เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 717
วิทยายุทธที่ยกระดับขึ้น ทำให้เขาเข้าใจพลังฟ้าดินเพียงพอ วิเคราะห์วิถีได้รวดเร็วขึ้น ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญกลั่นยาทิพย์ทั่วไปแล้ว
อย่างน้อยยาทิพย์ที่ไม่เหนือกว่าวิทยายุทธของเขา เขาสามารถกลั่นออกมาได้แล้ว สิ่งเดียวที่ต้องยกระดับก็คืออัตราความสำเร็จ
“ศิษย์น้องลู่ฝาน กินยาเม็ดของนายทั้งวัน ฉันรู้สึกว่าวิทยายุทธของฉันยกระดับเร็วขึ้น ถ้าต่อไปไม่มียาของนายให้กิน ฉันต้องกลุ้มตายแน่นอน ตอนนี้วิทยายุทธของนายเป็นยังไงบ้าง”
ศิษย์พี่หานเฟิงกัดยาเม็ดจนมีเสียงออกมา แล้วเอ่ยขึ้น
ลู่ฝานตอบว่า “แดนปราณชีวิตชั้นสอง”
ศิษย์พี่หานเฟิงอึ้งไป หลังจากนั้นอ้าปากค้างพูดว่า “แดนปราณชีวิตชั้นสองเหรอ นายเข้าสู่แดนปราณชีวิตชั้นสองตั้งแต่ตอนไหน”
ลู่ฝานคิดแล้วตอบว่า “หลายวันแล้ว ฝึกไปฝึกมาก็ยกระดับได้”
สีหน้าของศิษย์พี่หานเฟิงประหลาดมาก ผ่านไปครู่หนึ่ง ศิษย์พี่หานเฟิงพูดว่า “ถ้านายไม่ใช่ศิษย์น้องฉัน ฉันคงอิจฉานายตายเลย ให้ตายเถอะ ฉันทุ่มเทแทบตาย อีกทั้งยังมีพลังสายเลือดกระตุ้นอีก ถึงทำให้วิทยายุทธต่างจากนายไม่มาก นายพูดว่าฝึกไปฝึกมาก็ยกระดับได้ ถ้าขืนคนอื่นได้ยิน พวกเขาต้องฆ่าตัวตายเพราะความอับอายแน่นอน”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ
เขาบอกศิษย์พี่หานเฟิงไม่ได้ ว่าเขาอาศัยยาของผู้ฝึกชี่ในการยกระดับ
พูดตามจริง สูตรการกลั่นยาที่มีประสิทธิภาพวิเศษของผู้ฝึกชี่อู๋เหลียง เป็นสูตรการกลั่นยาที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ยาเม็ดที่กลั่นออกมา ไม่เพียงแต่ยกระดับพละกำลัง ยังเสริมความแข็งแกร่งให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าอีกด้วย
ประกอบไปด้วย กลิ่น การมองเห็น การได้ยิน รสชาติ และการสัมผัส
ลู่ฝานรู้สึกว่าตัวเองว่องไวกว่าเมื่อก่อนมาก
ศิษย์พี่หานเฟิงมองสีหน้าราบเรียบของลู่ฝาน แล้วพึมพำว่า “ถ้าศิษย์น้องลู่ฝานเป็นลูกหลานตระกูลหาน พ่อเลวของฉันคงพาเขาไปที่เขาอู่จิ้งทันที”
ขณะที่กำลังพึมพำ เหมือนลู่ฝานเห็นอะไร เขาขมวดคิ้วพูดว่า “ด้านหน้ามีคน”
ศิษย์พี่หานเฟิงก็เพ่งมองไป ผ่านไปครู่หนึ่ง จุดดำปรากฏขึ้นที่ปลายสายตา
“ศิษย์น้องลู่ฝาน ตานายเป็นยังไง ขนาดนี้ยังเห็นได้”
