเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ตระกูลอี่ว์ปล่อยออกมาก็เท่านั้น
ลู่ฝานเดินอย่างรวดเร็ว ราวกับผีสางเพื่อติดตามฝีเท้าของอี่ว์ชิงเฉิน
เขาที่เก็บระงับกลิ่นอายลมหายใจ และแอบซ่อนอยู่ในความมืดนั้น ราวกับเป็นเงาดำร่างหนึ่ง แม้ว่าจะเดินผ่านหน้าพ่อบ้านอาวุโสในระยะห่างแค่สามฟุต พ่อบ้านอาวุโสก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้
อี่ว์ชิงเฉินเดินกะเผลกไปยังห้องฝึกฝนวิชาของตน
ในหนึ่งช่วงเวลาบ่าย ก็เพียงพอแค่ให้เขาฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวได้เท่านั้น
แสงสีฟ้าบริเวณช่วงขายังไม่หายหมดไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเวลาเดิน ก็เหมือนกับกำลังลากขาสองข้างที่เป็นท่อนไม้ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
และยังต้องใช้พลังปราณของตนเข้าช่วยอีกแรงด้วย
แต่แบบนี้ ก็ถือว่าสะดวกต่อลู่ฝานในการสะกดรอยตาม
อี่ว์ชิงเฉินฮึมฮัมเพลงไปด้วย แสดงว่าอารมณ์ดีใช้ได้
เมื่อเปิดประตูห้องฝึกฝนวิชา ไข่มุกเรืองแสงทั้งสองข้างก็ประกายแสงขึ้นอัตโนมัติ
ทั่วทั้งห้องฝึกฝนวิชาสว่างไสวราวกับกลางวัน บริเวณรอบห้องเต็มไปด้วยอาวุธ หินฝึกซ้อมวิชา หุ่นเชิด รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ จัดวางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ
อี่ว์ชิงเฉินเดินตรงเข้าไปด้านใน จนมาถึงด้านหน้าของหุ่นเชิดสีแดงเลือด ถึงจะหยุดฝีเท้าลง
อี่ว์ชิงเฉินเคาะไปที่หุ่นเชิดสีแดงเลือด เพื่อปล่อยพลังปราณเข้าสู่ร่างหุ่นเชิดนั้นเล็กน้อย
ทันใดนั้น หุ่นเชิดสีแดงเลือดก็เรืองแสงขึ้น
ลู่ฝานมองเห็นหุ่นเชิดสีแดงเลือดปลดปล่อยแสงเรืองรองออกมา พร้อมกับกลิ่นเลือดที่เข้มข้น
จากนั้น หุ่นเชิดก็พูดขึ้น
“อาจารย์อา ฉันนึกว่าท่านตายไปแล้วเสียอีก”
แม้ว่าน้ำเสียงที่พูดออกมานั้นจะไม่เป็นธรรมชาติ เป็นความรู้สึกในแบบเครื่องจักรกล
แต่ลู่ฝานก็ยังสามารถที่จะฟังออกได้ว่า นี่คือน้ำเสียงของกวนหาน
แววตาของลู่ฝานพลันเย็นชาลงทันที โดยอี่ว์ชิงเฉินส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า: “คิดจะให้ฉันตาย มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก วางใจเถอะ ฉันได้พบเจอกับผู้ฝึกชี่ที่เก่งกาจช่วยรักษาอาการป่วยให้ฉันแล้ว ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็หายดีเป็นปกติ เหลือเพียงแค่ช่วงขาที่ยังเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วเท่าไรนัก ศิษย์หลานกวนหาน ตอนนี้ฉันมีสองตัวเลือกให้นายตัดสินใจ อย่างแรก ถ้านายมอบวิชาให้กับฉัน ฉันก็จะให้ผู้ฝึกชี่ที่เก่งกาจคนนั้นช่วยนายสร้างร่างกายใหม่ขึ้นมา อย่างที่สอง หรือไม่ฉันก็จะส่งมอบตัวนายให้กับตระกูลลู่ในตอนนี้เลย นายลองคิดตัดสินใจดูนะ ฉันนั้นหมดความอดทนทุกอย่างแล้ว”
กวนหานอุทานขึ้นว่า: “อาจารย์อา ท่านห้ามทำกับฉันแบบนี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจารย์จะต้องมาจัดการท่านแน่”
อี่ว์ชิงเฉินลงมือทันที พลันเกิดประกายลำแสงขึ้น พร้อมกับเสียงดังกร็อกแกร็ก อี่ว์ชิงเฉินได้ทะลุผ่านร่างหุ่นเชิดของกวนหานแล้ว
“อย่าได้มาท้าทายต่อความอดทนของฉัน นายคงคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่านายจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ! ”
น้ำเสียงของอี่ว์ชิงเฉินแฝงไปด้วยเจตนาสังหารที่ดุดัน แววตาสองข้างประกายแสงสีฟ้าขึ้น
นี่คือลักษณะอาการของการที่คำสาปยังไม่ได้กำจัดไปอย่างหมดสิ้น
แต่กวนหานไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้ เขาตกใจอย่างมากกับประกายแสงสีฟ้าในแววตาของอี่ว์ชิงเฉิน เพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวจากร่างกายของอี่ว์ชิงเฉิน
ทันใดนั้น กวนหานก็พูดขึ้นว่า: “ตกลง อาจารย์อา ท่านชนะแล้ว ฉันจะมอบวิชาให้กับท่าน แต่ท่านจะต้องสัญญากับฉันว่า จะเปลี่ยนร่างกายใหม่ให้กับฉันด้วย ผู้ฝึกชี่คนนั้นที่ท่านพูดถึงมีความสามารถที่เก่งกาจขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันได้ยินว่าผู้ฝึกชี่ที่สามารถทำการปรับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายร่างกายได้นั้น มีจำนวนไม่มาก! ”
อี่ว์ชิงเฉินพูดขึ้นด้วยท่าทางสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนและไม่หอบว่า: “ผู้ฝึกชี่เถ่เมี่ยน แม้แต่ฉันที่ป่วยหนักปางตาย ก็ยังสามารถรักษาให้หายปกติอย่างรวดเร็ว การที่จะปรับเปลี่ยนร่างกายใหม่ให้นายนั้น มันจะไปยากอะไร นายวางใจเถอะ เพียงแค่นายมอบวิชามาให้ฉัน ฉันจะช่วยนายเปลี่ยนร่างกายแน่นอน แม้ว่าผู้ฝึกชี่เถ่เมี่ยนทำไม่ได้ อาจารย์อาก็จะพานายไปเข้าร่วมตลาดหม้อยา ต่อให้ต้องจ่ายเงินจำนวนมาก ก็จะช่วยนายให้สำเร็จ”