ร้านอาหารที่นี่ ดูไม่เหมือนกับร้านอาหารที่เขตตงหวาเลย อันดับแรกคือการก่อสร้าง เป็นโครงสร้างหินแร่ทั้งหมด ตั้งแต่ข้างในยันข้างนอก โปร่งใส่เหมือนคริสตัลเป็นอย่างมาก
โต๊ะเก้าอี้ ไม่มีอันไหนที่ไม่ใช่ผลึกใส ลู่ฝานสั่งอาหารมาสองสามอย่างตามใจชอบ พบว่าอาหารพวกนี้แพงมาก ไม่ทันทำอะไรก็เป็นพันเหรียญทองแล้ว
แต่เขาไม่เคยเห็นลักษณะอาหารมาก่อนจริงๆ
อย่างเช่น ไก่สะท้านฟ้าสะเทือนดินนี่มันอะไรกัน
อย่างเช่น ขาสัตว์เพลิงอันนี้อีก นี่มันของอะไรกัน
พออาหารมาเสิร์ฟ ลู่ฝานตาลายไปหมดแล้ว
ของถาดใหญ่มาก เขาไม่เคยเห็นไก่ย่างที่ใหญ่กว่าคนมาก่อน
อีกทั้งยังไม่เคยเห็นของที่มีรูปร่างเหมือนขาหมู ที่มีไฟสีม่วงโผล่ขึ้นมาตลอด
เจ้าดำกับสิบสามนั่งข้างลู่ฝาน พากันมองตาค้าง
หลังจากนั้นลู่ฝานลองชิม
คุณภาพเป็นไปตามราคาตามคาด ไม่เคยกินของอร่อยขนาดนี้มาก่อน
ทันใดนั้นใบหน้าลู่ฝานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ถ้าเอาของพวกนี้กลับไปให้หลิงเหยากับพวกศิษย์พี่หานเฟิง พวกเขาต้องดีใจตายแน่นอน
สิบสามกับเจ้าดำก็เริ่มกินอย่างมีความสุข คนสองคนกับสัตว์หนึ่งตัว กินอย่างมีความสุขเป็นอย่างมาก
แต่ขณะนั้น ลู่ฝานเห็นพวกหยวนเลี่ยเดินเข้ามาในร้านเหมือนกัน
เมื่อทั้งสามเห็นลู่ฝานกำลังทานอาหาร ก็มีสีหน้าที่แตกต่างกัน
หยวนเลี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “สหายลู่ฝาน นายนี่เร็วจริงๆ มากินอาหารกันแล้ว”
เฝิงอิ่งกับเซี่ยงจู้ดูประหลาดเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสามนั่งข้างโต๊ะลู่ฝาน
เด็กเสิร์ฟเอาเมนูที่มีลักษณะเหมือนบัตรผลึกหิน ยื่นให้พวกหยวนเลี่ย
เมื่อเห็นราคาต่างๆ บนเมนูอาหาร พวกหยวนเลี่ยหน้าเปลี่ยนสีทันที
“ทำไมแพงขนาดนี้ ของที่นี่แพงจนไม่สมเหตุสมผลจริงๆ ไม่ทันทำอะไรก็หลายพันเกือบหมื่น”
เด็กเสิร์ฟยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าทุกท่านพกเหรียญทองมาไม่พอ สามารถจ่ายด้วยยาหรือสมุนไพรได้ครับ”
เฝิงอิ่งวางเมนูอาหารลง เซี่ยงจู้ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ได้ๆ ยาของเรามีไม่เยอะ จะเอาออกมาเพราะการกินได้ยังไง”
ลู่ฝานฟังคำพูดของพวกเขา รู้ว่าทั้งสามคนในกระเป๋าไม่มีเงิน ทำให้รู้สึกลำบากใจ
ไม่ใช่ทุกคนที่เหมือนกับเขา เห็นเงินไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ทุกคนที่เหมือนเขา ที่ใช้ยาทิพย์เป็นเหรียญทอง
ลู่ฝานหันมาพูดกับหยวนเลี่ย “ไม่ต้องจ่ายเงินนั่นหรอก สหายหยวนเลี่ยมากินด้วยกันสิ เพราะยังไงฉันก็กินอาหารที่สั่งมาไม่หมดหรอก”
เจ้าดำมองลู่ฝานด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มทันที ท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟันของมัน เหมือนกำลังพูด
“นายกินไม่หมดก็ยังมีฉันไง!”
ลู่ฝานจับเจ้าดำกลับมาบนไหล่ ผายมือขวาเชิญพวกเขาให้มานั่ง
หยวนเลี่ยหัวเราะแล้วพูดว่า “งั้นขอบคุณสหายลู่ฝานไว้ก่อน”
เหมือนเฝิงอิ่งกับเซี่ยงจู้ ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ไม่ได้ลุกขึ้นมา
ลู่ฝานหัวเราะแล้วพูดว่า “แค่อาหารเล็กน้อย ไม่นับประสาอะไรหรอก ทั้งสามท่านไม่ต้องสนใจ ออกเดินทางมาข้างนอกไม่ง่าย มากินด้วยกันเถอะ ถือว่าทำความรู้จักเป็นเพื่อนกัน”
พูดถึงขนาดนี้แล้ว เฝิงอิ่งกับเซี่ยงจู้ทำได้เพียงมานั่ง
สิบสามลุกขึ้นไปยืนด้านหลังลู่ฝานทันที
ลู่ฝานหันไปพูดกับสิบสามว่า “นั่งกินต่อสิ ลุกขึ้นมาทำไม”
สิบสามส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “อิ่ม!”
ลู่ฝานมองสิบสามอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่บังคับเขา จากนั้นฉีกเนื้อชิ้นใหญ่ให้เจ้าดำ
ทุกคนกินกันอย่างมีความสุข แววตาที่เฝิงอิ่งกับเซี่ยงจู้มองลู่ฝาน ก็ดูผ่อนคลายลง ยังไงกินของคนอื่นก็ต้องเกรงใจหน่อย
ตอนนี้ในใจทั้งสองคน ลู่ฝานอาจกลายเป็นเศรษฐีใหม่ที่มีเงินนิดหน่อยไปแล้ว แต่เขาไม่สนใจ เขาไม่สนใจว่าคนอื่นมองเขายังไงมาหลายปีแล้ว