เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 913
คนที่อ่อนแอ แล้วรักตัวกลัวตายนั้น มันไม่หนักหนาอะไรเท่าไร
แต่นักบู๊ที่แข็งแกร่ง ที่ได้ทอดทิ้งเพื่อนร่วมทางแบบนี้ เพื่อเอาตัวเองรอด มันช่างน่ารังเกียจเสียจริง
ราชากระบี่ใต้เองก็มองออกถึงความเหยียดหยามของคนอื่นที่มีต่อตัวเขา
เขาที่รู้สึกว่าอับอายขายหน้านั้น ก็ได้เดินลงไปจากเรือมังกร กลับไปที่เรือกระบี่ จากนั้นก็ขับเคลื่อนเรือกระบี่ไปอยู่ท้ายสุดของขบวน
การกระทำของเขานั้น ทำให้นักบู๊หลายคนก่นด่าอย่างไม่พอใจ
“ถุย ฉันมองผิดเสียจริงเชียว ถึงได้หลงเชื่อคนอย่างนี้ได้”
“เป็นถึงราชากระบี่ใต้ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นถึงนักบู๊แดนปราณดิน กลับรักตัวกลัวตาย ทอดทิ้งเพื่อนร่วมทาง รอให้ฉันกลับไปก่อน จะต้องช่วยเขาป่าวประกาศให้โด่งดังไปเลย ดูว่าเขายังจะมีน้ำหน้าอยู่ต่อไปอย่างไร”
“พอเถอะ พอเถอะ ไม่พูดถึงไอ้คนนี้แล้ว ยิ่งพูดยิ่งโมโห เห็นได้ชัดเลยว่าบนโลกใบนี้ ไม่ใช่ว่าคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้น จะเป็นคนดีเสมอไป”
“มีวิทยายุทธ แต่ไม่มีศีลธรรมจรรยาบรรณ ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นยอดฝีมือ”
……
เสียงวิพากษณ์วิจารณ์ยังคงมีต่อไม่หยุด ครั้งนี้ถือว่าชื่อเสียงของราชากระบี่ใต้ถูกทำลายลงสิ้นเชิง
มีบางเรื่อง กลัวการเปรียบเทียบ ซึ่งเมื่อนำคนมาเปรียบเทียบกับคน ก็จะมีอีกฝ่ายที่ต้องไม่พอใจ
ผู้คนต่างก็ได้เริ่มนำการกระทำของราชากระบี่ใต้ไปเปรียบเทียบกับการกระทำของลู่ฝาน
ราชากระบี่ใต้เห็นพญาหนอนแล้วก็เผ่นหนี ส่วนลู่ฝานนั้นเผชิญหน้าต่อสู้กับพญาหนอน
ในช่วงคับขันราชากระบี่ใต้ หลบหนีเอาตัวรอดคนเดียว ส่วนลู่ฝานนั้นนำพาทุกคนร่วมกันหลบหนี
ราชากระบี่ใต้มีพลังความสามารถ แต่กลับฆ่าได้เพียงพวกหนอนตัวเล็กเท่านั้น แม้แต่หนอนที่ระเบิดตัวเองก็ยังรับมืออย่างกระเซอะกระเซิง
ส่วนขั้นแดนของลู่ฝานก็ไม่ได้ว่าจะเหนือกว่าราชากระบี่ใต้ แต่ก็สามารถบุกเข้าไปตัดหนวดเส้นหนึ่งของพญาหนอนมาได้ บังคับจนมันต้องถอยร่นกลับไป
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ยิ่งจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึง “ความอ่อนแอ” ของราชากระบี่ใต้ และ “ความแข็งแกร่ง” ของลู่ฝาน
หากว่าราชากระบี่ใต้ได้ยินการเปรียบเทียบนี้แล้วคาดว่าคงจะกระอัดเลือดออกมาแน่นอน ซึ่งผลงานก่อนหน้าที่เขาได้นำพาทุกคนบุกโจมตีสังหารนั้น ถือว่าได้ถูกหลงลืมไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
หมดหนทาง เพราะมีบางเรื่อง ที่มันก็โหดร้ายแบบนี้
โดยปกติจะกระทำการอะไรนั้นไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ในช่วงเวลาคับขันเฉพาะหน้า
ซึ่งในช่วงคับขับนี้ จะถูกตัดสินว่าเป็นอย่างไร
ลู่ฝานที่เข้าไปในห้องนั้น ไม่ได้ยินคำวิพากษณ์วิจารณ์กันในด้านนอก
เขาได้นำเอาหนวดออกมาจากภายในเข็มขัด แล้ววางไว้ตรงด้านหน้า
เวลานี้เจ้าดำได้ออกมาจากการรวมร่างแล้ว โดยได้นอนหมอบอยู่ที่ร่างของลู่ฝาน
ลู่ฝานตะโกนขึ้นในใจว่า: “ไอ้เก้า ออกมา”
ทันใดนั้น บนมือของลู่ฝานก็ปรากฏเงาร่างของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรขึ้น
“เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ในที่สุดท่านก็นึกถึงฉันแล้ว ฮ่าฮ่า เจ้านายท่านได้ของดีมาอีกชิ้นหนึ่งแล้ว ฉันสามารถรับรู้สัมผัสได้ถึงพลังที่รุนแรงของหนวดเส้นนี้ จะให้ฉันดูดกลืนมันเข้าไปไหม? ”
ลู่ฝานพูดขึ้นว่า: “ใครสั่งให้นายดูดกลืนมันล่ะ ฉันแค่จะถามนายว่า เพราะอะไร หลังจากที่ฉันตัดหนวดมาแล้ว หนอนพวกนั้นถึงได้หวาดกลัวขนาดนั้น นายค่อนข้างมีความรู้ ช่วยบอกเหตุผลให้ฉันฟังหน่อยสิ”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรหัวเราะแหะแหะและพูดว่า: “ง่ายมาก หนวดเส้นนี้น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่มันใช้สั่งการพวกหนอนตัวเล็กเหล่านั้น ท่านไปตัดหนวดของมันมาเส้นหนึ่ง มันจึงเตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมพวกหนอนเหล่านั้นได้ ดังนั้นมันจึงเกิดความหวาดกลัว และถอยร่นกลับไป หากว่าหนวดถูกตัดออกทั้งสองเส้น ฉันมั่นใจว่า พวกหนอนตัวอื่นจะต้องกระจัดกระจายไปอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรก็ดี หรือสัตว์อสูรในอากาศธาตุก็ดี ที่จริงก็จะเหมือนกัน มักจะชอบรังแกข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า หากว่าเผชิญหน้ากับยอดฝีมือตัวจริง ความคิดของสัตว์อสูรนั้นไม่ใช่ว่าจะเข้าต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่จะเป็นการเลือกหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด โดยเป็นเพราะมีพญาหนอนควบคุมสั่งการอยู่ ดังนั้นพวกมันถึงได้บุกเข้าโจมตีต่อสู้”
ลู่ฝานยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า: “ฉันเข้าใจแล้ว อันที่จริงก็ง่ายดายมาก”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดขึ้นว่า: “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเฉลียวฉลาดและมีความสามารถมาโดยตลอดอยู่แล้ว”
ลู่ฝานชูหนวดขึ้น ยิ้มและพูดว่า: “ดูเหมือนว่า การฝ่าด่านรังหนอนเหล่านี้ไปนั้น มันก็ไมใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไปแล้ว! ”