ศิษย์พี่หานเฟิงชมความสามารถในการมองเห็นของลู่ฝานก่อน จากนั้นพูดว่า “ดูเหมือนว่ารีบมาเหมือนกัน บนเขาอวี่ฮั่วมีตลาดหม้อยาไม่ใช่เหรอ คงไปเพราะสิ่งนี้แหละมั้ง”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “อืม งั้นพยายามอย่าเข้าใกล้ ศิษย์พี่หานเฟิง อย่าสร้างความวุ่นวาย เป้าหมายหลักของเราต้องไปหาหลิงเหยากับพวกศิษย์พี่ที่เมืองหยุนไห่”
ศิษย์พี่หานเฟิงตบอกแล้วพูดว่า “ฉันเหมือนคนชอบหาเรื่องเหรอ ฮ่าๆ นกปิดฟ้าของพวกเขาใช้ไม่ได้เลย เล็กขนาดนี้ แม้แต่ที่พักก็ไม่มี”
ศิษย์พี่หานเฟิงเท้าเอวแล้วหัวเราะออกมา
ลู่ฝานเลิกคิ้วขึ้น ให้ศิษย์พี่หานเฟิงไม่สร้างความวุ่นวาย ดูเหมือนว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ความเร็วนกปิดฟ้าของลู่ฝานเร็วมาก ไม่นานก็เข้าใกล้แล้ว
ไม่ใช่แค่นกปิดฟ้าเพียงตัวเดียว เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่านกปิดฟ้าหลายสิบตัว เรียงตัวเป็นรูปค่ายกล เหมือนเมฆปกคลุมขอบฟ้า บินเรียงแถวหน้ากระดาน
บนหลังของนกแต่ละตัวมีคนนั่งอยู่สองคน สวมชุดคลุมยาวสีเขียวทั้งหมด
“ดูเหมือนมีสำนักไหนคงส่งคนมาสินะ ดูเป็นระเบียบมาก ศิษย์น้องลู่ฝาน นายดูผู้หญิงติดดอกไม้สีชมพู สวมเสื้อสีแดงที่อยู่ตรงกลางคนนั้นสิ ใช่หัวหน้าของพวกเขาหรือเปล่า”
ศิษย์พี่หานเฟิงชี้ไปที่นกปิดฟ้าตรงกลางสุดแล้วเอ่ยขึ้น
ลู่ฝานเพ่งมองไปไกลๆ มองแวบหนึ่ง จู่ๆ สีหน้าเขาประหลาด
“อืม น่าจะเป็นหัวหน้าของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ผู้หญิง”
“อะไรนะ”
ศิษย์พี่หานเฟิงเสียงสูง ขณะนั้นคนพวกนี้เห็นลู่ฝานที่บินมาด้านหลัง
กลุ่มคนหันมามองลู่ฝานกับหานเฟิง
เมื่อ “ผู้หญิง” ชุดแดงหันมา ศิษย์พี่หานเฟิงปิดตาตัวเอง
“โอ๊ย ตาฉัน พระเจ้า ทำไมต้องให้ฉันเห็นสิ่งนี้ ให้ตายเถอะ ไอ้นี่ประสาทหรือเปล่า ไม่สิ เขาประสาท”
สีหน้าของลู่ฝานก็ประหลาด เขาดูไม่ผิดจริงๆ
คนคนนี้เป็นผู้ชาย เห็นหนวดกับลูกกระเดือกชัดเจน อีกทั้งใบหน้าที่มีกล้ามเนื้อ
ชายชุดแดงพูดเสียงก้องว่า “คนที่มาเป็นใคร”
ลู่ฝานตอบอย่างราบเรียบว่า “คนที่รีบเดินทาง”
ชายชุดแดงมองลู่ฝานกับหานเฟิงอย่างละเอียด อีกทั้งนกปิดฟ้าที่ลู่ฝานนั่ง และห้องสุดหรูนั่นด้วย
“ไอ้หนุ่ม พวกนายมีนกปิดฟ้าที่ไม่เลว แลกได้ไหม”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น เราอยู่อย่างสบายมาก”
ศิษย์พี่หานเฟิงปิดหน้าเดินเข้าไปด้านใน
“นายคุยกับเขาไปเถอะศิษย์น้องลู่ฝาน ฉันจะเข้าไปพักผ่อน”
ขณะนั้นชายชุดแดงหัวเราะแล้วพูดว่า “แลกไหม ฉันก็อยากลองสัมผัสสักหน่อย อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร”
เมื่อได้ยิน ลู่ฝานขมวดคิ้วขึ้นมาทันที