หลังจากฉางเจี๋ยหน้าผีพูดจบ เขามองสุ่ยเชียนโหรวด้วยรอยยิ้ม
อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ของเขาสะดุดตาเกินไป หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของเขาประหลาดเกินไป ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของสุ่ยเชียนโหรวมีความสะอิดสะเอียนขึ้นมา
“คนแปลกประหลาด กล้ามาสอนฉัน ไม่กลัวตายเหรอ”
เมื่อพูดคำว่าตาย เสียงอันไพเราะดังขึ้นด้านหลังสุ่ยเซียนโหรว
“กระบี่ล้ำค่า!”
สาวใช้ท่าทางไม่เลวคนหนึ่งโผล่ออกมา ยกมือขึ้นพร้อมด้วยปราณกระบี่ พุ่งไปหาฉางเจี๋ยหน้าผี
พุดตามตรงว่าปราณกระบี่นี้ไม่เลวจริงๆ ต้องระดับปราณชีวิตอย่างแน่นอน
แต่ฉางเจี๋ยหน้าผีแค่ยกมือเบาๆ ปราณกระบี่นั้นหยุดลงข้างหน้าเขา
เสียงตกใจดังขึ้น พร้อมกับแววตาของสุ่ยเชียนโหรวที่เปลี่ยนไป
ถ้าทำลายมันหรือสะบัดมือทำให้มันสลายไป ทุกคนคงไม่มีทางตกใจ แต่วิชาอัศจรรย์ที่ทำให้ปราณกระบี่หยุดลง ต้องมีวิทยายุทธที่สูงจนคาดไม่ถึง
ฉางเจี๋ยหน้าผียิ้มแล้วมองปราณกระบี่ “วิชาของตระกูลสุ่ย ก็แค่นี้เอง คุณผู้หญิง ถ้ายังขวางทางคนอื่นซื้อของ ระวังเธอจะกลับไปไม่ได้อีกแล้ว”
พูดจบ ฉางเจี๋ยหน้าผีสะบัดมือโยนปราณกระบี่กลับไป
สุ่ยเชียนโหรวสะบัดมือเดียว ปราณกระบี่หายไป สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนเธอคิดอะไรออก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อซูอี้เห็นภาพนี้ เขากำลังจะเตือนพวกเขาว่าห้ามก่อเรื่องในหอแดนสวรรค์ แต่เมื่อเห็นคนพวกนี้ ล้วนแข็งแกร่งกว่าเขาทั้งนั้น ซูอี้คิดว่าถ้าตัวเองพูดออกไป คงเป็นเพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้น
“ซูอี้ นายลงไปพักผ่อนเถอะ”
ขณะที่ซูอี้กำลังสับสน มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลัง
ไม่ต้องหันไปมอง ซูอี้ก็รู้ว่าเป็นใคร เขาพูดอย่างนอบน้อม
“อาจารย์”
ผู้อาวุโสยืนข้างๆ ซูอี้ สะบัดมือบอกให้ซูอี้ลงไป เหตุการณ์วันนี้ซูอี้ไม่สามารถรับมือได้
“เซียนอวี่ซาน ไม่ได้เจอกันนาน!”
มีคนไม่น้อยเริ่มทักทายผู้อาวุโสจากไม่ไกลๆ เขาคือผู้กำกับดูแลเขาอวี่ฮั่ว และเป็นผู้นำผู้ฝึกชี่ของเขตตงหวา
อวี่ซานเอามือสองข้างไพล่หลัง พูดอย่างราบเรียบว่า “ประมูลต่อ ยังมีใครให้ราคาสูงกว่าคุณฟู่กุ้ยไหมครับ”
ทุกคนเงียบ คุณอวี่ซานพูดว่า “โอเคครับ งั้นของชิ้นแรกในงานแดนสวรรค์วันนี้ ตกเป็นของคุณฟู่กุ้ย เชื่อว่ามีหินสายฟ้าก้อนนี้ วิชาของคุณฟู่กุ้ยต้องยกระดับขึ้นอีกขั้นแน่นอน”
คุณฟู่กุ้ยมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า พยักหน้าให้อวี่ซานเบาๆ
“งั้นต่อไปเชิญทุกท่านชมของชิ้นที่สองได้เลยครับ!”
พูดพลาง อวี่ซานเอาของอย่างหนึ่งออกมาจากอก แล้วยกขึ้นเบาๆ
ของชิ้นนี้ไม่มีแสง ไม่มีอะไรประหลาดเป็นพิเศษ ดูเหมือนสมุนไพรที่มีลักษณะเหมือนหญ้าทั่วไป
ทุกคนเพ่งมอง แล้วพูดคุยกัน เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก
อวี่ซานพูดว่า “สิ่งนี้เป็นของที่ยอดฝีมือส่งมาประมูลที่หอแดนสวรรค์ ชื่อยาคือยาต่อชีวิต ไม่รู้วิธีใช้ แต่ผมรับรองกับทุกท่านได้เลยว่าสิ่งนี้เป็นยาวิเศษชั้นยอด!”
เมื่อได้ยินคำว่ายาวิเศษ ลู่ฝานรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างระเบิดในหัวตัวเอง
จู่ๆ ทั้งหอแดนสวรรค์เกิดความโกลาหลขึ้นมาด้วย
คำว่ายาวิเศษมันดูเกินจริงมาก ถึงเป็นเซียนบำเพ็ญชี่ ทั้งชีวิตก็ไม่น่าจะเจอยาวิเศษได้สักต้น
เหมือนคนในงานทั้งหมดพากันมายืนข้างหน้าหน้าต่าง เพื่อดูยานี้อย่างละเอียด
ลู่ฝานตื่นเต้นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง นิ้วมือสั่นเบาๆ
ยาวิเศษ! คิดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นยาวิเศษจริงๆ
เขาจำได้ว่าอาจารย์หวูเฉินเคยพูดว่า บนโลกนี้ยาที่สามารถช่วยเขาได้ มีเพียงยาวิเศษ!
แม้อาจารย์หวูเฉินอาจลืมคำนี้ไปแล้ว แต่กลับจำฝังลึกอยู่ในหัวลู่ฝาน
ลู่ฝานพูดเบาๆ ว่า “ผมต้องการยานี้!”
หานเฟิงอึ้งไป จากนั้นพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายพูดอะไร นายจะซื้อเหรอ นายยังมีคะแนนเหรอ”
หลิงเหยาก็พูดอย่างตกใจ “ลู่ฝาน นายจะซื้อมันเหรอ กลัวว่าเงินจะไม่พอน่ะสิ”
ลู่ฝานกัดฟันพูดว่า “ไม่พอก็จะซื้อ”